บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 30 : เกิดใหม่

โดย : ปราณประมูล

Loading

บุษบาลุยไฟ โดย ปราณประมูล เรื่องราวของ ลำจวน หญิงสาวผู้ต่อสู้กับค่านิยมทางสังคมในยุค ร.3 เธอลุกขึ้นทำสิ่งที่คนในห่วงเวลานั้นไม่ทำกัน หนทางจึงไม่ได้ราบรื่น หากเต็มไปด้วยอุปสรรคและถ้าไม่ใช่เพราะแรงรักแรงใจที่หนุ่มจีนคนนั้น คงยากที่บุษบาดอกนี้จะไปสู่จุดหมาย ‘บุษบาลุยไฟ’ นวนิยายเรื่องเยี่ยมที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์

นางละครตัวพระของคณะละครผู้หญิงแห่งแพเจ้าคุณนครบาล ริมคลองบางยี่ขัน ร่ายรำอย่างงามแช่มช้า ไปตามบทเพลงโศก

เมื่อนั้น                      พระสุริย์วงศ์อสัญแดกวา         

ฟื้นองค์แล้วทรงโศกา                โอ้แก้วแววตาของเรียมเอย

ป่านฉะนี้จะอยู่แห่งใด              ทำไฉนจึงจะรู้ นะอกเอ๋ย

หรือเทวาพาน้องไปชมเชย          ไหนเลยจะบอกเหตุร้ายดี

สองกรพระข้อนอุระร่ำ               ชะรอยเวรากรรมของพี่

ได้สมน้องแค่สองราตรี              หรือมิ่งมารศรีมาจากไป

พระยิ่งเศร้าสร้อยละห้อยหา        จะสรงเสวยโภชนาหาไม่

แต่ครวญคร่ำสลดระทดใจ         สะอื้นไห้ โศกา จาบัลย์

เจ้าคุณอินทรา เศร้า หดหู่ หม่นหมอง จิตใจเลื่อนลอยไปที่อื่น มิใช่กับนางรำที่กลางแพ

นางทัดได้แต่แอบอยู่หลังเสาด้านหลัง ไม่กล้าเสนอหน้า นวลคอยนวดบีบหลังไหล่ และมีนางเล็กๆคอยพัดวี  ป้อนหมากเอาใจ แต่ดูเหมือนท่านจะไม่ตระหนักกับสิ่งรอบกาย หากสนองรับไปตามสัญชาตญาณอย่างเผลอ เหม่อ ไม่รู้ตัว

 

วันต่อมา ท่านเจ้าคุณพยายามดับทุกข์  ขมีขมันออกจากบ้านไปดูแลวัดที่ท่านกำลังบูรณะถวายในหลวง

วัดโบราณแต่ครั้งกรุงเก่าที่ทรุดโทรมใกล้พัง ท่านรับอุปถัมภ์อย่างวัดประจำตัว ตั้งใจจะซ่อมและสร้างให้สวยงาม สมนามวัดของพระอินทร์ดังนามท่าน และได้กราบบังคมทูลเกล้าฯถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระเจ้าอยู่หัวแล้ว

ท่านเจ้าคุณแหงนเงย ยกมือป้องตาจากแสงตะวันจ้า ยืนดูช่างที่กำลังแต่งเครื่องหลังคาอย่างเร่งรัด

แม้เหล่าบ่าวบริวารจะรุมหน้าล้อมหลัง กางร่มให้ ท่านกลับรุ่มร้อนในใจยิ่งกว่าร้อนแดด แม้ยามที่เข้าไปชมดูภายในอุโบสถ ที่ช่างทำเพดานเครื่องหลังคาข้างใน กำลังทำขั้นตอนท้ายๆเกือบเสร็จแล้ว

เจ้าคุณนั่งลงกราบพระประธาน พระพุทธรูปเก่าแบบพระสมัยอยุธยาที่มีพักตร์อันขรึมดุ

ครั้นแหงนเงยมองหน้าพระ อุปาทานทำให้ท่านเจ้าคุณเห็นท่านมองตอบลงมา ด้วยแววตาตำหนิ บึ้งตึง

