ฤทัยยักษ์ บทที่ 19.1 : ล้มยักษ์

ฤทัยยักษ์ บทที่ 19.1 : ล้มยักษ์

โดย : เวฬุวลี

Loading

ฤทัยยักษ์ โดย เวฬุวลี นวนิยายที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ที่ anowl.co กับเรื่องราวของ ‘ฤทัยมาศ’ ตำรวจสาวที่ต้องเข้าไปสืบคดีที่เชื่อมโยงกับอดีตของเธอที่มีร่วมกับยักษ์หนุ่มจากวัดโพธิ์นามว่า ‘แสงอาทิตย์’ และยังไปเกี่ยวพันกับเบื้องลึกเบื้องหลังของศึกยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งที่เล่าขานกันมาเนิ่นนาน

ทันทีที่มธุรินหยิบแว่นแก้วสุรกานต์ขึ้นมา แสงอาทิตย์ก็พยักหน้าส่งสัญญาณให้กับเพื่อนยักษ์ที่เหลือ มัยราพณ์เหาะขึ้นไปปิดหน้าต่างด้านบนของโกดัง ส่วนสัทธาสูรและขรก็ไปปิดประตูของโกดังทั้งซ้ายและขวา ในโกดังจึงมืดสนิท เมื่อมธุรินใช้แว่นแก้วสุรกานต์ส่องไปที่แสงอาทิตย์ หล่อนก็พบว่าอาวุธที่เคยเผาคนให้เป็นเถ้าถ่าน บัดนี้กลับจุดไฟไม่ติด

นางยักษ์ยังพยายามส่องแว่นแก้วสุรกานต์ไปที่แสงอาทิตย์อีกหลายครั้งแต่ไร้ผล ยักษ์หนุ่มจึงเฉลยให้หล่อนรู้ในที่สุด “แว่นแก้วสุรกานต์เป็นอาวุธที่ร้ายแรงก็จริง แต่ตัวมันเอง…ทำหน้าที่แค่รวมแสงให้ลุกกลายเป็นไฟ ถ้าปราศจากแสง…อาวุธนี้ก็ไร้ประโยชน์”

มธุรินชะงัก หล่อนรู้ในทันทีว่าบรรดายักษ์ล่อให้หล่อนมาติดกับ หลอกให้หล่อนเข้ามาในโกดัง เพื่อจะปิดตาย ไม่ให้แสงเล็ดลอดเข้ามาได้

นางยักษ์คำรามลั่นด้วยความโกรธ ร่างของหล่อนขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ และพยายามจะพังกำแพงของโกดังเพื่อให้แสงลอดเข้ามา แต่แสงอาทิตย์ไหวตัวทัน เขาเหาะขึ้นไปจับตัวนางไว้ และใช้กำลังผลักให้มธุรินล้มลง ก่อนดึงแว่นแก้วสุรกานต์จากมือหล่อนให้เข้ามาอยู่ในมือเขาได้สำเร็จ

“ฆ่านางเสียสิ แสงอาทิตย์!” สัทธาสูรตะโกนขึ้นมา เมื่อเห็นว่าแสงอาทิตย์สามารถปราบนางยักษ์ที่ปั่นหัวยักษ์ทุกตนมาหลายหน

แต่แสงอาทิตย์กลับลังเล เขานึกถึงหน้าจิตรไพรีผู้ที่เขานับถือเหมือนพี่ชาย แล้วก็ไม่อยากลงมือกับผู้ที่เป็นเมียรักของจิตรไพรี

“ละเว้นชีวิตนางเถิด” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา เมื่อยักษ์ทุกตนหันไปมอง ก็ต่างแปลกใจเมื่อนั่นคือเสียงของทศกัณฐ์ พญายักษ์ที่โหดร้ายน่ากลัวและดูเหมือนไม่เคยมีเมตตาปรานีกับใคร

มีเพียงสหัสเดชะ ยักษ์ที่ยืนอยู่ข้างทศกัณฐ์มาหลายร้อยปีที่เข้าใจเขามากที่สุด “นางทำให้เจ้า…คิดถึงตอนที่เจ้าเป็นนนทก (1) สินะ”

พญายักษ์กายสีเขียวมองมธุริน สีหน้าของความเจ็บปวดนั้นเป็นสิ่งที่เขาเข้าใจดี “ความเกลียดชัง… ความคั่งแค้นของการไม่ได้รับความยุติธรรม สร้างปีศาจและมารขึ้นมามากมาย…ข้าเองก็เป็นหนึ่งในนั้น”

