ฮิตกันจัง! ‘หม่าล่า’ ว่าแต่มันมีประโยชน์ไหม

เรื่องราวรอบตัวน่ารู้น่าอ่านกับหลากหลายสิ่งที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน ในคอลัมน์ Lifestyle โดย Hoot-Hoot ที่อ่านออนไลน์แล้วรับรองมีประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตอย่างแน่นอน เพราะเรื่องราวดีๆ ที่รายล้อมรอบตัว #มีให้อ่านที่อ่านเอา

…………………………………………..

ได้ยินมานานแล้วกับคำว่า ‘หม่าล่า’ ที่บางคนออกเสียงซะอารมณ์เปลี่ยนไปเป็น ‘หมา-ล่า’ มันคืออะไรกัน เกี่ยวกับการกินหมาหรือเปล่า?? แล้วมันเริ่ดตรงไหน ทำไมฮิตกันจัง ฮูกอยากรู้เองเลยหาคำตอบมาเล่าให้ฟัง เผื่อบางคนที่อยากรู้ ก็จะรู้ไปด้วยกันตรงนี้เลย

หม่า แปลว่าอาการชา ส่วน ล่า แปลว่าเผ็ด

‘หม่าล่า’ เป็นชื่อของเครื่องปรุงรสชนิดหนึ่งของจีนที่มีถิ่นกำเนิดในมหานครฉงชิ่ง มณฑลเสฉวน บางทีจะออกเสียงว่า ‘หมาร่า’ หรือ ‘มะหล่า’ ซึ่งมีความหมายว่า เผ็ดชา ถ้าแยกคำคือ หม่า แปลว่าอาการชา ส่วน ล่า แปลว่าเผ็ด โดยส่วนประกอบที่ทำให้หม่าล่ามีรสชาติเผ็ดจนลิ้นชาคือ เครื่องเทศของจีนที่มีชื่อว่า ‘ฮวาเจียว’ หรือ ‘พริกไทยเสฉวน’ รูปร่างคล้ายเม็ดพริกไทยดำ มีจุดเด่นที่ความฉุนและกลิ่นที่แรง ซึ่งพอเอามาทำเป็นเครื่องปรุงรสก็จะเพิ่มความเผ็ดร้อนมากขึ้นไปอีก (แต่สำหรับฮูกเนี่ย ก็ว่ามันไม่ได้เผ็ดร้อนมากนักนะ เอ๊ะ! หรือฮูกกินแบบใส่หม่าล่าน้อยก็ไม่รู้นะ)

‘ฮวาเจียว’ ไม่ได้เด็ดที่คุณสมบัติเด่นที่ช่วยเพิ่มรสชาติเผ็ดร้อนเท่านั้น แต่ยังแฝงไปด้วยสรรพคุณอื่นๆ ที่ดีต่อร่างกาย เช่น หากมีอาการหวัด หม่าล่าจะช่วยขับเสมหะ บรรเทาอาการคออักเสบ และกลิ่นฉุนๆ ยังช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกได้ หรือหากเป็นเรื่องของระบบการย่อยอาหาร ว่ากันว่าหม่าล่ามีส่วนช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้และช่วยเรื่องการย่อยอาหาร นอกจากนี้ ความเผ็ดร้อนยังทำให้เจริญอาหารได้ดีด้วยนะ

นอกจากนี้ หม่าล่ายังช่วยบำรุงหัวใจ บำรุงเลือด ลดความดันโลหิต ขณะเดียวกันก็มีฤทธิ์ช่วยขับระดูให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ เนื่องจากมีธาตุเหล็กสูง และมากกว่านั้นคือ หม่าล่ามีสารต้านอนุมูลอิสระเพียบ จึงช่วยต่อต้านเชื้อราและเชื้อไวรัสในร่างกาย แก้อักเสบ ทั้งยังมีธาตุสังกะสีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรงไม่ป่วยง่าย

สำหรับการกินหม่าล่าให้อร่อยนั้นมีหลายวิธี เรียกได้ว่าจะเป็นเมนูปิ้ง ต้ม ผัด ทำแกง ทอดร้อนๆ ก็ได้หมด แต่ที่ฮิตสุดๆ คือนำมากินกับเมนูปิ้งย่างประเภทเสียบไม้ โดยนิยมทาน้ำมันลงบนเนื้อสัตว์หรือผักที่นำมาเสียบไม้ก่อน (ถ้าเป็นน้ำมันงาจะหอมแบบบวกๆ เลยล่ะ) จากนั้นโรยหม่าล่าลงไป โดยก่อนจะโรยผงหม่าล่า มักนำหม่าล่าไปผสมกับเครื่องปรุงต่างๆ หรือสมุนไพรชนิดอื่นๆ เพิ่มเพิ่มรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นพริกแห้ง พริกไทยดำ กระเทียม ยี่หร่า ขิง ผงพะโล้ เพื่อให้ได้รสชาติกลมกล่อมขึ้น แล้วค่อยๆ ปิ้งจนสุกก็อิ่มอร่อยได้แล้ว

แต่ที่เรียกได้ว่าเป็นเมนูขึ้นเหลาคงหนีไม่พ้นเมนูเต้าหู้ผัดหม่าล่า (ก็คือผัดพริกเสฉวนนั่นล่ะ) ที่ปรุงออกมาให้มีน้ำซุปขลุกขลิก เข้ากันสุดๆ กับข้าวสวยร้อนๆ หรือแม้แต่บะหมี่ไข่ลวก ไม่เชื่อก็ลองปรุงกันดูจะรู้เอง 😊

ข้อมูล : www.silpa-mag.com, www.thairath.co.th