ท่านเจ้าคุณยิ่งร้อนรุ่ม ทุรนทุราย ราวกับตกนรกทั้งเป็น

หรือนี่คือบาปที่เราต้องได้รับ

เมื่อความคิดนี้ผุดมา เจ้าคุณอินทราก็ถึงแก่ขนลุกเกรียว

 

เวลาเดียวกัน ที่อู่ต่อเรือบางคอแหลม ฮุนนั่งโดดเดี่ยว จ้องมองแต่แม่น้ำ

ยามทำงาน เขาทำงานอย่างตั้งใจ ประณีต เคร่งขรึม สมาธิจดจ่อ ไม่พูดจากับผู้ใด เหมือนอยู่ลำพังในโลก

ยามกิน ฮุนไม่กิน ในมือถือตะเกียบ ถือชาม แต่ก็ถือนิ่งอยู่เช่นนั้น

ยามอยู่ลำพังในที่ส่วนตัว ในมุ้ง บนที่นอน ฮุนนอนร้องไห้ราวกับเด็กเล็กๆ รู้สึกหมดแรง สิ้นหวัง ไม่รู้จริงๆว่าต่อไปนี้จะอยู่ไปเพื่ออะไร

“  ข้าไม่มีหนังสือมากเป็นห้องอย่างท่านเจ้าคุณนครบาลดอก แต่สอนให้เจ้าอ่านเขียนได้ ไม่ต้องเปลืองตัว ”

คุณพุ่มว่าขำๆ เมื่อเปิดหีบหนังสือในห้องนอน ให้ลำจวนดู ในวันใหม่

ลำจวนชะโงกมองไปเห็นสมุดไทยชุดนึง มีหลายเล่ม วางเรียงแยกไว้จากหนังสือส่วนมาก

“ นั่นหนังสืออันใดเจ้าคะ มีเป็นชุดตับเลย

“ บทเสภาขุนช้างขุนแผน ข้าให้เขาคัดมาเป็นบางเล่ม ”

ลำจวนลิงโลดราวจะโดด

“  บทเสภาขุนช้างขุนแผน!! โอ๊ย..ฉันอยากอ่านๆ  ฉันจะอ่านให้หมดเลย..”

ครั้นนึกได้ เธอก็ทำคอหด หันมามองหน้าผู้เป็นเจ้าของอย่างเกรงๆ

“ ได้ไหมเจ้าคะ..? ”

คุณพุ่มยิ้มขำ เลือกหยิบมาเล่มหนึ่ง

“ เล่มนี้ฉันชอบ..ตอนกำเนิดพลายงาม คุณหลวงสุนทรโวหารแต่งไว้.. เมื่อครั้งรับราชการเป็นอาลักษณ์แผ่นดินที่แล้ว

ลำจวนตาลุกโพลง

“ พ่อเคยจัดแสดงละคร ตอนกำเนิดพลายงามค่ะ ฉันจำได้  นางวันทองสั่งเสียลูกว่า.. “ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ เจ้าจงอตส่าห์ทำสม่ำเสมียน ”

พลัน หญิงสาวชะงักกึก คุกเข่าเรียบร้อย พนมมือขึ้นต่อหน้าคุณพุ่ม

“ ฉันขอสัญญาว่า..แม้นฉันเกิดเป็นหญิง..ก็จักฝึกลายมือให้คือยศ แลจักอตส่าห์ทำสม่ำเสมียนเช่นกันเจ้าค่ะ ”

ลำจวนสูดลมหายใจแรงรุ่มร้อนดุจมีไฟลุกแรงในกายใจ

คุณพุ่มมองอย่างขบขัน แต่แล้วแววตาของท่านกลับอ่อนโยนลง เวทนาในความไร้เดียงสา

เป็นแววตาที่ทำให้ลำจวนรู้สึกสงกานัก

“ ยากนัก ลำจวน  เกิดเป็นหญิงนี้..แท้จริงยากแค้นนัก  เจ้ามิอาจทำสิ่งที่เจ้าปรารถนาได้ดอก ”

