อินสนธิ์ วงศ์สาม ในคำนิยามของฉัน

อินสนธิ์ วงศ์สาม ในคำนิยามของฉัน

โดย : ตัวแน่น

Loading

นอกจาก นิยายออนไลน์ สนุกๆ แล้ว อ่านเอา ยังมีคอลัมน์ ‘หลงเลนส์’ บทความแสดงมุมมองผ่านภาพถ่ายที่ได้รับการบันทึกเรื่องราวของงานศิลปะทั้งไทยและเทศ โดย ตัวแน่น อีกหนึ่งคอลัมน์ที่ อ่านเอา อยากแนะนำให้คุณได้ อ่านออนไลน์

ครั้งแรกที่เราได้เห็นผลงานของ อินสนธิ์ วงศ์สาม ชิ้นจริงๆ กับตานั้นเป็นสถานการณ์อันแปลกประหลาดซึ่งเกิดขึ้นเมื่อประมาณเกือบ 10 ปีก่อน ตอนนั้นนึกครึ้มอกครึ้มใจอะไรก็ไม่รู้อยู่ดีๆ ก็เดินดุ่มๆ เข้าไปที่สำนักกลางนักเรียนคริสเตียนตรงเชิงสะพานหัวช้างเพียงเพราะได้ยินมาว่าที่นี่มีผลงานศิลปะชิ้นเด็ดๆ เก็บเอาไว้ และก็เป็นจริงอย่างที่คาด ที่นั่นเราได้เห็นภาพวาดมารผจญของ ปัญญา วิจินธนสาร แขวนอยู่ในห้องประชุม ภาพหมู่บ้านชาวประมงของ ดำรง วงศ์อุปราช ติดอยู่ในห้องผู้อำนวยการ แต่ที่พีคสุดๆ เห็นจะเป็นผลงานศิลปะในตึกโรงอาหารด้านในซึ่งทั้งกำแพงขนาดใหญ่ด้านหนึ่งของโถงโรงอาหารถูกปกคลุมไปด้วยภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังฝีมือ ถวัลย์ ดัชนี ซึ่งมีสีร่อนหลุดเป็นแถบๆ ตามกาลเวลา

‘อินสนธิ์ วงศ์สาม และผลงานของ นาวิน ลาวัลย์ชัยกุล ที่ได้แรงบันดาลใจจากการเดินทางของอินสนธิ์’ เทคนิคภาพถ่าย ขนาด 51 x 73 เซนติเมตร

และบนกำแพงโถงบันไดทางขึ้นอาคารเดียวกันนั้น เราก็เหลือบไปเห็นแผ่นไม้ขนาดยาวประมาณ 2 เมตรกว่าๆ สีดำขมุกขมัวตอกตะปูติดอยู่แผ่นหนึ่งซึ่งมีฝุ่นจับหนาจนดูไม่ออกว่าเป็นอะไร แต่เมื่อเดินไปพิจารณาดูใกล้ๆ ถึงรู้ว่าไม้แผ่นนี้ถูกแกะเป็นภาพผู้หญิง และเด็กหลายๆ คน ถือตะกร้ายืนกันเป็นกลุ่มๆ อยู่หน้าซุ้มประตู รั้ว และตึก ตอนแรกเราก็ไม่รู้ว่ารูปอะไร เป็นผลงานใคร จนภายหลังกลับมาค้นรูปจากหนังสือเก่าๆ ถึงได้รู้ว่าไม้แกะชิ้นนี้มีชื่อว่า ‘ท่าพระ’ สร้างสรรค์ขึ้นในปี พ.ศ. 2505 โดย อินสนธิ์ วงศ์สาม แถมผลงานชิ้นนี้ยังเคยถูกนำไปร่วมงานแสดงศิลปกรรมแห่งชาติในปีเดียวกันนั้น และได้รางวัลมาด้วยอีกต่างหาก

