บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 19 : อ่อยเหยื่อ

โดย : ปราณประมูล

Loading

บุษบาลุยไฟ โดย ปราณประมูล เรื่องราวของ ลำจวน หญิงสาวผู้ต่อสู้กับค่านิยมทางสังคมในยุค ร.3 เธอลุกขึ้นทำสิ่งที่คนในห่วงเวลานั้นไม่ทำกัน หนทางจึงไม่ได้ราบรื่น หากเต็มไปด้วยอุปสรรคและถ้าไม่ใช่เพราะแรงรักแรงใจที่หนุ่มจีนคนนั้น คงยากที่บุษบาดอกนี้จะไปสู่จุดหมาย ‘บุษบาลุยไฟ’ นวนิยายเรื่องเยี่ยมที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์

บ่าวบ้านเจ้าคุณนครบาลวางหม้อดินลงตรงหน้านพ มีนางทัดคอยกำกับสั่งการ

“อาหารจีนนี้เป็นของบำรุง เจ้าคุณท่านบอกให้พ่อนพกินบำรุงร่างกาย จะได้หายฟื้นจากอาการบาดเจ็บเร็ววัน”

นพนอนเอนๆให้นางอุ่น เมียทาสนวด

นอบและเนตรที่นั่งอยู่ด้วย ถึงกับมองหน้ากันอย่างสงสัย

“ท่านเจ้าคุณนครบาลห่วงใยกระผมขนาดนี้เลยหรือขอรับ”

นางทัดยิ้มเยื้อน

“ก็พ่อนพเป็นพี่ชายแม่นวล ภรรยาท่าน ท่านก็ต้องห่วงใยซี”

“แล้วทีแม่นวลเองไม่เห็นมาเยี่ยม นี่ดูพี่เนตรซี อยู่ถึงราชบุรี ยังรีบมา”

“แม่นวลเขาลูกเล็ก มาไม่สะดวกดอก”

นางนอบมาเปิดหม้อดูด้วยความสนใจ

กลิ่นหอมเครื่องยาจีนลอยกรุ่นขึ้นมาบางเบา ในนั้นเป็นของของเหลวๆ ใสๆ มีวุ้นอะไร

เป็นชิ้นเป็นอันอยู่เต็มหม้อ

“ของกินนี้ ฉันไม่รู้จักเลย”

“รังนกตุ๋นยาจีน อุ่นกินร้อนๆ แบ่งไปให้นายสุ่นกิน ก็บำรุงกำลังวังชาดี”

นางทัดภาคภูมิใจในสิ่งที่ตนนำมายิ่งนัก

“ของแพงทีเดียว คนธรรมดาไม่มีกิน นอกจากพวกเจ้าสัว”

เนตรพลอยตื่นไปด้วย

นางทัดมองเลยเรือนของนางนอบไป ยังเรือนเล็กอีกหลังที่อยู่ต่อเนื่องเยื้องๆ ทอดห่างออกไปเป็นอีกปีก

“แม่ทัด มองหาอันใด”

นางนอบสังเกตเห็น

“ออลำจวนเล่า ไม่อยู่รือ”

น้ำเสียงนั้นรักเอ็นดูสนิทสนม ทำให้เนตรกับนพแอบสบตากัน ชักตงิดๆ ขึ้นมาพร้อมกันทั้งคู่

“ไม่อยู่ดอก ไปเร่ขายผ้ากับแม่เขา จะกลับก็เย็นๆ”

นางนอบทำเสียงซื่อๆ

“เรื่องขายผ้านี้ให้หนูลำจวนเลิกเสียไม่ได้รือ ให้แม่จำปาไปกับบ่าวก็พอ หนูลำจวนยังสาวยังแส้ ไปเที่ยวเดินเข้าเดินออกตามตลาด บ้านเรือนชาวบ้านชาวช่อง ให้คนจ้องมองมันจะไม่ดีนา แม่นอบ”

