ฤทัยยักษ์ บทที่ 17.2 : บุคคลปริศนาในคืนพระจันทร์เต็มดวง

ฤทัยยักษ์ บทที่ 17.2 : บุคคลปริศนาในคืนพระจันทร์เต็มดวง

โดย : เวฬุวลี

Loading

ฤทัยยักษ์ โดย เวฬุวลี นวนิยายที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ที่ anowl.co กับเรื่องราวของ ‘ฤทัยมาศ’ ตำรวจสาวที่ต้องเข้าไปสืบคดีที่เชื่อมโยงกับอดีตของเธอที่มีร่วมกับยักษ์หนุ่มจากวัดโพธิ์นามว่า ‘แสงอาทิตย์’ และยังไปเกี่ยวพันกับเบื้องลึกเบื้องหลังของศึกยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งที่เล่าขานกันมาเนิ่นนาน

ในความทรงจำที่ทอดยาวไปหลายพันปีของมธุริน หล่อนยังจำได้ดีถึงรอยยิ้มและแววตาอันอบอุ่นของจิตรไพรี ยักษ์หนุ่มกอดนางไว้แนบแน่นขณะที่เขามอบของขวัญให้แก่เธอเมื่อกลับมาจากกรุงลงกา

“นี่อะไรกันคะ”

“รูปที่พี่สลักมาจากหินที่ชายหาดของกรุงลงกา…เจ้าเห็นหรือไม่ว่าเป็นรูปอันใด”

มธุรินมองใบหน้าของรูปสลักนั้นแล้วก็อุทานออกมา “รูปของน้องนี่คะ”

จิตรไพรีพยักหน้า “พี่ไปลงกาเสียหลายวัน คิดถึงน้องใจจะขาด เลยสลักรูปนี้ไว้ให้คลายความคิดถึง”

มธุรินยิ้มรับกับความอบอุ่นอ่อนหวานของสามี หล่อนซบหน้าลงในอ้อมกอดของจิตรไพรี “กรุงลงกาสวยไหมคะ”

“สวยงดงามพอๆ กับโรมคัลแต่ใหญ่โตกว่ามาก” ยักษ์หนุ่มตอบเมียรัก “พี่ชอบทะเลของลงกาที่สุด สักวันหนึ่งพี่จะพาน้องไปที่นั่น…”

แต่วันนั้นก็ไม่เคยมาถึง เมื่ออีกเพียงไม่นาน ทศกัณฐ์มาเชิญแสงอาทิตย์ต้องไปร่วมรบ และจิตรไพรีก็ต้องติดตามไปด้วยในฐานะพี่เลี้ยงของแสงอาทิตย์

มธุรินจำได้ว่าหล่อนร้องไห้คร่ำครวญมากแค่ไหนเมื่อได้รับรู้ข่าวดังกล่าว “พี่อย่าไปเลยนะคะ น้องเสียพ่อ เสียพี่ชายทั้งสองไปแล้ว น้องไม่อาจทนมีชีวิตได้อีกถ้าต้องเสียพี่ไปอีก”

“ไม่ได้หรอกมธุริน นี่เป็นหน้าที่ของพี่ พี่ติดตามพญาแสงอาทิตย์มาตั้งแต่เล็ก พญาแสงอาทิตย์ไปไหน พี่ก็ต้องไปด้วย”

“น้องไม่เข้าใจเลย ตอนนี้เมียที่เป็นแม่ม่าย ลูกที่เป็นกำพร้าเต็มเมืองไปหมดแล้ว จะรบกันต่อเพื่อเหตุใด ทำไมทศกัณฐ์ไม่คืนนางสีดาให้พระรามเสีย ตัวเองก็มีนางมณโฑ มีเมียอื่นๆ นับร้อยอยู่แล้ว”

มธุรินพูดด้วยน้ำตาเต็มตา แต่สามีหล่อนก็ยังไม่คล้อยตาม

“นี่เป็นเกียรติยศและศักดิ์ศรีของยักษ์ เราจะยอมให้พวกมนุษย์และลิงมาย่ำยีไม่ได้”