ผลงานท่าพระในสภาพดำปิ๊ดปี๋ยับเยินนี้ไม่ได้แค่เต็มไปด้วยฝุ่น แต่ยังหักครึ่งแยกออกเป็นสองส่วน พอเราไปถามผู้ดูแลอาคารถึงได้รู้ว่าที่แตกแบบนี้เพราะมีเด็กชอบมาเตะลูกบอลอัดใส่ โดยใช้ไม้กระดานแผ่นนี้เป็นเป้า

เห็นอย่างงี้เราเลยคิดในใจว่าจะต้องทำอะไรซักอย่าง หลังจากวันนั้นเราเลยทำจดหมายติดต่อสำนักกลางนักเรียนคริสเตียนอย่างเป็นทางการ เสนอซ่อมผลงานถวัลย์ กับอินสนธิ์ที่เสียหายให้ ด้วยการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญชาวฝรั่งเศสที่เก่งที่สุด และออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด การบูรณะใช้เวลาอยู่หลายเดือนจนในที่สุดผลงานศิลปะอันล้ำค่าทั้ง 2 ชิ้นก็ถูกอนุรักษ์จนสำเร็จลุล่วงเป็นอย่างดี

‘ผลงานท่าพระ โดย อินสนธิ์ วงศ์สาม ก่อนการบูรณะ’ เทคนิคภาพถ่าย ขนาด 10 x 15 เซนติเมตร

เมื่อได้เห็นผลงานในสภาพสมบูรณ์ ได้รู้สึกถึงจิตวิญญาณ อารมณ์ แรงปะทะ ของงานประวัติศาสตร์ระดับชาติอย่างท่าพระชิ้นนี้ ก็เกิดความประทับใจ หลังจากนั้นเป็นต้นมาจึงเริ่มศึกษาเรื่องราว และผลงานของ อินสนธิ์ วงศ์สาม จนเกิดความศรัทธา คละเคล้ากับความอึ้ง ทึ่ง จนนึกอยากนิยาม ชื่ออาจารย์อินสนธิ์ ภาษาอังกฤษ ที่สะกด INSON ด้วยคำจำกัดความ ดังนี้

I = Innovative

ความคิดสร้างสรรค์อันหลุดจากกรอบของความเป็นไปได้ทั้งปวงนั้นคือจุดเด่นที่สุดของศิลปินอย่างอินสนธิ์ เช่นในปีที่อาจารย์ศิลป์ พีระศรี ครูที่รักของอินสนธิ์จากโลกนี้ไป อินสนธิ์เกิดไอเดียจะไปเยือนบ้านเกิดอาจารย์ศิลป์ที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ถ้าเป็นเราๆ ท่านๆ ก็คงจะหาจองตั๋วโดยสารเครื่องบิน หรือพาหนะอะไรซักอย่างที่สะดวกเพื่อจะเดินทางไป คงไม่มีทางเลยที่จะคิดอุตริขี่มอเตอร์ไซค์ข้ามโลกไปคนเดียวอย่างแน่แท้ แต่อินสนธิ์กลับคิดทำเช่นนั้น และไม่ใช่แค่คิดท่านยังลงมือทำ จนทำได้จริง

เริ่มจากไปขอสปอนเซอร์จากตัวแทนจำหน่ายมอเตอร์ไซค์สัญชาติอิตาลีอย่าง แลมเบรตต้า (Lambretta) แล้วเขาก็บ้าจี้เห็นดีเห็นงามด้วยเพราะเห็นว่าจะไปอิตาลีบ้านเกิดของแบรนด์ แถมยังได้โชว์ศักยภาพของผลิตภัณฑ์ที่ผู้ผลิตมั่นใจว่าอึด ถึก ทน จนสามารถขี่ปร๋อจากเมืองไทยไปถึงอิตาลีได้ อินสนธิ์เลยได้มอเตอร์ไซค์มาคันนึงเพื่อใช้เดินทางไกล รอนแรมผ่านอินเดีย ตะวันออกกลาง เข้าสู่ยุโรป และอิตาลีกินเวลาหลายเดือน พบกับความยากลำบากเกินคณานับ แต่ก็คุ้มค่าเพราะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆ มากมาย และยังกลายเป็นตำนาน หรือนับเป็นมาร์เก็ตติ้งแคมเปญก็ได้ ที่ถูกเล่าขานมาต่อๆ กันมาอย่างชื่นชมจวบจนปัจจุบัน แม้เวลาจะล่วงเลยไปกว่า 60 ปีแล้ว วิน วิน กันทั้งอินสนธิ์ ทั้งแลมเบรตต้า ยอมรับว่าทั้งคู่สุดยอดจริงๆ

