ฤทัยยักษ์ บทที่ 22.2 : ยักษ์ไม่สิ้นฤทธิ์

ฤทัยยักษ์ บทที่ 22.2 : ยักษ์ไม่สิ้นฤทธิ์

โดย : เวฬุวลี

Loading

ฤทัยยักษ์ โดย เวฬุวลี นวนิยายที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ที่ anowl.co กับเรื่องราวของ ‘ฤทัยมาศ’ ตำรวจสาวที่ต้องเข้าไปสืบคดีที่เชื่อมโยงกับอดีตของเธอที่มีร่วมกับยักษ์หนุ่มจากวัดโพธิ์นามว่า ‘แสงอาทิตย์’ และยังไปเกี่ยวพันกับเบื้องลึกเบื้องหลังของศึกยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งที่เล่าขานกันมาเนิ่นนาน

ขณะเดียวกันนั้น ศศินอยู่กับแสงอาทิตย์และบรรดายักษ์ เขาพยายามขับรถวนหาในที่ที่คิดว่ามธุรินจะไป แต่ก็ไม่เจอนางยักษ์ผู้เป็นมารดาแม้แต่เงา

ศศินพูดขึ้นมาเมื่อเวลาล่วงเลยไปเกือบชั่วโมง “คุณแม่ผมมีบ้านพักที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ เวลาไม่สบายใจอะไร คุณแม่มักจะไปที่นั่น ผมคิดว่าคุณแม่อาจจะไปอยู่ที่นั่น”

บ้านพักที่ศศินพูดถึง เป็นบ้านขนาดใหญ่ที่อยู่ในสวนรกร้างห่างไกลผู้คน เมื่อบรรดายักษ์เข้าไปแล้วก็ตะลึงกับการตกแต่งทั้งหมดแบบอินเดียโบราณ เหมือนมธุรินต้องการจำลองชีวิตสมัยที่หล่อนยังอยู่ในเมืองโรมคัลมาไว้ที่นี่ ที่ที่เธอจะได้พักผ่อน และเป็นตัวของตัวเอง

“เราลองไปดูให้ทั่วเถอะ”

ยักษ์ทั้งสี่ตนแยกไปค้นหาคนละทาง มัยราพณ์เปิดเข้าไปในห้องหนึ่ง เขาเห็นว่ามีขวดยาต่างๆ วางไว้เรียงอยู่บนชั้นวางของ

“เป็นของผมเอง” ศศินบอก “ผมเคยตามคุณแม่มาที่นี่ แล้วก็เคยคิดที่จะเปิดคลินิกที่นี่”

ยักษ์หนุ่มนักปรุงยาอย่างมัยราพณ์หยิบขวดยาขึ้นมาดูอย่างสนอกสนใจ “ยาพวกนี้ผลิตมาจากว่านยาแบบไหนกันหรือ”

“ไม่ใช่ว่านยา อันนี้เป็นยาปฏิชีวนะ เอ่อ…ผลิตมาจากเชื้อรา” หมอหนุ่มพยายามอธิบาย ทั้งที่ไม่แน่ใจว่ายักษ์อย่างมัยราพณ์จะเข้าใจหรือไม่

มัยราพณ์วางขวดยาไว้ดังเดิม ดูมั่นอกมั่นใจขณะเอ่ยต่อ “ยาพวกนี้ก็คงใช้กับมนุษย์ที่อ่อนแอเท่านั้น ถ้าเป็นยาที่ใช้กับยักษ์ ก็ต้องเป็นยาที่ข้าปรุง”

“นี่ไม่ใช่เวลาที่จะอวดเรื่องยานะมัยราพณ์” แสงอาทิตย์เตือน “รีบหาตัวมธุรินให้เจอเถอะ”

พวกยักษ์แยกกันค้นหา แสงอาทิตย์กับศศินไปทางเดียวกัน ส่วนมัยราพณ์ สัทธาสูร และขร ไปตามหาอีกทาง

แสงอาทิตย์เปิดประตูเข้าไปในห้องหนึ่งซึ่งดูเหมือนเป็นห้องเก็บของ ยักษ์หนุ่มกวาดตามองไปทั่วแต่ยังไม่เห็นสิ่งใด

“โอ๊ย”

เสียงของศศินดังขึ้นในอีกห้องหนึ่ง แสงอาทิตย์รีบเดินเข้าไปดู แต่แล้วเขากลับรู้สึกเหมือนถูกบางอย่างทิ่มแทงบริเวณต้นคอ ก่อนจะฉีดสารที่ทำให้ยักษ์หนุ่มมึนงงจนล้มลงไป

