ไข่แมงดาทะเลกินได้ ถ้ากินถูกชนิด

ไข่แมงดาทะเลกินได้ ถ้ากินถูกชนิด

โดย : Hoot-Hoot

Loading

เรื่องราวรอบตัวน่ารู้น่าอ่านกับหลากหลายสิ่งที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน ในคอลัมน์ Lifestyle โดย Hoot-Hoot ที่อ่านออนไลน์แล้วรับรองมีประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตอย่างแน่นอน เพราะเรื่องราวดีๆ ที่รายล้อมรอบตัว #มีให้อ่านที่อ่านเอา

…………………………………………..

 

วันนี้จะมาพูดเรื่อง ‘แมงดาทะเล’ ให้ฟังค่ะ เพราะพอดีว่า Hoot-Hoot ได้ไปเจอร้านขายยำรสเด็ดมาเจ้าหนึ่ง หน้าร้านเต็มไปด้วยแมงดาทะเล พลันก็คิดไปถึงข่าวมากมายเกี่ยวกับเรื่องการกินไข่แมงดาทะเลแล้วมีอาการข้างเคียงจนถึงขนาดว่าบางคนต้องเสียชีวิตไป

ความที่อยากแซ่บพอตัว แต่ก็กลัวอยู่เหมือนกัน เลยขอเอ่ยปากถามแม่ค้าเพิ่มความมั่นใจกันหน่อย เช็คภูมิความรู้คนขายกันสักนิด

Hoot-Hoot : “ป้าๆ ตกลงว่าแมงดาทะเลแบบไหนที่กินไข่ได้”

ป้าก็ทำหน้าละเหี่ยใจอ่อนๆ แล้วเอ่ยออกมาว่า “ถามกันทุกคนสิน่า ร้านป้าเนี่ย กินไข่มันได้ ไม่ตายชัวร์ลูก

Hoot-Hoot : “ก็รู้… แต่อยากรู้ก่อนกินหน่อยอะป้า ว่าตกลงต้องกินแมงดาทะเลแบบไหน แล้วหนูจะรู้ได้ไงอ่ะจ๊ะ ว่าร้านไม่ย้อมแมงดาทะเลมาขาย”

ป้าทำหน้าหน่ายๆ แต่ก็ยังใจดีตอบมาว่า “ไอ้ที่กินได้มันเรียกว่าแมงดาจานไม่ใช่แมงดาถ้วย”อ้า ป้า…แล้วมันต่างกันยังไง??

ความแตกต่างของสองพันธุ์นี้คือ แมงดาถ้วยตัวจะเล็กกว่าแมงดาจานค่ะ คือตัวโตเต็มที่ไม่เกิน 18 เซนติเมตร ส่วนแมงดาจานจะโตเต็มที่ราวๆ 30 เซนติเมตร และทั้งสองสายพันธุ์มีรูปทรงกระดองก็ต่างกัน

คลิกซื้อ E-Book ‘ในสวนอักษร’ ที่นี่

แมงดาถ้วยจะมีกระดองโค้งกลมนูนสมชื่อว่าแมงดาถ้วย ถ้าเอามือลูบดูจะสัมผัสได้ถึงผิวด้านบนที่มีขนสั้นๆ แต่ถ้าเป็นแมงดาจาน กระดองก็จะแบนกว้างเหมือนจาน แถมเวลาที่เอามือไปลูบๆ จะรู้สึกถึงความราบเรียบของผิว  ซึ่งพอมาเห็นของจริงหรือหาในกูเกิ้ลมาเทียบกันแล้ว Hoot-Hoot เองก็ยังรู้สึกไม่ต่างเท่าไหร่ คือหน้าตาคล้ายๆ กันไปหมด คนที่แยกรูปร่างมันไม่ออกอย่าง Hoot-Hoot ดูเท่าไหร่ก็ยังมึนอยู่ดี ป้าก็เลยมีให้อีกทางเลือกหนึ่งคือ “ดูที่หาง!!”