N = Not Attached

อินสนธิ์ไม่ยึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ ที่เคยประสบ ในสมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยศิลปากร และช่วงที่เพิ่งจบใหม่ๆ ผลงานของอินสนธิ์ถูกคัดเลือกให้เข้าร่วมแสดงในงานศิลปกรรมแห่งชาติอยู่เสมอๆ ได้รับรางวัลระดับชาติอยู่เป็นประจำ และมีลูกค้ามากหน้าหลายตาอุดหนุนผลงานไปเก็บสะสม งานศิลปะที่เป็นที่นิยมในยุคนั้นหรือเมื่อราว พ.ศ. 2500 มักเป็นภาพที่สะท้อนวิถีชีวิตความเป็นไทยแบบชาวบ้าน เช่นภาพตลาดน้ำ หมู่บ้านชาวประมง ชาวนาชาวไร่ในท้องทุ่ง ที่เป็นเช่นนี้เพราะลูกค้าแทบทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติ พอมาเมืองไทยเขาก็อยากได้อะไรที่ดูไทยๆ ไปเก็บไว้ ผลงานของอินสนธิ์ในยุคแรกๆ ก็เลยเป็นแนวพื้นบ้านไทยเช่นเดียวกัน

แต่พอเริ่มเดินทางไปอิตาลีด้วยรถมอเตอร์ไซค์ อินสนธิ์ต้องหารายได้เพื่อใช้ในการเดินทางโดยสร้างสรรค์งานศิลปะขายระหว่างทาง งานรูปชาวบ้าน ร้านตลาด บ้านช่อง วัดวาอาราม แบบไทยๆ ที่อินสนธิ์เคยสร้าง เมื่อเปลี่ยนที่เปลี่ยนทาง ไปแสดงให้ผู้คนที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเมืองไทย ไม่รู้จัก ไม่เคยมา ไม่ได้จะไป ไม่อิน ไม่อะไรซักอย่าง จึงไม่มีเหตุผลอันใดที่เขาจะซื้อภาพที่มีเหล่านี้ไปแขวนบ้าน หากฝืนทำงานในรูปแบบเดิมๆที่อินสนธิ์ประสบความสำเร็จแม้จะถึงระดับชาติแล้วก็คงขายไม่ออกอยู่ดี มีหวังอดตายไม่ได้เดินทางต่อ

พอรู้ดังนั้นอินสนธิ์จึงเริ่มคลี่คลายผลงานจากที่สะท้อนสิ่งต่างๆที่ตาเห็นออกมาเป็นรูป คน สัตว์ ต้นไม้ สิ่งของ สถานที่ ก็มีวิวัฒนาการอย่างรวดเร็วกลายเป็นภาพแนวนามธรรมที่เปล่งความรู้สึกนึกคิดจากภายในออกมา ไม่ยึดโยงกับเชื้อชาติ ภาษา หรือศาสนาใด ปล่อยให้ผู้ชมตีความไปได้อย่างอิสระเสรี ผลงานแนวนี้จึงเข้ากับใครๆ หรือแขวนที่ไหนก็ได้ในโลกโดยไม่แปลกแยก หรือเคอะเขิน ทำให้อินสนธิ์ประสบความสำเร็จสามารถสร้างรายได้ในระหว่างการเดินทาง และเมื่อภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ตราบเรื่อยมาจนปัจจุบันที่อินสนธิ์ยังคงพัฒนารูปแบบผลงานนามธรรมต่อ และไม่เหลียวหลังหันกลับมาสร้างสรรค์ผลงานในแบบรูปธรรมอีกเลย

