ฤทัยยักษ์ บทที่ 18.2 : ความเคียดแค้นของการสูญเสีย

ฤทัยยักษ์ บทที่ 18.2 : ความเคียดแค้นของการสูญเสีย

โดย : เวฬุวลี

Loading

ฤทัยยักษ์ โดย เวฬุวลี นวนิยายที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ที่ anowl.co กับเรื่องราวของ ‘ฤทัยมาศ’ ตำรวจสาวที่ต้องเข้าไปสืบคดีที่เชื่อมโยงกับอดีตของเธอที่มีร่วมกับยักษ์หนุ่มจากวัดโพธิ์นามว่า ‘แสงอาทิตย์’ และยังไปเกี่ยวพันกับเบื้องลึกเบื้องหลังของศึกยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งที่เล่าขานกันมาเนิ่นนาน

เมื่อหลายเดือนก่อน มธุรินนัดหมายกับสัญชัยและปราการมาพูดคุยกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง สัญชัยเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่นำเงินจากธุรกิจสีเทาของเขามาให้บริษัทของเธอไปลงทุนต่อ ส่วนปราการ เธอรู้จักเขาผ่านสัญชัย และมธุรินก็พยายามผูกมิตรกับนายตำรวจใหญ่ไว้ เผื่อว่าในอนาคต หากเธอพลาดฆ่ามนุษย์คนไหนที่ขวางหูขวางตาเธออีก จะได้มีคนที่คอยเก็บกวาดให้กับเธอ

“เงินของคุณสัญชัย ตอนนี้ฉันเปลี่ยนให้ไปอยู่ในรูปแบบทองคำกับคริปโต และแบ่งไปลงทุนในหุ้นกับธุรกิจอสังหา ทุกอย่างทำผ่าน บริษัท เจพีอาร์ เทรดดิ้ง อีกไม่นาน ก็สามารถถอนออกมาได้อย่างขาวสะอาด พร้อมกับผลตอบแทน”

มธุรินยื่นเอกสารการลงทุนให้สัญชัยดู ซึ่งชายหนุ่มก็พอใจมากกับตัวเลขที่เขาเห็น

“เพราะได้คุณมธุรินช่วยแท้ๆ ผมถึงเป็นเสือนอนกิน ไม่ต้องขยับตัวทำอะไรเลย”

นางยักษ์ยิ้มรับคำชื่นชมนั้น แต่ในใจนึกดูแคลนว่าถ้าไม่ใช่หล่อนช่วย คนโง่อย่างเขาจะมีปัญญาทำอะไรได้

“ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากผู้การ ทุกอย่างเลยสะดวกไปหมด”

มธุรินหันไปทางปราการ หล่อนรู้วิธีที่จะยกยอนายตำรวจใหญ่ ให้เขาคิดอยู่เสมอว่าหล่อนให้ความสำคัญกับเขา

“งั้นเรามาดื่มฉลองความสำเร็จกันเถอะ” ปราการชวนทุกคนดื่ม มธุรินยกแก้วไวน์ขึ้นมาชนแก้วกับทุกคน หล่อนเคยเคร่งครัดกับกฎที่ว่ายักษ์จะไม่ดื่มเหล้า แต่เมื่อมาอยู่ในโลกมนุษย์ นางยักษ์ก็ไม่เห็นว่ามีประโยชน์อันใดที่หล่อนจะรักษากฎนี้อีก

“นอกจากพอร์ตพวกนี้แล้ว ผมอยากสะสมของเก่ากับงานศิลปะเพิ่ม” สัญชัยเอ่ยกับหล่อน ก่อนหัวเราะ “ของพวกนี้มันทำให้ผมดูมีรสนิยม แบบที่ผู้ดีเก่าเขามี”

“ได้ค่ะ แล้วฉันจะติดต่อนายหน้าที่ขายงานพวกนี้เอาของมาให้คุณเลือก”

หลังจากนั้นไม่กี่วัน มธุรินก็นำนายหน้ามาหาสัญชัย รูปของเก่าและงานศิลปะถูกฉายขึ้นบนหน้าจอขนาดใหญ่ หล่อนมองผ่านๆ อย่างไม่สนใจมากนัก จนถึงของชิ้นสุดท้ายที่ทางนายหน้าบอกว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่มาจากอินเดีย

“มันเป็นของเก่าที่เพิ่งถูกขุดค้นพบ…ชาวบ้านไปเจอมันในที่ที่น่าจะเป็นวิหารที่ตั้งขึ้นเพื่อบูชาทหารของพระราม”

“พระรามในรามเกียรติ์น่ะเหรอ” สัญชัยถามอย่างสงสัย

“ครับ แต่ที่นั่นเรียกรามายณะ”