คุณพุ่มกลับนิ่งไปด้วยความเศร้าใจ ไม่แน่ว่าเศร้าด้วยเรื่องของลำจวน หรืออันใด

 

นางเต็ม เอาหน้าต่างหมาแหงนขึ้น เอาไม้ค้ำ ให้แสงสาดเข้ามาเต็มแพ ลงมือกวาดพื้นด้วยไม้กวาดคู่ใจ

สมุดไทยเรื่องอิเหนา ที่อ่านค้างไว้ตั้งแต่คืนก่อน  วางทิ้งอยู่บนพรมรองนั่ง

นางเต็มมองไปทางห้องคุณพุ่ม หยิบหนังสือนั้นขึ้นมา เดินเข้าไปโผล่หน้าที่ข้างประตูห้อง

“ คุณเจ้าขา..อิเหนาที่อ่านค้างไว้ค่ะ เก็บลงหีบไปก่อนไหมคะ? ”

คุณพุ่มหันไป

“ ได้ ”

นางเต็มถือสมุดไทยนั้นมา คุกเข่าส่งให้นาย

ลำจวนอดมองตามไม่ได้

“ อ่านถึงตอนไหนแล้วเจ้าคะ? ”

“ คุณท่านอ่านให้ฉันฟัง ถึงตอนองค์ปะตาระกาหลากริ้วอิเหนา เลยเสด็จลงมาเพื่อเสกให้ลมหอบรถทองของบุษบาไป ”

คุณพุ่มหันมาเล่า

“ กำลังจะทรงเสกให้บุษบากลายเป็นอุณากรรณ ”

คุณพุ่มรับสมุดนั้นมา  ก้มลงจัดเก็บในที่ทาง

“ แม้ความรักต่ออิเหนาทำให้บุษบาต้องอ่อนแอแลพ่ายแพ้เสมอ ทว่าก็มีระยะเวลาหนึ่ง ที่บุษบารบเก่งเท่าเทียมอิเหนา แลกลายเป็นชายรูปงามเหนืออิเหนาไปเสียอีก ”

“ ตอนที่บุษบากลายเป็นอุณากรรณนี้สนุกจริงค่ะ สมน้ำหน้าอิเหนานักหนา ”

นางเต็มกระดี๊กระด๊า

ลำจวนมองที่สมุดนั้น รู้สึกผยองมาก เมื่อท่องบทละครออกมาอย่างโอ้อวด

เมื่อนั้น                               องค์อสัญแดหวาเรืองศรี

จึงตอบนัดดาไปทันที               ข้อนี้เจ้าอย่าปรารมภ์ใจ

เราจะแต่งแปลงองค์ให้เป็นชาย   มิให้คนทั้งหลายสงสัย

พรุ่งนี้ก็จะได้เข้าไป                  สำนักในนครประมอตัน

นานไปจึงจะได้คืนสถาน           เสวยสุขสำราญเกษมสันต์

จงดับโศกาจาบัลย์                  จำเป็นพลัดกันอย่าอาวรณ์

คุณพุ่มมองหน้านางเต็ม ผู้เป็นบ่าวเลิกคิ้วสูง หันมามองลำจวน แววนับถือในความสามารถฉายออกมาฉับพลัน

พร้อมกับที่คุณพุ่มเกิดความคิดใหม่สว่างวาบ

เธอหันมา เชยคาง แตะหน้าลำจวนให้หันไปมา เล็งดูเหลี่ยมมุมใบหน้า แล้วถอยตัวห่างออกไป เพื่อเล็งดูหน่วยก้านกระทัดรัด ทว่าดูผึ่งสง่าแข็งแรง

 