ศักดิ์ศรี…ศักดิ์ศรี…นางยักษ์ชิงชังคำนี้เหลือเกิน พ่อและพี่ชายของหล่อนตายมิใช่เพื่อศักดิ์ศรีของตนเอง แต่เพื่อศักดิ์ศรีของพญายักษ์ที่จดจำพวกยักษ์สามัญอย่างพ่อและพี่ชายของหล่อนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

คืนนั้น มธุรินนอนอยู่ในอ้อมกอดของจิตรไพรีเช่นเคย แต่ใจหวั่นไหวสะอื้นอยู่ในอก กลัวจะต้องเสียผัวไปตลอดกาล

และแล้วหล่อนก็นึกถึงวิธีที่จะทำไม่ให้จิตรไพรีไปร่วมรบได้ ในเมื่อหล่อนห้ามปรามเขาไม่ได้ ก็เหลือแต่คนที่เป็นเจ้าชีวิต เป็นนายสูงสุดของเขาเท่านั้นที่จะห้ามได้

นางยักษ์ตัดสินใจทำสิ่งที่กล้าบ้าบิ่นและเสี่ยงต่อชีวิตของหล่อน แม้นางจะเป็นสตรี แต่มธุรินมีความสามารถหนึ่งซึ่งนางยักษ์ธรรมดาสามัญส่วนใหญ่ไม่มีนั่นคือการแปลงกาย พ่อและพี่ชายของหล่อนเคยได้สอนคาถาที่ใช้ในการแปลงกายไว้ก่อนจะออกไปรบ โดยหวังว่าจะช่วยให้มธุรินเอาตัวรอดได้ หากมีข้าศึกศัตรูเข้ามา

มธุรินแปลงกายเป็นจิตรไพรีผู้เป็นสามีทำให้หล่อนสามารถฝ่าด่านยักษ์ที่เฝ้าประตูเพื่อมาพบแสงอาทิตย์ในท้องพระโรงขณะที่แสงอาทิตย์กำลังวางแผนที่จะไปกรุงลงกาเพื่อจะไปรบกับกองทัพพระรามในวันรุ่งขึ้น

เมื่อเข้าถึงตัวแสงอาทิตย์ได้ นางยักษ์ก็กลับสู่ร่างเดิม และยอบกายถวายความเคารพแก่พญายักษ์

“พญาแสงอาทิตย์! พญาแสงอาทิตย์ได้โปรดฟังข้าด้วยเถิด!”

เพราะไม่เคยเห็นนางยักษ์สามัญตนใดที่บุกมาหาเขากลางดึกมาก่อน แสงอาทิตย์จึงถามด้วยความสงสัย

“เจ้าเป็นใคร ต้องการสิ่งใด”

นางยักษ์คุกเข่าลงต่อหน้าเขาด้วยความเคารพยกย่อง

“ข้าชื่อมธุริน เป็นเมียของจิตรไพรี พี่เลี้ยงของพระองค์”

“จิตรไพรีไม่ได้อยู่ที่นี่ ข้าให้เขากลับบ้านเพื่อเตรียมไปออกรบวันพรุ่งนี้”

นางยักษ์มธุรินเงยหน้ามองแสงอาทิตย์ด้วยน้ำตาเต็มดวงตา “ข้ารู้…ข้าถึงได้มาขอร้องพระองค์ หากจิตรไพรีผัวข้ายังอยู่ที่นี่เขาคงไม่ยอมให้ข้ามาอ้อนวอนพระองค์เช่นนี้แน่ พญาแสงอาทิตย์…ได้โปรดอย่าส่งผัวข้าไปรบด้วยเถิด ครอบครัวข้า พ่อข้า…และพี่ชายทั้งสองของข้า…ต่างตายในสงครามระหว่างยักษ์กับพระราม ข้าไม่อยากเห็นผัวข้าต้องตาย”

