ฤทัยยักษ์ บทที่ 12.2 : เบื้องหลังศึกยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้ง

ฤทัยยักษ์ บทที่ 12.2 : เบื้องหลังศึกยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้ง

โดย : เวฬุวลี

Loading

ฤทัยยักษ์ โดย เวฬุวลี นวนิยายที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ที่ anowl.co กับเรื่องราวของ ‘ฤทัยมาศ’ ตำรวจสาวที่ต้องเข้าไปสืบคดีที่เชื่อมโยงกับอดีตของเธอที่มีร่วมกับยักษ์หนุ่มจากวัดโพธิ์นามว่า ‘แสงอาทิตย์’ และยังไปเกี่ยวพันกับเบื้องลึกเบื้องหลังของศึกยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งที่เล่าขานกันมาเนิ่นนาน

ฤทัยมาศนิ่งอึ้งเมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากแสงอาทิตย์

“ถ้างั้น…เรื่องเล่าที่บอกว่ายักษ์วัดโพธิ์สู้กับยักษ์วัดแจ้งก็เป็นเรื่องจริง แล้วก็เป็นสาเหตุของไฟไหม้ที่ท่าเตียน”

“แต่เรื่องที่คนลือว่ายักษ์วัดโพธิ์เบี้ยวเงินยักษ์วัดแจ้งไม่จริง ผมไม่เคยไปเอาเงินจากทศกัณฐ์ ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมทศกัณฐ์ถึงมาใส่ร้ายผม”

“แล้วหลังจากนั้น เกิดอะไรขึ้นคะ…”

“เราสู้กันจนแถวนั้นราบเป็นหน้ากลอง พวกยักษ์ตนอื่นๆ มาห้ามไว้ได้ในที่สุด แต่หลังจากนั้น…ยักษ์วัดโพธิ์ก็บาดหมางกับยักษ์วัดแจ้ง และไม่เคยได้ติดต่อพูดคุยกันอีก แต่ทศกัณฐ์เคยบอกว่าจะสั่งสอนผมในสักวัน”

“งั้นคนที่ใช้แว่นแก้วสุรกานต์ในวันนี้คือ…ทศกัณฐ์ งั้นเหรอคะ”

แสงอาทิตย์พยักหน้า “ตอนนี้สู้กัน ผมเห็นหน้าเขาอย่างชัดเจน เป็นทศกัณฐ์แน่ๆ”

ฤทัยมาศยังคงไม่เข้าใจ “แต่มันดูไม่ค่อยมีเหตุผลเลยนะคะ ทศกัณฐ์มีฤทธิ์เดชตั้งมากมาย แล้วทำไมเขาต้องขโมยแว่นแก้วสุรกานต์ของคุณไปเพื่อฆ่าคนด้วย”

“อาจเป็นเพราะว่า…หลังเหตุไฟไหม้ ผมเคยโดนพระอิศวรคาดโทษไว้ว่าถ้าก่อเรื่องอีกครั้ง ผมจะต้องโดนลงโทษ ไม่ได้ออกมาจากรูปปั้นอีก ทศกัณฐ์เลยใช้อาวุธของผมเพื่อโยนความผิดว่าผมเป็นฆาตกรที่ฆ่าพวกคนเหล่านั้น และทำให้ผมต้องโดนลงโทษ”

ฤทัยมาศพยายามคิดตามคำอธิบายของแสงอาทิตย์ แต่หญิงสาวก็ยังไม่อยากเชื่อว่ายักษ์ทศกัณฐ์ที่เธอเคยเรียนรู้จากวรรณคดีจะเป็นคนที่คิดอะไรซับซ้อนขนาดนั้น เท่าที่เธอรู้ พญายักษ์เมืองลงกาค่อนข้างมุทะลุ ถึงจะไประรานก่อเรื่องมากมาย แต่ก็หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีจนไม่น่าที่จะคิดแผนการเพื่อแทงข้างหลังหลานชายของตนเองได้

ตำรวจสาวถามอีกเรื่องที่ยังค้างคาใจ “แล้ว…คนรักของคุณล่ะคะ เกิดอะไรขึ้นกับเธอ คุณได้เจอเธออีกมั้ยคะ”

แสงอาทิตย์เงียบไป ฤทัยมาศหันไปมองบรรดายักษ์วัดโพธิ์ที่นั่งอยู่ด้านหลังก็นิ่งเงียบและมีสีหน้าว่าไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ใช้เวลานานหลายนาทีกว่าที่แสงอาทิตย์จะตอบคำถามนั้นของหล่อน

“ผมเจอเธอ…หลังจากนั้นอีกหนึ่งวัน…”

 

เมื่อความโกรธค่อยๆ สลายมลายลงไป แสงอาทิตย์ก็พบว่าตนเองถูกมัยราพณ์และขรช่วยกันดึงแขนไว้คนละข้าง ไม่ให้เขาไปก่อการใดอีก ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามอย่างทศกัณฐ์ก็ถูกสหัสเดชะฉุดรั้งไว้เช่นกัน

ยักษ์วัดโพธิ์และยักษ์วัดแจ้งยืนประจันหน้ากัน แต่แล้วทันใดนั้น ก็เกิดแสงประหลาดเหนือท้องฟ้า พร้อมกับสุรเสียงอันทรงอำนาจที่ดังขึ้น

“ข้าให้พวกเจ้าได้มีชีวิตอีกครั้ง ก็เพื่อให้พวกเจ้าคอยพิทักษ์ปกปักษ์รักษาศาสนา เหตุใดเจ้าจึงมาสู้กันเองเช่นนี้ ยังไม่ทิ้งนิสัยมารอีกหรือ!”