แม่น้ำเจ้าพระยายามสายเช่นนี้ เรือน้อยใหญ่สัญจรคับคั่ง เรือสำเภาทอดสมอจอดที่ใกล้ตลาดท้องน้ำ(ท่าเตียน)สองสามลำ จอดรับ-ส่งสินค้าตามปกติ

เรือแจว เรือพาย ขึ้นล่องผ่านท่าช้างหรือท่าพระไปมาจอแจ แต่ที่แพคุณพุ่มปิดเงียบ

ในห้องอาบน้ำด้านหลัง ที่ใช้ฝาไม้ไผ่สานกั้น ตั้งกระถางไม้ใบเขียวหนาบังตา มีตุ่มสำหรับขังน้ำให้น้ำตกตะกอนก่อนใช้อาบ และม้านั่งตั้ง ให้นั่งอาบน้ำสบาย

ลำจวนกระโจมอก นั่งบนม้านั่งเตี้ย คุณพุ่มนั่งม้านั่งสูงกว่า ใช้มีดโกนอันใหญ่ จรดคมลง ตัดผมลำจวน  มีนางเต็มคอยเอาน้ำเทราดผมที่ตกค้างตามบ่าหลังไหล่

ว่าแล้วองค์ท้าวเทเวศร์    จึงจำเริญพระเกศสายสมร

ประทานกริชอันเรืองฤทธิรอน      จารึกนามกรในกริชนั้น

อุณากรรณกะหมันวิยาหยา        มิสาเหรนดุหวาเฉิดฉัน

แล้วทรงเครื่องอย่างชายพรายพรรณ  เทวัญประสิทธิ์ประสาทพร

 ไม่นาน  ผมบนหัวลำจวนก็กลายเป็นทรงผู้ชาย  โกนด้านข้างและหลังขาวเตียน มีเพียงหย่อมหน้า ที่สั้นเท่าผมปีก ที่กำลังเป็นทรงนิยม

จากนั้น จึงพากันเข้ามาในห้องนอน คุณพุ่มเอาผ้ารัดอกพันรอบท่อนบนของลำจวน รัดจนแบนราบ

 

หลังจากหายไปบนเรือนใหญ่เจ้าคุณพ่อคุณพุ่มเป็นนาน  นางเต็มก็ย่องกลับมา มือประคองห่อผ้าใหญ่ เข้ามาในแพได้ก็รีบปิดประตูมิดชิด

“ มีใครสงสัยหรือไม่ ”

คุณพุ่มถามทันที

” ไม่มีเจ้าค่ะ เสื้อผ้าเก่าๆของท่านเจ้าคุณพ่อ คุณพี่ๆของคุณ อิฉันเคยขอไปแจกพวกญาติๆบ่อยๆ นี่ก็เลือกเอาชิ้นที่ตัวเล็กๆ ที่ดูหนุ่มๆหน่อย ”

คุณพุ่มแก้ห่อผ้าออก

มีเสื้อผู้ชายเรียบๆสองสามตัว พับวางมา บนผ้าโจงสีเข้มสองสามผืน ที่พับเรียบร้อยอย่างของที่เก็บเก่าถาวร ไม่ถูกแตะต้องมาเป็นเวลานาน

คุณพุ่มจับคลี่ สะบัดๆ ตรวจดูสภาพ สีหน้า พอใจ

ลำจวนก้าวมาที่หน้ากระจก ดูเงาตนอย่างตื่นตา เห็นตนเองเป็นเช่นผู้ชายคนหนึ่งจริง เหมือนเด็กหนุ่มร่างเล็ก เหมือนเพิ่งพ้นวัยโกนจุกมาไม่นาน ใบหน้าหมดจด เกลี้ยงเกลา ผุดผ่อง

คุณพุ่มนั่งลงอย่างหมดแรง  เหนื่อย แต่ภาคภูมิใจในฝีมือตน

ส่วนนางเต็มมองอย่างตะลึงลาน เพ้อเสียงสั่น

“..บุษบา กลายเป็นอุณากรรณ งามเช่นนี้เอง ”