“ทหารของพระรามตัวไหน หนุมานเหรอ”

“เอ่อ…ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับผม”

เมื่อรูปของสมบัติชิ้นนั้นถูกฉายบนหน้าจอ มธุรินก็ชะงักไปในทันที หน้าจอแสดงให้เห็นหีบขนาดใหญ่ที่ถูกล็อกไว้อย่างแน่นหนาด้วยกุญแจ มีอักษรโบราณที่สลักไว้บนหีบที่ยังไม่มีใครสามารถแปลได้ แต่หล่อนเห็นเพียงแวบเดียวหล่อนก็รู้…

“องคต” มธุรินพึมพำออกมา

“ว่าไงนะครับ” นายหน้าหันมาถามหล่อน

“นี่เป็นขององคต…ทหารของพระราม”

ทั้งสัญชัยและนายหน้าต่างสงสัยว่าหล่อนรู้ได้ยังไง แต่สีหน้าของหญิงสาวนั้นดูมั่นใจมาก

“เหรอ…ผมเห็นมันเป็นแค่หีบธรรมดาๆ”

“ฉันขอซื้อได้มั้ยคะ” มธุรินเอ่ยขึ้นมาทันที ที่ทำให้สัญชัยและนายหน้าต่างชะงัก “ฉันถูกใจของชิ้นนี้ นะคะ…คุณสัญชัย ฉันขอซื้อแล้วกัน บอกราคามาเลย”

ในเมื่อหล่อนพูดแบบนั้น สัญชัยเลยไม่กล้าจะหักหาญน้ำใจ สุดท้ายของชิ้นนั้นจึงกลายเป็นของหล่อน ซึ่งนายหน้ารับปากว่าจะขนส่งของมาให้หล่อนถึงมือในอาทิตย์หน้า

มธุรินยิ้ม คำสลักบนหีบนั้นบอกคำเตือนไว้ว่าในนั้นมีอาวุธร้ายแรงของเผ่าพันธุ์ยักษ์ที่ส่องใครแล้วจะต้องตายทันที เพียงเท่านี้ หล่อนก็รู้ทันทีว่าในกล่องนั้นมีแว่นแก้วสุรกานต์อยู่

เมื่อของมาส่งในอาทิตย์ต่อมา มธุรินจำได้ว่าหล่อนตื่นเต้นมาก หล่อนเดินไปหยุดอยู่หน้าหีบ ก่อนกระชากกุญแจออกด้วยเรี่ยวแรงของยักษ์ และเอื้อมมือเข้าไปในหีบเพื่อหยิบแว่นแก้วสุรกานต์ออกมา

แต่ภายในหีบกลับไม่มีสิ่งใดอยู่เลย มธุรินชะงัก เริ่มสำรวจของที่หล่อนได้รับ และนางยักษ์ก็รู้ได้ทันทีว่าหล่อนกำลังถูกหักหลัง

“นี่มันของปลอม! มีคนมาสับเปลี่ยนเอาแว่นแก้วสุรกานต์ไป!”

นายหน้าลนลานจะออกไปจากบ้านของมธุริน แต่นางยักษ์ไปคว้าคอเขามาก่อน

“บอกมา! แว่นของจริงอยู่ที่ไหน!”

นายหน้าคนนั้นละล่ำละลักบอกความจริงว่าสัญชัยให้เงินเขาถึงสองเท่า เพื่อให้เอาของจริงไปให้เขา และเอาของปลอมมาให้เธอ มธุรินก็หักคอเขาในทันที ก่อนจะทิ้งร่างของชายหนุ่มให้นอนตายอยู่ตรงพื้น

แววตาของนางยักษ์วาวโรจน์ด้วยความแค้น หล่อนรีบไปหาสัญชัยที่บริษัทในทันที

นางยักษ์พยายามเข้าพบสัญชัย เพื่อขอแว่นแก้วสุรกานต์คืน แต่สัญชัยปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย และยังให้ลูกน้องของเขาพาตัวหล่อนออกจากห้องไป

มธุรินโกรธ แต่หล่อนก็ฝืนไม่แสดงตัวตนของยักษ์ออกมา…หล่อนยังไม่รู้ว่าสัญชัยเก็บกล่องนั้นไว้ที่ไหน หากฆ่าเขาตอนนี้ แผนทุกอย่างก็คงสูญเปล่า

โชคดีที่ในวันนั้น มีผู้ชายอีกคนที่มาหาสัญชัยเหมือนกัน…ปราการ

เขามาขอร้องให้สัญชัยทำลายหลักฐานที่ระบุความเกี่ยวข้องของเขากับธุรกิจผิดกฎหมายทั้งหมด เพื่อล้างตัวเองให้ขาวสะอาดก่อนที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง

สัญชัยปฏิเสธปราการ เขาเองก็ต้องการมีหลักฐานที่จะยืนยันว่าปราการจะไม่มาหักหลังเขาทีหลัง ปราการจึงกลับไปอย่างหัวเสีย

เมื่อตำรวจหนึ่งคน และยักษ์หนึ่งตน มีจุดประสงค์ตรงกัน มธุรินเลยตัดสินใจที่จะเข้าหาปราการ ขอให้เขาช่วยเอาแว่นแก้วสุรกานต์มาให้หล่อน ตำรวจใหญ่หัวเราะขันว่าทำไมเขาจะต้องช่วยหล่อน จนมธุรินแสดงให้เขาร่างที่แท้จริงของหล่อน…

เงาที่ทอดยาวสูงเท่าตึกสามชั้นของหล่อนทำให้ตำรวจอย่างปราการถึงกับเข่าทรุดปากคอสั่น

เขาตกลงที่จะช่วยหล่อน ปราการไปหลอกถามสัญชัยว่าเขาเก็บกล่องแว่นแก้วสุรกานต์ไว้ที่ไหน มธุรินเข้าไปขโมยมันออกมา เมื่อสัญญาณกันขโมยดังขึ้น สัญชัยก็ออกมาพร้อมปืน ก่อนเหนี่ยวไกยิงหล่อน

“เอาของของกูคืนมา!”

นางยักษ์หันมามองเขา แววตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ สัญชัยเลยต้องกลายเป็นเหยื่อรายแรกที่ตายเพราะแว่นแก้วสุรกานต์ เมื่อมธุรินใช้แว่นแก้วสุรกานต์ส่องจนร่างเขาติดไฟและเหลือเพียงแค่เถ้ากระดูก

 

“คดีแรกเกิดขึ้นเพราะข้าต้องการแว่นแก้วสุรกานต์…ข้ารู้ในทันทีว่าข้าต้องเอาอาวุธนั้นมาเป็นของข้า… อย่างน้อยถ้ามีแว่นแก้วสุรกานต์ ข้าก็อาจจะฆ่าพวกเจ้าได้สำเร็จ”

ฤทัยมาศเริ่มเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับคดีปริศนาที่หล่อนตามสืบ

“แล้วพ่อของฉัน” ฤทัยมาศถามอย่างแค้นใจ “พ่อของฉันเกี่ยวอะไรด้วย ทำไมเธอต้องฆ่าพ่อด้วย!”

มธุรินหันมามองฤทัยมาศ ในชั่วระยะเวลาหนึ่ง ดวงตาของนางยักษ์เหมือนมีแววของความรู้สึกผิด

“เรื่องนั้น…เธอต้องไปโทษเพื่อนของพ่อเธอ”

ฤทัยมาศชะงัก “ลุงปราการงั้นเหรอ”

“ปราการบอกกับฉันว่าพ่อของเธอกำลังสืบรู้เรื่องธุรกิจฟอกเงินของฉัน ถ้าฉันไม่ฆ่าเขา ฉันเองก็จะอยู่ได้ลำบากเหมือนกัน…ก็เหมือนกับที่ฉันต้องฆ่าผู้หญิงที่ชื่อรมณที่จะไปเป็นพยานกับตำรวจ ปราการต้องการฆ่าปิดปากคนเหล่านี้ แต่ฉันมีจุดประสงค์อื่นนอกจากนั้น…”

มธุรินหันไปมองแสงอาทิตย์ แล้วยักษ์หนุ่มก็เข้าใจในทันที

“เจ้าต้องการล่อให้ข้าออกมาสินะ…”

มธุรินหัวเราะที่ในที่สุดพญายักษ์ก็รู้ตัวเสียที “ใช่ ข้าเชื่อว่ายิ่งคนตายด้วยแว่นแก้วสุรกานต์มากขึ้น เจ้าก็จะยิ่งร้อนรน และยิ่งเจ้าเคยถูกพระอิศวรคาดโทษมาก่อน เจ้าคงพยายามสืบหาว่าใครเป็นคนทำ และข้าก็จะใช้โอกาสนั้นทำให้ยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งต้องห้ำหั่นกันอีกครั้ง…แต่แผนดันแตกซะก่อน”

นางยักษ์ถอนหายใจด้วยความเสียดาย แต่แสงอาทิตย์กลับมองว่านางกำลังเสแสร้งแกล้งทำ แววตาของนางยักษ์วาวโรจน์ขึ้นมาอีกครั้งก่อนเอ่ยว่า “สงสัยข้าคงต้องใช้ไม้ตายสุดท้ายเสียแล้ว”

มธุรินหยิบแว่นแก้วสุรกานต์ขึ้นมา และใช้มันส่องไปที่แสงอาทิตย์!



Don`t copy text!