พญายักษ์ทั้งหลายรู้ดีว่าสุรเสียงนั้นมาจากใครไม่ได้นอกจากมหาเทพสูงสุด ทุกตนต่างคุกเข่าเพื่อขออภัยต่อพระอิศวร

“แสงอาทิตย์ เจ้าเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดความวุ่นวายนี้ ข้าจะสาปให้เจ้าติดอยู่ในรูปปั้นหน้าซุ้มประตูโบสถ์ ไม่ได้ออกมาอีกเลย!”

พญาขรตัวสั่นเมื่อได้ยินคำประกาศิตนั้น ก้มกราบแทนแสงอาทิตย์ผู้เป็นลูกชาย “ข้าจะสั่งสอนแสงอาทิตย์ ข้าจะไม่ยอมให้เขาทำผิดอีกแล้ว ได้โปรดให้อภัยแสงอาทิตย์ลูกข้าด้วยเถิด”

นานราวกับชั่วกัปชั่วกัลป์ สุรเสียงนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “ได้! เห็นแก่เจ้า พญาขร ข้าจะละเว้นลูกชายเจ้าในครั้งนี้ แต่หากเกิดเหตุขึ้นอีก ข้าจะไม่ปรานีแน่”

เมื่อสิ้นสุรเสียงนั้น แสงอาทิตย์มองไปรอบๆ เห็นตึกรามบ้านช่องที่เลี่ยนเตียนไปเป็นทิวแถวแล้ว ในใจเขาพลันนึกถึงหน้าของคนรัก

พญายักษ์วิ่งวนไปทั่วทุกที่ที่คิดว่าเฟืองมายจะอยู่ แต่กลับไร้เงาของหญิงสาว ทั่วทุกที่ที่เขาไป เขาเจอกับคนเจ็บคนตายนับสิบ และเพิ่งตระหนักถึงความผิดพลาดที่ตนเองได้ทำลงไป

“เฟืองมาย…เฟืองมาย”

แสงอาทิตย์เรียกชื่อคนรักซ้ำไปซ้ำมาอยู่เช่นนั้น จนเกือบรุ่งเช้าของอีกวันนั้น เขาจึงได้พบกับหล่อน

ร่างของเฟืองมายเย็นชืดเสียแล้วเมื่อเขาพบหญิงสาวอยู่ภายใต้ซากปรักหักพังของโรงเรือนที่พังทลายลงมาเพราะไฟไหม้ ยักษ์หนุ่มจำได้ว่าเขาอุ้มหล่อนอย่างทะนุถนอมขึ้นมาแนบอก ก่อนจะพาหล่อนไปหามัยราพณ์

“มัยราพณ์ ช่วยข้าที เจ้ามีมนตร์วิเศษใช่มั้ย ช่วยปรุงยาอะไรก็ได้มาให้นางกิน ตัวนางเย็นชืดไปหมดแล้ว”

พญายักษ์จากวังบาดาลนิ่งมองหน้าเพื่อน มิอาจเอื้อนเอ่ยคำใดนอกจาก “ข้าเสียใจ”

“เดี๋ยวสิ นั่นเจ้าจะไปไหน ช่วยเฟืองมายของข้าก่อน”

มัยราพณ์หันกลับมาเพื่อพูดความจริงกับแสงอาทิตย์ “ไม่มีมนตร์ หรือยาอันใด ที่จะช่วยมนุษย์ที่ตายไปแล้วให้ฟื้นกลับขึ้นมาได้ ข้าเสียใจด้วยแสงอาทิตย์”

แสงอาทิตย์ทรุดตัวลงอยู่ตรงนั้น หลายพันปีมาแล้ว เขาจำไม่ได้ว่าเขาเคยร้องไห้ หรือเสียน้ำตาให้กับสิ่งใด

บัดนี้ เขากำลังร้องไห้ให้กับมนุษย์ผู้บอบบางที่เขากอดแนบอกอยู่ในตอนนี้ มนุษย์ที่ไม่สลักสำคัญอันใด มนุษย์ที่ยักษ์หนุ่มไม่เคยคิดว่าเขาจะผูกพันด้วย