 

เมื่อเดินออกมาจากประตูหน้าโบสถ์ก็ตกเข้าไปหลังเพลแล้ว  เหล่าบริวารรวมทั้งนพ ตามล้อมหน้าล้อมหลัง ทั้งกางร่ม ถือหีบหมาก ถือข้าวของส่วนตัวให้ท่านเจ้าคุณอินทรา

สีหน้าท่านก็ยังเคร่งเครียดไม่หาย

“ใต้เท้าอย่าได้วิตกทุกข์ร้อนเลยขอรับ  อุปสรรคเล็กๆน้อยๆ มิอาจแผ้วพานใต้เท้าได้ ด้วยใต้เท้าได้ทำบุญกุศล สะสมบารมีมาอย่างถึงขนาด งานบุญงานกฐิณของใต้เท้า ก็เป็นที่เล่าลืออื้ออึง ”

โชคลดเสียงลงเป็นกระซิบ

“ ว่าเหนือกว่ากฐินของเจ้านายหลายองค์ด้วยซ้ำ ”

เดชรีบสำนอง

“ วัดเก่าแก่นี้เป็นวัดของท่านเจ้าจอมแผ่นดินต้นแท้ๆ แต่กลับถูกทอดทิ้งให้ทรุดโทรมรกร้างราวกับป่าช้า ใต้เท้ามาบูรณะปฏิสังขร จนงามขึ้นมาถึงเพียงนี้ ”

“ ชาวบ้านชาวเมืองเขารู้กันทั่วไป ว่าใต้เท้าไม่เคยทำสิ่งใดอย่างแค่พอใช้ได้ ธรรมดาสามัญ..แต่ต้องประณีตเลิศเลอ พระอุโบสถ ศาลาการเปรียญแลกุฎิใหม่เอี่ยมนี้ สมภารท่านยังบอกว่าในหลวงตรัสชมว่างามราวกับสรวงสวรรค์  เห็นหรือไม่ขอรับ..ว่าความดีที่ใต้เท้าสร้างอยู่ในพระเนตรพระกรรณตลอดเวลา ”

รวยพรรณนา เกินจริงไปบ้างนิดๆหน่อยๆ

“ ไม่ดอก ยังไม่งามพอ จักต้องงามกว่านี้  ยังขาดภาพเขียนฝาผนังพระอุโบสถ  ต้องให้งามจนผู้คนกล่าวขาน ให้กลบเรื่องร้ายๆให้สิ้น ”

“ แล้วจะหาช่างใดที่เหนือกว่า..ช่างพวกนั้น ”

นพออกความเห็น

คำว่า ‘ ช่างพวกนั้น ’ ของเขา ใครฟังก็เข้าใจทันที ว่า ช่างพวกไหน

ไม่คาด ว่าท่านเจ้าคุณจะหันมาตอบ เสียงเฉียบขาด

“ ก็ต้องเอาช่างพวกนั้นมาให้ได้  วัดใดไม่มีฝีมือช่างทั้งสองนี้ ก็เรียกได้ว่าไม่เข้าสมัย ”

“ แต่..อ้ายจีนผมเปีย ลูกศิษย์คงแป๊ะผู้นั้น มันคือ..คนที่..”

นพแย้ง ทว่าท่านเจ้าคุณกราดสวนฉับพลัน

“ จะเป็นจีนจามแขกพม่ามอญลาวอันใดก็ช่างหัวมันปะไร กูไม่รังเกียจดอก ขอเพียงคุณหลวงวิจิตรเจษฎาทองอยู่ กับคุณหลวงเสนีบริรักษ์คงแป๊ะ สองช่างทรงโปรด  รวมทั้งช่างดีๆอื่นๆแห่งยุคทั้งหมดต้องมาจารจารึกฝีมือไว้ในวัดของกูให้หมด จักต้องทรงทอดพระเนตรเห็นว่าวัดกูไม่ด้อยกว่าวัดทองรือวัดบางยี่ขัน ”