Cr. https://mgronline.com/

ถ้าจับที่โคนหางถึงกลางหางแล้วรู้สึกมนๆ โค้งๆ เหมือนเวลาจับปากกาดินสอ ให้รู้เลยว่า แมงดาตัวที่ว่าเป็นแมงดาถ้วย ซึ่งกินไม่ได้นะจ้ะ แต่ถ้าจับแล้วรู้สึกว่ามีความเหลี่ยมๆ คล้ายสามเหลี่ยม แมงดาตัวที่ว่าคือ แมงดาจาน ซึ่งเป็นแมงดาที่ปลอดภัย กินไข่ได้

แต่ไหนๆ ก็คุยเรื่องแมงดามาแล้ว งั้นมาเจาะลึกกันอีกหน่อยดีกว่า จะได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า ทำไมนะมันถึงมีพิษ

แมงดาถ้วย เรียกอีกชื่อว่า แมงดาไฟ หรือเหรา (เห-รา) เป็นแมงดาที่มีพิษที่เรียกว่า สาร Tetrodotoxin และ Saxitoxin ในเนื้อและไข่ ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกันกับที่พบในปลาปักเป้า แถมความร้อนก็ไม่สามารถทำลายพิษได้  ส่วนแมงดาจานเป็นแมงดาที่ไม่มีพิษ ชาวบ้านชอบนำมาทำเป็นอาหาร

แต่หากใครพลาดกินแมงดาถ้วยเข้าไป จะรู้ได้ไงว่า โดนเข้าให้แล้ว?

ถ้ากินไปแล้วอยู่ๆ ก็รู้สึกมึนๆ ชาๆ ที่ลิ้น ลามไปที่ปากจนพูดไม่ได้ แถมปลายมือ-เท้าก็พลอยชาไปด้วย จะยกมือยกขาก็ไร้เรี่ยวแรง รู้สึกคลื่นไส้อยากอาเจียน เหงื่อออกมาก และเริ่มหายใจติดๆ ขัดๆ นั่นล่ะ โดนพิษไปเต็มๆ ซึ่งหากไม่ช่วยทำให้อาการทุเลาลง อาจเสียชีวิตใน 6-24 ชั่วโมงจากการหยุดหายใจ

แต่ทีนี้การเกิดอาการของแต่ละคนก็ใช้ระยะเวลาไม่เท่ากัน เพราะบางคนกินไปได้ 10 นาทีก็รู้สึกแปลกๆ แล้ว แต่บางรายกว่าจะออกฤทธิ์ก็ล่วงไปแล้วถึง 3 ชั่วโมง นั่นเพราะระยะเวลาก็จะขึ้นอยู่กับว่าเป็นแมงดาถ้วยที่อยู่ในแหล่งที่อยู่ใด รวมถึงขณะนั้นเป็นฤดูกาลอะไร ที่สำคัญคือจำนวนที่กินเข้าไป เพราะถ้ากินเยอะก็เท่ากับว่าปริมาณสารพิษที่ได้รับก็จะมากขึ้นตามไปด้วย

ส่วนว่าวิธีการรักษาอาการที่ว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง ตามข้อมูลจากคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ Hoot-Hoot หามาได้ระบุว่า พิษจากแมงดาถ้วยยังไม่มียาที่รักษาตรงๆ จะทำได้เพียงเอาพิษออกจากร่างกายให้มากที่สุด เร็วที่สุด โดยสิ่งที่ควรระวังมากที่สุดคือ ดูแลเกี่ยวกับการหายใจ เพราะสาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่ก็คือหยุดหายใจนั่นเอง

สำหรับวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นคือ ทำให้คนที่รับพิษหายใจคล่องที่สุด จากนั้นรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว ระวังอย่าให้มีอาการหยุดหายใจเด็ดขาด ถ้าเมื่อไหร่ที่รู้ว่าการหายใจเริ่มมีปัญหาให้ทำการผายปอดจนกว่าจะถึงโรงพยาบาล และห้ามให้กินน้ำหรือยาใดๆ เพราะอาจเกิดอาการสำลักได้

รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าอยากกินไข่แมงดา Hoot-Hoot ก็ไม่ว่า แต่เช็กให้ชัวร์ว่าเป็นไข่ที่มาจากแมงดาจาน ทางที่ดี เห็นตัวแมงดากับตา จับด้วยมือ เช็กให้ชัวร์แล้วจึงออร์เดอร์ ดีที่สุด 

Don`t copy text!