ทศกัณฐ์หันไปหาแสงอาทิตย์ผู้เป็นหลานชาย “หากเจ้าฆ่านาง…เจ้าก็ไม่ต่างอะไรกับพวกนั้น…พวกที่เห็นเราเป็นยักษ์มาร หาทางทำลายเราด้วยวิธีสกปรก แล้วยังเรียกว่าตนเองเป็นฝ่ายดี ปล่อยให้นางได้รับการตัดสินโทษที่ยุติธรรมเถิด”

แสงอาทิตย์เข้าใจสิ่งที่พญายักษ์พูด แต่สัทธาสูรก็ยังไม่เห็นด้วย

“แล้วถ้านางย้อนกลับมาแก้แค้นพวกเราอีกเล่า ข้าว่าเจ้าอย่าใจดีกับศัตรูเลยดีกว่า”

“ข้ามีวิธีที่จะทำให้นางสิ้นฤทธิ์” ยักษ์ที่นิ่งเงียบเฝ้าดูเหตุการณ์มาตลอดอย่างมัยราพณ์เอ่ยขึ้น

วิธีของมัยราพณ์ไม่ต่างจากวิธีที่เขาเคยทำกับฤทัยมาศ ยักษ์หนุ่มปรุงยาขึ้นมา ยาที่จะทำให้ผู้ที่กินหลงลืมความทรงจำไปชั่วขณะ มธุรินขัดขืนแต่ก็ต้องกลืนยาเม็ดนั้นลงไปในที่สุด นางยักษ์ทุรนทุรายอยู่พักหนึ่งก่อนจะนิ่งไปในที่สุด

“แค่นี้ นางก็จะลืมก็นางเป็นใคร…และจำไม่ได้ว่าตนเองคือยักษ์”

“แล้วถ้าหากนางเกิดจำได้ขึ้นมาล่ะ เจ้าก็บอกเองว่ายานี้ไม่ได้ผลไปตลอด” ขรเอ่ยขึ้นอย่างวิตก

“ใช่ คนที่กินยานี้อาจจำเรื่องราวได้อีกหน แต่เฉพาะที่เกิดเหตุที่มากระตุ้นความทรงจำ…หรือเจอเหตุร้ายแรงถึงชีวิต”

ฤทัยมาศชะงัก นี่เองเป็นเหตุผลว่าทำไมหล่อนถึงจดจำแสงอาทิตย์ได้อีกครั้ง ในขณะที่ตนเองกำลังจมน้ำใกล้ตาย

“ข้าว่าหากนางยักษ์โดนจับเข้าคุกเหมือนมนุษย์ทั่วๆ ไป เรื่องนี้ก็คงไม่เกิด จริงมั้ย” มัยราพณ์หันไปมองฤทัยมาศ และนั่นทำให้หญิงสาวรู้ว่าหล่อนต้องมีบทบาทแล้วในตอนนี้

ตำรวจสาวโทรศัพท์ไปหาจ่ากุศลว่าหล่อนพบกับผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ทางตำรวจกำลังต้องการตัวแล้ว และในไม่ถึงชั่วโมงต่อมา รถของตำรวจก็วิ่งเข้ามาที่หน้าโกดังร้างนั้น โดยที่เหลือเพียงหล่อนเท่านั้นที่รออยู่ ส่วนบรรดายักษ์วัดโพธิ์และยักษ์วัดแจ้งได้หลบเร้นออกไปจากที่เกิดเหตุแล้ว

 

ฤทัยมาศคิดว่าคงจะเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ตำรวจเชื่อว่ามธุรินคือผู้ที่ก่อเหตุฆาตกรรมทั้งหมด แต่แค่เพียงหล่อนก้าวไปถึงที่สถานีตำรวจ ก็พบว่าปราการได้เตรียมหลักฐานไว้ทั้งหมดแล้ว ทั้งคลิปกล้องวงจรปิดที่เห็นมธุรินเข้าไปหานายสัญชัยในห้องทำงาน หลักฐานเส้นผมที่อยู่ในที่ที่พ่อของหล่อนตาย และรอยนิ้วมือของมธุรินที่เข้าไปในร้านอาหารที่รมณตาย

เรียกได้ว่าปราการเตรียมพร้อมทุกอย่าง…เพื่อจะทำให้มธุรินเป็นผู้ร้ายเพียงคนเดียว และเขาก็จะลอยนวลไปอย่างขาวสะอาด

“ลุงดีใจที่ฤทัยปลอดภัย” ปราการเอ่ยกับหญิงสาว เมื่ออยู่ตามลำพังในห้องทำงานของเขา

“เหรอคะ ฤทัยคิดว่าลุงห่วงกลัวว่าจะจับฤทัยไม่ได้” ตำรวจสาวย้อนถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ปราการพยายามคุมอารมณ์ ไม่แสดงท่าทีใดออกมา

“ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน…ดูเหมือนเราจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย ฤทัยเลยเข้าใจว่าลุงเกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมด ลุงอยากบอกกับหนูว่าลุงไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับธุรกิจของสัญชัยเลย และก็ไม่รู้ไม่เห็นที่มธุรินฆ่าคนด้วย”

ฤทัยมาศรับฟังอย่างเงียบเชียบ แต่แววตาของหล่อนนั้นบ่งบอกว่าหล่อนไม่เชื่อสิ่งที่ปราการพูดออกมาแต่อย่างใด

หล่อนยังเหลือพยานอีกคนที่สามารถเอาผิดกับปราการได้ นั่นก็คือหยาง ฤทัยมาศตัดสินใจนำหยาง ไปมอบตัวกับตำรวจ โดยหวังว่าเขาจะสามารถให้การได้ถึงความเชื่อมโยงระหว่างธุรกิจผิดกฎหมายของสัญชัยกับปราการ และทำให้พ่อของหล่อนพ้นมลทิน

ทว่าหล่อนตัดสินใจผิด ในวันต่อมา ฤทัยมาศก็ได้ข่าวว่าหยางใช้เชือกผูกรองเท้าของตนเองผูกคอตายในคุก ตำรวจสาวนิ่งอึ้ง หล่อนไม่เชื่อว่าคนที่รักตัวกลัวตายอย่างหยางจะฆ่าตัวตาย หญิงสาวมั่นใจว่าเรื่องนี้จะต้องเป็นฝีมือของปราการ ตำรวจสาวเข้าไปพบกับปราการในห้องทำงานทันที

“ฝีมือของลุงใช่มั้ยคะ เรื่องหยาง” หญิงสาวพูดอย่างไม่อ้อมค้อม

ตำรวจใหญ่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เขาเหลือบตามองฤทัยมาศ ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ในสิ่งที่หล่อนพูด

“ฤทัยพูดเรื่องอะไร นี่หนูจะกล่าวหาลุงอีกงั้นเหรอ”

หญิงสาวมองจ้องเขม็งไปที่ปราการ “ฉันจะหาหลักฐานให้ได้ ว่าคุณเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี่!”

ปราการหัวเราะขำ ก่อนสบตาฤทัยมาศอย่างไม่ยี่หระ “บอกให้นะ…ถึงหยางจะไม่ตาย หรือถึงมธุรินจะให้การซัดทอดลุง มันก็ไม่ได้เปลี่ยนผลของคดีนี้หรอก ระหว่างคำพูดของคนที่เป็นตำรวจน้ำดีอย่างลุง กับคำพูดของคนที่เป็นอาชญากรอย่างหยางกับมธุริน ฤทัยคิดว่าคนจะเชื่อใครกัน มันก็เหมือนในรามเกียรติ์ที่หนูเคยอ่าน พวกยักษ์ไม่มีวันจะพลิกกลับมาเป็นตัวดีได้หรอกจริงมั้ย”

ปราการพูดด้วยท่าทางโอหังแบบที่ฤทัยมาศเกลียดเกินทานทน แต่หล่อนก็ไม่อาจจะปฏิเสธไปได้ว่าสิ่งที่ปราการพูดคือความจริง

 

เชิงอรรถ : 

(1) นนทก คือ ชื่อของยักษ์ซึ่งเป็นชาติก่อนของทศกัณฐ์ ทำหน้าที่ล้างเท้าอยู่เชิงเขาไกรลาศ และโดนเทวดากลั่นแกล้งเป็นเวลานาน จนไปขอพรจากพระอิศวรให้ได้รับนิ้วเพชรที่ชี้ไปที่ผู้ใดผู้นั้นต้องตาย นนทกใช้นิ้วเพชร ฆ่าเทวดามากมายและก่อให้เกิดความเดือดร้อนวุ่นวายไปทั่ว จนพระนารายณ์มาปราบโดยการแปลงตัวเป็นนางอัปสร และให้นนทกร่ายรำจนชี้นิ้วไปที่ตัวเองจนขาหัก และนางอัปสรก็แปลงกลับเป็นพระนารายณ์ เมื่อนนทกรู้ความจริง ก็ต่อว่าพระนารายณ์ที่ใช้กลโกงมาหลอกตนที่กำลังด้อยกว่า พระนารายณ์จึงบอกให้นนทกไปเกิดใหม่เป็นยักษ์สิบเศียร ยี่สิบมือ ส่วนพระนารายณ์จะไปเกิดเป็นมนุษย์ธรรมดา และมาสู้กันอีกครั้ง นี่เป็นเรื่องราวกำเนิดของทศกัณฐ์และพระรามในรามเกียรติ์



Don`t copy text!