เจ้าคุณมองหน้าทุกคน สะกดมิให้ใครโต้ได้อีก

ทำให้นพถึงกับก้มหน้าหลบตา

“ คุณหลวงเสนีฯคงแป๊ะนั่นแล ต้องยินดีมาคนแรก..เพราะกูดูแลท่านอย่างดีเมื่อท่านต้องคดี แลกูเป็นผู้ปล่อยท่านพ้นโทษไปกับมืออย่างสะดวกดาย..มิได้อิดเอื้อนบิดพลิ้ว ท่านต้องเห็นแก่ไมตรีจิตรมิตรภาพของกู อีกกูก็เป็นคนทุ่มเททุนทรัพย์อุปถัมภ์ช่างเขียน เป็นคนแรกที่ออกเงินทำบุญสนับสนุนงานของทุกท่าน ไม่ว่าวัดหลวง วัดราษฎร์ ถึงคราววัดกูเองบ้าง ทุกคนต้องมา ”

 

เนตรทั้งแค้นและเศร้าใจ เมื่อนพมาเล่าถ่ายทอด

“ คงแป๊ะจักให้อ้ายเจ๊กฮุนมาเขียนโบสถ์ด้วยกระนั้นหรือ ”

“ มันหนีไปแล้วนา พี่เนตร มันคงไม่กล้ามาดอก ”

นพพยายามปลอบใจ ทั้งๆที่ไม่รู้แน่

“ ครูทองอยู่ไล่พี่ ท่านหาว่าพี่โหดร้าย  ไม่สมควรจะเป็นศิษย์ท่าน ช่างเขียนศิษย์ของคุณหลวงวิจิตรเจษฎาสมควรมีแต่กุลบุตรของเหล่าผู้ดีมีตระกูล จิตใจดีงาม มีศีลมีธรรมสูง ”

เนตรน้อยเนื้อต่ำใจนัก

“ พี่ต้องกลายเป็นคนเลว เพราะอ้ายฮุนตัวเดียว ”

นพมองพี่ชาย ห่วงใย

“ พี่เนตร อย่างไร น้องสาวเราก็ตายไปแล้ว เลิกแล้วต่อกันไปเถิด ”

“ จะเลิกแล้วต่อกันได้อย่างไร เพราะฝักใฝ่ถึงไอ้ฮุนนั่นแล นางลำจวนจึงต้องเป็นผีเฝ้าปากคลองบางกอกน้อยเยี่ยงนี้ ”

“ ไม่มีอะไรยืนยันในข้อนั้นสักนิด พี่เนตรก็คิดไปเองไม่เลิกไม่แล้วเสียที ”

นพ-อดรำคาญคนเจ้าคิดเจ้าแค้นไม่ได้

 

ตะวันขึ้นเหนือลุ่มน้ำเจ้าพระยา แสงเรื่อๆชมพู ม่วง ทองสะท้อนระยิบในเกล็ดคลื่น

ทาสหญิงทองใบ กำลังตักน้ำขึ้นมารดน้ำต้นไม้ในกระบะกระถางที่ระเบียงแพ ที่รับแสงตะวันเช้าสว่าง แกว่งใบเขียวสดใสในสายลมอ่อน

เสร็จแล้วเธอก็ลงมือทำความสะอาด ขัดพื้นระเบียงด้วยกาบมะพร้าวตัดขวางผลมะพร้าวแก่ ไม่ให้ชื้น ลื่น มีตะไคร่ หรือมีดินโคลนเปื้อน

นางเต็ม ย่องออกมาจากห้องด้านในก่อน โผล่หน้าดู เห็นทองใบกำลังก้มหน้าก้มตา ทำงานอย่างแข็งขัน จึงเกิดอารมณ์สนุก  หันไป กวักเรียกใครบางคนจากด้านในแพ

“ ลองออกไปเดินฉายโฉมดูทีรึ  พ่อเฉก..”