ศศินยืนถือเข็มฉีดยาอยู่ในมือ สีหน้าที่เคยดูอบอุ่นใจดีกลับมองแสงอาทิตย์อย่างเลือดเย็นก่อนพึมพำ “ยาที่ใช้กับมนุษย์ก็ใช้ได้กับยักษ์นะ…เพียงแต่ต้องเพิ่มความแรงเป็นสิบเท่า”

 

ที่อีกด้านหนึ่ง มัยราพณ์ ขร และสัทธาสูร กำลังค้นหามธุรินในอีกห้องหนึ่ง แต่แล้วอยู่ๆ ประตูกลับเปิดออก ยักษ์ทั้งสามหันไปมอง ทุกตนต่างหยิบอาวุธเตรียมพร้อม กลัวเป็นศัตรูที่เดินเข้ามา

ทว่าร่างที่เข้ามานั้นกลับเป็นแสงอาทิตย์ มัยราพณ์เลยลดอาวุธลง

“เจ้าเองเหรอ แสงอาทิตย์ ข้านึกว่าใคร”

แสงอาทิตย์พยักหน้า แววตาดูนิ่งสงบ และเยือกเย็น

“เรากลับกันเถอะ” แสงอาทิตย์เอ่ยขึ้น ทำให้ยักษ์ทุกตนแปลกใจ “ข้าดูจนทั่วแล้วไม่มี ข้าว่าเราไปตามนางยักษ์กันที่อื่นเถอะ”

มัยราพณ์เองรู้สึกว่าแสงอาทิตย์แปลกไปกว่าทุกครั้ง แต่เมื่อแสงอาทิตย์ซึ่งเป็นผู้นำของกลุ่มมาแต่ไหนแต่ไร พูดแบบนั้น เขาเลยยอมตามเพื่อนยักษ์ออกไป พร้อมกับขรและสัทธาสูร

พญายักษ์ให้ยักษ์ตนอื่นขึ้นไปบนรถของศศินซึ่งแสงอาทิตย์บอกว่าศศินให้ตนเองยืม ก่อนที่แสงอาทิตย์จะขับออกไปจากบ้านสวนของมธุริน

“แล้วนี่เราจะไปไหนกันหรือ” มัยราพณ์ถาม แต่แสงอาทิตย์ยังไม่ตอบ

“เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง”

ยิ่งนั่งคู่กันอยู่บนรถ มัยราพณ์ก็ยิ่งรู้สึกว่าแสงอาทิตย์แปลกไปกว่าทุกครั้ง จนกระทั่งรถกำลังขับผ่านสะพานข้ามคลองเล็กๆ แห่งหนึ่ง เขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาก่อนถามแสงอาทิตย์

“นี่เจ้า…ไปหัดขับรถมาจากไหนหรือแสงอาทิตย์”

แสงอาทิตย์ชะงัก ขรกับสัทธาสูรที่นั่งอยู่ด้านหลังก็ชะงักเช่นกัน ที่ผ่านมาพญายักษ์อย่างพวกเขาให้ฤทัยมาศเป็นคนขับรถให้ตลอด เนื่องด้วยพวกเขาไม่คุ้นเคยกับพาหนะของมนุษย์ แต่เหตุใดวันนี้แสงอาทิตย์ถึงได้เป็นคนขับอย่างคล่องแคล่ว

คำตอบมีอยู่อย่างเดียวเท่านั้น…ร่างที่นั่งอยู่ตรงนี้ไม่ใช่แสงอาทิตย์

มัยราพณ์รีบคว้ากล้องเป่ายาเพื่อจะเป่ายาสะกด แต่ช้าไปเสียแล้ว ร่างปลอมของแสงอาทิตย์ขับรถพุ่งไปชนกับราวกั้นสะพานอย่างแรง

ขณะที่มัยราพณ์และยักษ์ตนอื่นกำลังมึนงงกับแรงกระแทกจากการชน ร่างของแสงอาทิตย์ก็เปิดประตูรถลงมา ก่อนกลายร่างเป็นมธุริน…ร่างอันแท้จริง

มธุรินยกแว่นแก้วสุรกานต์ขึ้นมา แว่นแก้วส่องสะท้อนกับแสงจันทร์ในคืนเดือนหงายก่อนจะรวมแสงไปที่รถที่บรรดายักษ์นั่งอยู่ เพลิงลุกขึ้นในทันใดเผายักษ์ทุกตนที่อยู่ข้างใน

นางยักษ์แสยะยิ้ม สมปรารถนาที่สามารถกำจัดยักษ์ที่เป็นเสี้ยนหนามตำใจเธอมาหลายพันปี

ฤทัยมาศไปหาศศินที่บ้าน แต่แม่บ้านกลับบอกว่า “ไม่มีใครอยู่เลยค่ะคุณฤทัย คุณต้นไม่ได้กลับมาที่บ้านหลายวันแล้ว ก็ตั้งแต่คุณมธุรินเข้าคุกนั่นแหละค่ะ”