‘ผลงานท่าพระ โดย อินสนธิ์ วงศ์สาม ก่อนการบูรณะ’ เทคนิคภาพถ่าย ขนาด 15 x 10 เซนติเมตร

S = Survive

อินสนธิ์สามารถเอาตัวรอดได้แม้ในสถานการณ์ที่ลำบากที่สุด อีกทั้งยังกล้าเผชิญหน้ากับปัญหาโดยไม่เกรงกลัวต่อความความทุกข์ยาก นอกจากจะเดินทางตามความฝันด้วยมอร์เตอร์ไซค์เพียงลำพังไปยังอิตาลี เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแทนที่จะกลับบ้านเกิด อินสนธิ์ตัดสินใจใช้ชีวิตในฐานะศิลปินต่อในปารีส และนิวยอร์ก สองเมืองศูนย์กลางแห่งศิลปะสมัยใหม่ของโลก ที่ที่ศิลปินนับล้านจากทั่วสารทิศไปตามล่าหาฝัน การแข่งขันจึงดุเดือดและท้าทายมาก

เริ่มจากการระหกระเหินเร่ร่อนนอนอยู่ใต้สะพานในกรุงปารีสร่วมกับคนไร้บ้าน จากนั้นจึงเริ่มมีรายได้จากการเป็นพนักงานเสิร์ฟอาหารในร้าน ได้เงินมาก็สมัครเข้าเรียนศิลปะต่อ ควบคู่กับการสร้างสรรค์งานศิลปะ จัดแสดง และจำหน่าย ก่อนจะย้ายไปเป็นศิลปินอาชีพแบบฟูลไทม์ที่นิวยอร์ก พิสูจน์ให้เห็นว่าท่านสามารถดำรงตนอยู่ในอาชีพนี้ได้แม้ในเมืองศิลปะที่ตัวจริงเท่านั้นถึงจะดำรงตนอยู่ได้ในฐานะศิลปิน

O = Obligatory

ผลงานศิลปะของอินสนธิ์ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงสร้างสรรค์ความงามในด้านสุนทรียศาสตร์ แต่อินสนธิ์นั้นยังมีพันธกิจอันยิ่งใหญ่ในฐานะศิลปินที่จะเผยแพร่แนวคิดที่มีต่อสังคม สิ่งแวดล้อม ออกไปยังสาธารณชนเพื่อสร้างความตระหนักให้เกิดขึ้นในวงกว้าง ดั่งเช่นผลงานยุคนิวยอร์กที่อินสนธิ์ให้ความสนใจเรื่องมลพิษในอากาศ และทะเล อินสนธิ์จึงออกแบบประติมากรรมจำลองสำหรับติดตั้งไว้บนอวกาศเพื่อกรองอากาศให้โลก และประติมากรรมสำหรับทะเลเพื่อเป็นที่หลบซ่อนของเหล่าสัตว์น้ำ ทั้งๆ ที่รู้ว่าในความเป็นจริงคงสร้างขึ้นมาไม่ได้ แต่การที่ผู้ชมได้มาเห็นนิทรรศการศิลปะแล้วคำนึงถึงปัญหาเหล่านี้ และหวังว่าจะมีบางคนนำไปปฏิบัติอะไรบางอย่างเพื่อช่วยบรรเทาสิ่งที่เกิดขึ้นนั่นก็ถือว่าเป็นความสำเร็จของศิลปินที่ได้ส่งสารออกไป