ได้ฟังเช่นนั้น นพก็เข้าใจทันที เขารีบเสนอตัวไม่รออันใด

“เอ่อ แม่ทัด ฝากไปกราบท่านเจ้าคุณด้วยว่ากระผมรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจท่านนัก หากท่านปรารถนาสิ่งใดให้กระผมทำก็โปรดบัญชามาได้ทุกเมื่อ กระผมยินดีสนองท่านอย่างเต็มกำลัง ทุกเรื่อง”

เนตร นอบ นพ สามแม่ลูกยิ้มให้กัน

รู้เจตนาของนางทัด นายหน้าหาหญิงของท่านเจ้าคุณนครบาลกระจ่างชัดแล้ว

 

ลำจวนอยู่ที่วัดทอง ในพระอุโบสถ

ภาพมโหสถชาดกและเนมีราชชาดก สดใส ทรงพลังเคียงข้างกัน สำเร็จสวยงามมานานปีแล้ว อยู่ที่ผนังฝั่งขวาของผู้คนที่ก้าวเข้ามาทางประตูด้านหน้า

ลำจวน จุดธูป เทียน ถวายดอกบัวขาวลงในถาดหน้าพระประธาน แล้วนั่งอธิษฐานบางอย่างเงียบๆ

ทิมได้แต่มอง ถอนใจ กราบพระแล้วก็นั่งรอไป แต่ในใจเร่งร้อน

“ขอให้สมดังคำอธิษฐานด้วยเถิด”

ลำจวนเอ่ยออกเสียง ก่อนจะกราบลงสามครา แล้วลุกขึ้น

ทิมมองระแวง

“อธิษฐานอะไรคะ หลวงพ่อพระศาสดาท่านศักดิ์สิทธิ์มากนะ คุณหนูจะมาขออะไรเลอะๆ เทอะๆ

ไม่ได้นะคะ”

“ขอให้คุณพ่อยอมให้ฉันไปเรียนหนังสือกับแหม่มเอมิลี่”

ทิมเอ็ดอึง

“ขออะไรไม่ขอ จะไปเรียนกับพวกหมอสอนศาสนา ต้องเข้ารีต พระหลวงพ่อไม่ให้แน่นอน ไปค่ะ!”

“แม่คุยอยู่กับหลวงพี่บุญลือ คุยเป็นชั่วยามๆ กว่าจะกลับบ้านก็ค่ำๆ โน่น”

ลำจวนเดินใจเย็นไปหยุดดูหน้าภาพมโหสถ แล้วเดินไปดูภาพเนมีราช รำพึงเบาๆ

“ทั้งสองภาพนี้งามไปคนละทาง อย่างมิอาจนำมาเทียบกันได้ วันที่วาดภาพแล้วเสร็จ แลเปิดม่านออกประชันกัน เสียดายที่พวกเราไม่ได้มาชมกัน”

“เพลานั้น คุณถูกห้ามปราม มิให้มาที่วัดทองอีก”

ทิมเตือนความจำ

“หลังจากนั้น พี่เนตรก็ขาดจากคุณหลวงวิจิตรเจษฎา เสียอกเสียใจ ไปแต่งงานอยู่บ้านเมียเสียที่ราชบุรี แต่ก็ยังดีกว่า…เจ้าฮุนเปียยาว…ที่มือพิกลพิการไปมิใช่รือ”

“ป่านนี้คงเลิกเขียนภาพไปทำอย่างอื่น อาจจะขายอะไรร่ำรวยไปแล้วก็ได้ค่ะ พวกคนจีนค้าขายเก่ง”

น้ำเสียงนางทิมเอื้ออาทร

ลำจวนเดินมาที่หน้าภาพมโหสถชาดก

“อย่างน้อย ฉันก็ยังได้ดูภาพต้นไม้ที่เขาวาดเอาไว้นะ ทิม ตรงนี้อย่างไรเล่า”

ลำจวนชี้ให้ทิมดู ทิมยื่นมือไปแตะ

ลำจวนตีเพียะ!

“อย่าจับ!”