ลำจวน ก้าวออกมาจากในเรือน ทำให้พื้นกระดานเฉลียงแพยุบลงเบาๆ ทองใบหันไปเห็นลำจวน ตกใจจนลุกพรวดยืนขึ้น และถอยไปหลายก้าว

ในแสงเช้าสีทองนุ่มนวล ลำจวนคือชายหนุ่มร่างสะโอดสะอง โปร่งบาง ผิวพรรณขาวสว่าง  สวมเสื้อผ่าหน้าของเจ้าคุณพ่อของคุณพุ่มกับโจงสีเข้ม

นางทองใบอกสั่นขวัญหาย เอ่ยเสียงตะกุกตะกัก หน้าแดงซ่าน

“ นายท่าน..ออกมาจากในแพรือขา  เข้าไปตั้งแต่เมื่อไร พูชายกล้าขึ้นมาบนแพนี้ได้อย่างไร ”

ลำจวนไม่ตอบ ยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูบานเฟี้ยม ยิ้มให้

แสงอรุณชมพูนวลระเรื่อ ฉายจับร่างแน่งน้อยผึ่งผายนั้น  ดูงามดุจมีแสงเรืองรองออกมาจากกาย

ทองใบขนลุกเกรียว ถอยออกไปอีก มองรอบๆเพื่อความแน่ใจ

“ อีฉันเพิ่งเปิดประตูเรือนด้วยมืออิฉันเอง คุณผ่านเข้ามาจากทางไหน รือว่า..”

นางเข่าอ่อนเซทรุดลงคุกเข่า พนมมือแทบอก

“ คุณสิงสถิตอยู่ณ.ที่นี้..มาโดยตลอด ”

นางเต็มหัวเราะ เดินออกมาเฉลย

“ คุณเฉกเป็นคน มิใช่ผีสาง เรือเธอจากลานเทเพิ่งมาถึงเมื่อค่ำวันวาน ”

“ คุณเฉก..?? ”

ทองใบมืดแปดด้าน

“ คุณเฉกมีศักดิ์เป็นหลานชายคุณพุ่มท่าน มาจากกรุงเก่า จะมาพักที่นี่สักระยะ ”

ทองใบส่ายหน้ารัวๆ

“ พักที่นี่ พักได้อย่างไร พักที่เรือนใหญ่ของท่านเจ้าคุณ จะมิดีกว่ารือ ”

คุณพุ่มได้ยิน อดรนทนไม่ได้ ถึงกับเดินออกมา เสียงแหว

“ หลานชายข้า ข้าจักให้พักกับข้า..มันก็เรื่องของข้า ”

ทองใบก้มพนมมือ

“ แต่..พูชาย..โตเป็นหนุ่มแล้ว..ให้มาอยู่ปะปน..จะงามรือเจ้าคะ ”

คุณพุ่มถอนใจเพลียๆ

“ พ่อเฉกผู้นี้ ข้าเคยเลี้ยงมันมาแต่อ้อนแต่ออก ข้าไม่เคยเห็นมันเป็นหนุ่มสักที เห็นเป็นเด็กอยู่ร่ำไป อีกอย่าง จะให้ไปอยู่เรือนคุณพ่อ ก็มีแต่ลูกน้องเจ้าคุณพ่อแลบ่าวไพร่อยู่กันแน่นเต็มพอแล้ว เรือนนี้ ข้าอยู่กับนางเต็มสองคน รู้สึกหวาดๆ หวั่นจะมีโจรผู้ร้ายมาเยือนสักวัน ให้พ่อเฉกอยู่ด้วย ก็น่าจักอุ่นใจขึ้น ”

นางทองใบกราบ

“ เจ้าค่ะๆ ”

คุณพุ่มรีบสำทับ

“ เมื่อเจ้าคุณพ่ออนุญาต คนอื่นก็ไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจไปดอก นางทองใบ ”