แต่มนุษย์ผู้นี้เป็นผู้เดียวที่เห็นเนื้อแท้ของเขา มองข้ามรูปร่างหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวมาถึงจิตใจที่อยู่ภายใน มองเห็นทุกรอยแผลและความกลัวของเขา และยินดีที่จะโอบรับและมอบความรักแท้ให้แก่เขาทั้งดวงใจที่หล่อนมี

ข้ารักเจ้าเฟืองมาย…ข้าจะรักเจ้าตลอดไป

 

ฤทัยมาศเงียบ ไม่เอ่ยถามอะไรแสงอาทิตย์อีก แต่ในใจของหล่อนนั้นเข้าใจความเจ็บปวดของยักษ์หนุ่มมากกว่าครั้งไหน

ตำรวจสาวขับพาบรรดายักษ์และตุ๊กตาหินไปที่พักอีกแห่งซึ่งเป็นบ้านของลินินที่อยู่ชานเมืองของกรุงเทพฯ สาวแอร์โฮสเตสรีบมาเปิดบ้านทันทีที่ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อน

“เกิดอะไรขึ้นแก แล้วนั่นใครน่ะ” ลินินถามเมื่อเห็นร่างของมาร์โคโปโลที่บรรดายักษ์ต้องหอบหิ้วลงมาจากรถ

“เรื่องมันยาว…แต่เขาก็เป็นพวกเดียวกับยักษ์วัดโพธิ์นั่นแหละ” ฤทัยมาศกระซิบบอกกับลินิน “เขาเพิ่งเสียคนรักไป สภาพก็เลยเป็นแบบนี้”

“โธ่ น่าสงสารจัง”

“ฉันฝากด้วยแล้วกันนะแก”

หญิงสาวฝากฝังบรรดายักษ์และหนุ่มตุ๊กตาหินกับเพื่อน ก่อนที่จะขับรถออกมาพร้อมแสงอาทิตย์เพื่อพาเขาไปรักษาบาดแผลที่คลินิกแห่งหนึ่ง พลางคิดในใจ

ฉันช่วยคุณรักษาแผลภายนอกเท่านั้นหรอกนะ แผลในใจคงใช้เวลาอีกนาน

พญายักษ์ขยับตัวที่เต็มไปด้วยบาดแผล ฤทัยมาศถามอย่างกังวล “เจ็บมากมั้ยคะ”

อสูรหนุ่มส่ายหน้า ย้อนถามฤทัยมาศ “สรุปว่าตำรวจคนนั้น…ก็เป็นคนร้ายด้วยงั้นเหรอ ผมคิดว่าคุณบอกผมว่าเขาเป็นคนดี”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าลุงปราการเป็นคนร้ายจริงมั้ย แต่ตอนนี้ฉันไม่ไว้ใจเขาแล้ว”

“โลกของคุณมันซับซ้อนนะฤทัยมาศ” แสงอาทิตย์พูดขึ้น “ในโลกที่ผมเคยอยู่ มีแค่มนุษย์ ยักษ์ ลิง… มนุษย์กับลิงเป็นตัวดี ส่วนยักษ์เป็นตัวร้าย”

ฤทัยมาศหันมามองเขาอย่างเห็นใจ “คุณไม่ใช่ตัวร้ายสำหรับฉันหรอกนะคะ อย่างวันนี้คุณก็พยายามช่วยชีวิตเรมี่ พยายามช่วยฉันจับฆาตกรจนบาดเจ็บ แบบนี้เป็นบทพระเอกรู้มั้ยคะ”

หญิงสาวยิ้มให้กับแสงอาทิตย์ รอยยิ้มของเธอจุดความสว่างในคืนที่มืดมัวและทำให้แสงอาทิตย์ตระหนักได้ว่าเขายังมีหัวใจอยู่ และหัวใจเขาก็เต้นทุกครั้งเมื่อเจอกับเธอคนนี้

รถของฤทัยมาศมาจอดหน้าคลินิกแหน่งหนึ่ง แสงอาทิตย์เงยหน้ามองสถานที่ที่ไม่คุ้นตา

“ที่นี่คือ…”

“เป็นคลินิก เอ่อ…หมายถึงเป็นโรงหมอที่มีหมอช่วยรักษา คุณลงมาเถอะค่ะ อย่างน้อยก็หาผ้าพันแผลของคุณไว้ก็ยังดี”

“อย่าดีกว่า ผมไม่อยากให้มีคนมาเจอ”

“คุณไม่ต้องห่วง ที่นี่ไม่มีใคร นอกจากคุณหมอเจ้าของคลินิก เขาเป็นแฟนของฉันเอง และฉันก็บอกเขาไว้แล้วว่าห้ามบอกเรื่องของคุณกับใคร”

แสงอาทิตย์ชะงัก ก่อนที่ประตูคลินิกจะเปิดออก และชายคนหนึ่งเดินออกมาหาฤทัยมาศ

“นี่แหละค่ะคนไข้ที่ฤทัยบอก ฝากด้วยนะคะพี่ต้น”

 



Don`t copy text!