ทิมสะบัดมือ เจ็บจริง แต่ลำจวนมองดุๆ จริงจังกว่า

 

ค่ำนั้น นายสุ่นฟังคำขอร้องของลูกสาวคนเล็กอย่างใจเย็น จนจบครบถ้วนกระบวนความ

เขาถอนใจเหมือนเหนื่อยและอ่อนระอาเต็มทน

“อยากไปเรียนหนังสือกับพวกหมอสอนศาสนาก็คืออยากเข้ารีตนั่นแล เจ้าจะผาดแผลงวิตถารไปอีกสักเพียงไร นางลำจวน”

สุดท้ายก็หันไป มองจำปาอย่างตำหนิ

“นี่เพราะจำปาตามใจลูกเกินไป ปล่อยให้คิดอะไรเตลิดเปิดเปิงนัก”

จำปาวางถ้วยชากึก สามีเลี้ยวมาตำหนิเธอจนได้

“นายสุ่นคะ ลูกเพียงอยากอ่านอยากเขียน”

“พระเยซูผู้เป็นเจ้า กินน้ำข้าวกับหัวปลาทู พวกมันสอนหนังสือกันเช่นนี้อย่างไรล่ะ แม่จำปา”

นพว่า แล้วหัวเราะชอบใจ

เนตรรับราวกับลูกคู่ชั้นเลิศ

“หมอฝรั่งพวกนี้ มันไปยุแยงพวกจีนสามเพ็งให้กระด้างกระเดื่องต่อเรา จนทางการเขาจะกวาดล้าง

นั่นแล พวกมันจึงพากันข้ามมาอาศัยบารมีเจ้าคุณดิศที่ฝั่งนี้ ท่านเจ้าคุณก็…เกื้อหนุนให้อยู่ให้อาศัยซ่องสุมกันอยู่ตรงนั้น ทั้งจีนแขกฝรั่ง อยู่กันจนเป็นย่านรอบบ้านท่าน ทั้งโบสถ์กางเขนโปรตุเกส ทั้งศาลเจ้า ทั้งมัสยิด นังลำจวนมันคง…อยากออกแขกให้ครบสิบสองภาษาจริงๆ”

น้ำเสียงพี่ชายคนโตชิงชังเหยียดหยันเปิดเผย

“เจ้าเนตร พอเถิด”

คุณนายนอบปรามๆ แสดงบทบาทคนยุติธรรม หันมาหาลำจวน ค่อยขนาบด้วยไม้อ่อน

“แม่ลำจวน เจ้าอยากเรียนหนังสือเช่นนี้ หากมีผู้ใหญ่จักสนับสนุนให้เรียนเล่า เจ้าจะว่าไร”

ลำจวนตาวาว ดีใจจนเนื้อเต้น

“จริงรือคะ มีท่านผู้ใหญ่เช่นนั้นด้วยรือคะ คุณนายแม่”

นางนอบสบตานายสุ่น กระแอมเบาๆ

จำปามองๆ สองสามีภรรยา ที่ดูรู้นัยกันเป็นอย่างดี

“มีซี…ท่านใจดีมากแลเอ็นดูเจ้ามาก อยากไปอยู่กับท่านรือไม่เล่า ท่านมีหนังสือให้เจ้าอ่านไม่นับเลยทีเดียว มีมากกว่าบทละครของนายโรงสุ่นด้วยซ้ำ”

“ใครคะ คุณนาย”

แม่จำปาจ้องหน้าผู้เป็นภรรยาเอกเขม็ง

คุณนายนอบยิ้มละไม

“ท่านเจ้าคุณ…นครบาล”

 

ดึกแล้ว ลำจวนนอนมองเพดานมุ้งที่ไหวลมเป็นระลอกขาว ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้

จำปาย่องฝีเท้าเบาเข้ามาในห้อง กลิ่นน้ำปรุงดอกไม้จากกายแม่หอมระรวย เปิดมุ้งเข้ามานั่ง

ข้าง ๆ จับมือลูกมาลูบคลำ

“อันที่จริง ลูกก็พอจะอ่านหนังสือได้บ้างแล้วหนา ลำจวน แม่เห็นลูกอ่านบทละครของ

พ่อได้มากโข”

ลำจวนถอนใจหน่วงหนัก

“ลูกเพียงจำได้แลเดาๆ เอาเองค่ะ เขียนก็ผิดๆ ถูกๆ ลูกอยากเขียนอ่านได้อย่างกุลบุตรที่มีความรู้ดี