เมื่ออินสนธิ์ตัดสินใจกลับมาพำนัก ณ บ้านเกิดในจังหวัดลำพูน ไอเดียในการรักษาสิ่งแวดล้อมยังถูกสานต่อโดยการที่อินสนธิ์เลือกที่จะนำตอไม้เหลือทิ้งจากการถูกตัดทำลายในละแวกบ้านมาสร้างสรรค์ผลงานนามธรรม เพื่อให้ผู้ชมตระหนักถึงปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า และการใช้ทรัพยากรอย่างล้างผลาญขาดการระมัดระวังซึ่งในที่สุดจะส่งผลร้ายไปยังลูกหลานในอนาคต

N = Novelty

ความแปลกใหม่ ไม่ซ้ำใครอยู่เสมอคือลักษณะเฉพาะของผลงานอินสนธิ์ หากใครก็แล้วแต่ได้เห็นผลงานของท่านที่สร้างสรรค์ขึ้นในปัจจุบัน ด้วยรูปทรง คู่สี และสไตล์ที่ทันสมัยอยู่เสมอ เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยคงคิดว่าทั้งหมดนี้คือผลงานของศิลปินรุ่นใหม่ไฟแรง ไม่มีทางจิตนาการได้เลยว่านี่คือผลงานของศิลปินแห่งชาติในวัยราว 90

อินสนธิ์หมั่นตามหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ อยู่เสมอ ตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนท่านเดินทางไปทั่วเมืองไทย และหลังเรียนจบก็ออกเดินทางไปทั่วโลก และไม่ได้แค่ไปท่องเที่ยวดูประเดี๋ยวประด๋าว แต่ไปอาศัยแต่ละแห่งเป็นเวลานาวนานเพื่อให้เข้าใจขนบธรรมเนียม ประเพณี วิถีชีวิต ต่างถิ่นจนถ่องแท้ และก็เหมือนคนที่ได้ไปอยู่เมืองนอกนานๆเวลามองกลับมาเมืองไทยเขาเหล่านั้นมักจะเห็นคุณค่าของสิ่งใกล้ตัวที่ในอดีตเคยมองข้าม ทำให้หวนคิดถึง กลับมารัก หลงใหล ใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อจรรโลงสิ่งที่ดีงามเพื่อบ้านเกิดเมืองนอน

‘ผลงานท่าพระ โดย อินสนธิ์ วงศ์สาม ภายหลังการบูรณะ’ เทคนิคภาพถ่าย ขนาด 10 x 15 เซนติเมตร

ดังที่อาจารย์ศิลป์ พีระศรี เคยเขียนถึงอินสนธิ์ไว้ในสูจิบัตรงานแสดงศิลปะในปี พ.ศ. 2504 ว่า

‘…อินสนธิ์ วงศ์สาม แสดงให้เราเห็นความเป็นผู้มีนิสัยไม่ชอบอยู่นิ่งเฉย ซึ่งเป็นเหตุให้เขาต้องเดินทางอยู่เสมอ แต่เราก็หวังว่าในไม่ช้านี้ ผลจากการท่องเที่ยวอย่างกว้างขวางนั้น คงจะทำให้เขาต้องหยุดพักเพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะที่มีคุณค่ายิ่งๆ ขึ้นไปอีก ณ ที่แห่งหนึ่งแห่งใด ซึ่งอาจจะเป็นกรุงเทพฯ หรือลำพูนบ้านเกิดของเขาก็ได้…’

ทายแม่นยิ่งกว่าหมอดู จวบจนวันนี้อินสนธิ์ได้เลือกแล้วที่จะละทิ้งความตื่นตาตื่นใจของโลกตะวันตก เพื่อกลับมายังชนบทอันห่างไกลในลำพูน บ้านเกิดที่ท่านรัก และคิดคำนึงถึงเสมอมา ไม่ว่าเวลาใดถึงแม้ตัวจะห่างไปไกลแค่ไหนก็ตาม

Don`t copy text!