แสงอาทิตย์กระทืบเท้า กล่าวด้วยเสียงดังลั่น “นี่เจ้ากำลังสาปแช่งให้ข้าแพ้ทัพของพระรามงั้นหรือ”

นางยักษ์ตัวสั่นงันงกก่อนเอ่ยต่อ “หามิได้…ข้าแค่มาขอร้อง ข้าไม่อยากสูญเสียใครไปอีกเพคะ”

ยักษ์หนุ่มนิ่งงันไปชั่วครู่ ความสงสารเห็นใจก็ปรากฏอยู่ในแววตา ก่อนที่เขาจะบอกกับนางยักษ์ตนนั้น “เจ้ากลับไปเสียเถิด พรุ่งนี้…ข้าจะสั่งให้จิตรไพรีไม่ต้องไปร่วมรบ”

เมื่อแสงอาทิตย์รับปากกับนางอย่างหนักแน่นเช่นนั้น มธุรินขอบคุณเขาหลายครั้งหลายหนกว่าที่จะยอมออกไปจากท้องพระโรง

มธุรินกลับมาถึงบ้านอีกครั้งในยามเกือบรุ่งเช้า หล่อนจำได้ว่าหล่อนล้มตัวลงนอนกอดจิตรไพรีด้วยความรู้สึกอันตื้นตันว่าสามีจะยังนอนร่วมเตียงอยู่กับหล่อน ไม่จากไปไหน

หากแต่ในวันรุ่งขึ้น เมื่อมธุรินตื่นขึ้นมา กลับไม่พบกับจิตรไพรีเสียแล้ว นางยักษ์จำได้ว่าหล่อนรีบกลับไปที่วังของพญาแสงอาทิตย์อย่างร้อนรน ก่อนจะพบคำตอบจากยักษ์เฝ้าประตูว่ากองทัพของแสงอาทิตย์ได้เคลื่อนพลไปยังกรุงลงกาแล้ว

“แล้วจิตรไพรีไปด้วยหรือ…พญาแสงอาทิตย์ไม่ได้สั่งห้ามไม่ให้เขาไปหรือ”

ยักษ์เฝ้าประตูส่ายหน้า มธุรินแทบจะทรุดตัวลงอยู่ตรงนั้นด้วยความผิดหวัง

แต่นางยักษ์ก็ยังไม่ยอมแพ้ หล่อนตัดสินใจบุกป่าฝ่าดงตามทัพของแสงอาทิตย์ไปถึงที่กรุงลงกา ตลอดทางหล่อนเห็นศพของยักษ์เกลื่อนกลาดรายทาง นางยักษ์ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้หนึ่งในนั้นเป็นผัวของนาง

มธุรินมาถึงที่สนามรบจนได้…แต่ทันได้แค่เพียงเห็นวาระสุดท้ายของผัวหล่อน

๏ เมื่อนั้น                   สองกษัตริย์สุริย์วงศ์ทรงศิลป์

เห็นศรแสงอาทิตย์อสุรินทร์                  มาต้องหมู่กระบินทร์โยธี

พระนารายณ์ทรงจับพรหมาสตร์            พระลักษมณ์ชักพลายวาตศรศรี

พาดสายหมายสองอสุรี                      ภูมีผาดแผลงไปด้วยฤทธิ์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

 

๏ วานรกลับเป็นขึ้นมา              อสุราล้มตายอกนิษฐ์

พรหมาสตร์ต้องอกแสงอาทิตย์              พลายวาตต้องจิตรไพรี

ก็ล้มลงกับพื้นพระสุธา                       ด้วยกำลังศักดาศรศรี

พิษกลุ้มรุ่มร้อนดั่งอัคคี                       ก็สุดสิ้นชีวีด้วยกัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

มธุรินจำได้ว่าหล่อนกรีดร้องออกมาสุดเสียงเมื่อเห็นศรพลายวาตของพระลักษมณ์ต้องอกของจิตรไพรี นางยักษ์เห็นผัวของนางตายต่อหน้าต่อตา ก่อนที่จะล้มฟุบลงอยู่กลางสนามรบนั้น



Don`t copy text!