“พี่ต้นไปไหนคะ คุณป้าพอทราบมั้ย”

“ไม่แน่ใจนะคะ อาจจะไปที่บ้านสวนก็ได้นะคะคุณ”

ฤทัยมาศจำได้ว่ามธุรินมีบ้านสวนที่ศศินก็เคยพาเธอไปครั้งหนึ่ง เธอยังบอกเขาว่าบ้านสวนหลังนั้นมีบรรยากาศวังเวงเสียจนเธอกลัว

หญิงสาวตามศศินไปที่บ้านสวน เธอก็เห็นรถของศศินที่จอดอยู่ หญิงสาวเดินลงมา กระชับปืนมั่นอยู่ในมือ เผื่อว่ามธุรินอยู่แถวนี้ เธอจะได้ใช้มันป้องกันตัว

มีเสียงเปิดประตูออกมา หญิงสาวหันขวับไปหาพร้อมเล็งปืน แต่แล้วก็ลดปืนลง เมื่อเห็นว่าร่างนั้นคือศศิน คนที่ฤทัยมาศเชื่อมั่นว่าจะไม่เป็นพิษภัยต่อหล่อน

“พี่ต้น…”

“ฤทัย มาทำอะไรที่นี่”

“มาหาพี่ต้นค่ะ แม่บ้านเดาว่าพี่ต้นน่าจะอยู่ที่นี่”

ฤทัยมาศมองศศินอย่างหยั่งเชิง “คุณแม่ของพี่ต้นแหกคุกออกมาแล้ว พี่ต้นรู้ใช่มั้ยคะ”

“รู้แล้ว” หมอหนุ่มตอบตามตรง “เพิ่งเห็นข่าววันนี้ แต่คุณแม่พี่ไม่ได้มาหาพี่นะ ไม่ได้ติดต่อพี่เลยด้วยซ้ำ”

ตำรวจสาวมองหน้าอดีตชายคนรัก แต่ไหนแต่ไรหญิงสาวเชื่อว่าศศินเป็นผู้ชายที่ซื่อสัตย์และจริงใจคนหนึ่งที่หล่อนเคยรู้จัก

แต่นี่เป็นเรื่องแม่ของเขา…เขาก็อาจจะโกหกได้หรือเปล่านะ

“แล้ว…พี่ต้นเอาอะไรไปให้คุณแม่พี่ในคุกเหรอคะ”

“มันเป็นรูปสลักหินที่เป็นของสำคัญของคุณแม่พี่ พี่แค่คิดว่ารูปสลักนั่นน่าจะทำให้คุณแม่หายเหงาเวลาที่อยู่ในคุก”

“มิน่าล่ะ คงเพราะได้เห็นสิ่งคุ้นเคย ตัวตนยักษ์ของคุณมธุรินถึงได้ออกมาอีก”

ศศินมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่อาจจับอารมณ์ความรู้สึกใดได้ ฤทัยมาศรู้สึกว่าในหลายปีที่ผ่านมาที่หล่อนคบหาเขาเป็นแฟน แต่เธอไม่เคยรับรู้ถึงความคิดเขามากไปกว่าสิ่งที่เขาต้องการให้เธอรู้เท่านั้น

“งั้นไม่เป็นไรค่ะ ฤทัยขอตัวกลับก่อน ถ้าคุณแม่ติดต่อมา พี่ต้นก็บอกฤทัยด้วยนะคะ”

ฤทัยมาศเดินจากไป แต่ก่อนที่จะขึ้นรถ หล่อนกลับเหยียบบางสิ่งที่อยู่บนพื้นหญ้าก่อนหยิบขึ้นมาดู

“แสงอาทิตย์มาที่นี่เหรอคะ”

ศศินที่กำลังจะกลับเข้าไปในบ้านชะงัก หันมามองหญิงสาวที่ชูรูปคู่ระหว่างหล่อนและแสงอาทิตย์ที่หล่อนเก็บได้จากพื้นหญ้า นั่นทำให้ตำรวจสาวรู้ว่ายักษ์หนุ่มเข้ามาที่นี่ แต่ศศินยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง

“ไม่นะ แสงอาทิตย์จะมาที่นี่ทำไม”

หญิงสาวไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องทำแบบนี้ หล่อนเล็งปืนไปที่อดีตคนรัก พร้อมถามเขาด้วยเสียงอันหนักแน่น “พี่ต้น…แสงอาทิตย์อยู่ไหน! บอกฤทัยมา!”

 



Don`t copy text!