แลหากลูกอ่านภาษาฝรั่งได้ ลูกจะได้อ่านหนังสือของพวกฝรั่งได้ด้วย”

“จะอ่านไปมากมายเพื่อสิ่งใด เพลานี้ลูกช่วยแม่ค้าขายได้ ลูกจำกลอนทั้งละคร แลนิยายนิทาน

ได้มากกว่าใคร แล้วยังคิดประดิษฐ์แต่งเองได้ อายุอานามเพียงนี้ก็นับว่าเก่งเกินใครแล้ว ลำจวน”

ลำจวนลุกขึ้นนั่ง มองหน้าแม่จริงจัง ดวงตาแวววับในความมืด

“แม่รู้รือไม่ หากลูกเกิดเป็นชาย ลูกจะเหนือกว่าพี่เนตร พี่นพให้ได้ หากลูกได้บวชเช่นหลวง

พี่บุญลือ ลูกก็อาจได้เป็นถึงสมภารเจ้าวัด”

แม่จำปาอดหัวเราะขำไม่ได้

“โธ่…ลูก…”

ลำจวนมีสีหน้าดุเดือดฉับพลัน

“ในสมัยพุทธกาล ผู้หญิงก็บวชเป็นพระได้มิใช่รือคะ มิเช่นนั้นจะมีคำกล่าวว่า พุทธบริษัทสี่ ได้แก่

ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาได้อย่างไร ภิกษุณีก็คือภิกษุที่เป็นหญิง แต่เหตุไรในยุคนี้จึงมีแต่ภิกษุที่เป็นชายเล่า”

แม่จำปาคิดหนัก สิ่งที่อยู่ในใจลูกกับความเป็นจริงในโลกนี้ ช่างต่างกันราวฟ้าดิน

“หากใครให้ลูกได้เรียนหนังสือ ลูกจะยอมทุกอย่างหรือไม่ล่ะ”

ลำจวนรับคำทันที่โดยไม่ต้องคิด

“ค่ะ”

“เช่นนั้น เรื่องเจ้าคุณนครบาล”

ลำจวนนัยน์ตาเกรี้ยว

“จะให้ลูกเรียนหนังสือ ถ้าลูกยอมเป็นเมียท่าน”

“หากลูกอยากเล่าเรียนเขียนอ่านจริง แม่เห็นว่า…ก็มีทางนี้ทางเดียว”

“แต่ลูกต้องมีผัวร่วมกับพี่นวล”

หญิงสาวเศร้าใจ

“พี่น้องผู้หญิงหลายคน หลายๆ บ้านเขาก็มีผัวเดียวกัน เป็นเรื่องธรรมดา”

แม่จำปาปลอบ ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่เป็นผลอันใดกับลูกสาว

“แต่เจ้าคุณแก่เท่าพ่อ…”

ลำจวนไม่ยอมแพ้

“ใครๆ เขาก็มีผัวแก่คราวพ่อคราวปู่ก็มีถมเป็นเรื่องธรรมดา นางละม้ายเมียที่พ่อลูกเพิ่งได้มาจากอัมพวาก็อายุเท่าลูกนะ ลำจวน”

“ผู้หญิงที่ไม่มีผัวอยู่เป็นสาวเทื้อแก่คาบ้าน ก็เป็นเรื่องธรรมดาเช่นกัน เช่นแม่ทิม ไม่เห็นต้องมีผัว”

ลำจวนต่อปากต่อคำ

“ลูกเลือกจะเป็นสาวเทื้อเช่นแม่ทิมรือ”

“ค่ะ ถ้าหากผู้หญิงต้องยอมทุกอย่างเป็นธรรมดา ลูกขอเป็นธรรมดาอย่างแม่ทิมเถิด”

“แล้วเรื่องเรียนหนังสือล่ะ”

“ลูกก็คงไม่ได้เรียน…เป็นธรรมดา”

ลำจวนหัวเราะหึๆ เย้ยหยันชีวิตตัวเอง

นางจำปากอดเข่า หนักใจยิ่ง

 



Don`t copy text!