ทองใบเหลือบดูหน้าหนุ่มรูปทอง  ลำจวนจ้องเธออยู่พอดี ดวงตาอ่อนโยน มีแววระยิบระยับ แถมยิ้มให้

ทองใบเสียววาบ อายม้วน สะเทิ้นเขินขวย

 

ตะวันขยับสูงขึ้นเรื่อยๆเหนือลำน้ำ เรือชนิดต่างๆพลุกพล่านจนผืนน้ำเป็นคลื่นใหญ่ ทำเรือนแพไหวขึ้นๆลงๆ

ไพร่สักข้อมือสามสี่นาย ลอยคอในน้ำ ช่วยกันปลุกปล้ำผูกยึดลำไม้ไผ่หลายลำเข้าเป็นลูกบวบ ปล่อยลอยกระเพื่อม เตรียมไว้เพื่อเปลี่ยนแทนลูกบวบเก่าที่ผุเปื่อย เพื่อใช้รองใต้แพเป็นอันดับต่อไป

ทาสชายคนเรือพายเรือออกมาจากเรือนใหญ่ด้านหลังแพ มาเทียบรอด้านหน้า

นายหมาย บ่าวชายที่กำลังคุมไพร่ผูกลูกบวบ เขม้นมองอย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นคุณพุ่มถือธูปเทียนดอกไม้ที่เก็บจากในกระถางที่ปลูกๆไว้รอบแพ เดินมากับเด็กหนุ่มแปลกหน้า ผู้หิ้วปิ่นโตสามชั้นที่ทำจากกระเบื้องลายครามแบบจีน ท่าทางหนักเอาการ

“ นายหมายเปลี่ยนลูกบวบรองแพกันได้ตามสะดวกเลย ฉันไปทำบุญเพลวัดของเจ้าคุณพ่อฝั่งโน้น แลจักเลยไปเยี่ยมเยียนญาติๆแถบสวนบางพลัด กว่าจะกลับคงจวนเย็น นายหมายทำงานกันเอะอะโครมครามให้เต็มที่เถิด ”

“ ขอรับ คุณพุ่ม ”

นายหมายยังเล็งซ้ายเล็งขวา สนใจเด็กหนุ่มนั้นอย่างยิ่ง

คุณพุ่มรีบแนะนำแนบเนียน

“ นี่พ่อเฉก หลานฉันที่กรุงเก่าอย่างไรเล่า นายหมายจำพ่อเฉกมิได้รือ? ”

นายหมายถึงกับงง

ลำจวนยิ้มพยักให้  ทั้งๆที่ใจเต้นตึ้ก

จู่ๆนายหมายยิ้มออกมา

“ อ้อ..ที่แท้..คุณเฉกนี่เอง นึกว่าใคร เด็กๆขี้โรคเหลือเกิน ผอมคล้ำ ”

ลำจวนยิ้มแห้ง

“ นึกว่าจะตายเสียหลายครั้ง จนต้องบวชแก้บน ”

นายหมายเออออกับตนเอง

“ เขาสึกมา จะขอฝากตัวให้เจ้าคุณพ่อช่วยให้ได้เป็นอาลักษณ์น่ะ นายหมาย ”

คุณพุ่มพูดเรื่อยๆ สบายอกสบายใจ

“ มิน่า..คุณถึงต้องพาไปไหว้หลวงพ่อแซกคำ จะได้เป็นสิริมงคลแก่ตน นี่ตำน้ำพริกปลาร้าไปถวายสิเล่า มิน่า หอมปลาร้าแต่เช้าทีเดียว นึกว่ากลิ่นลอยมาแต่ไหน ”

นางเต็มรีบเอาเรื่องขอกินมา-กลบ

“ ฉันตำเผื่อทุกคน หุงข้าวเหนียวนึ่งไว้ให้ มีน้ำพริกปลาร้า ไข่เป็นต้มเป็นก่ายเป็นกอง  กลางวัน พ่อหมายก็ไปยกจากในครัวมาเลี้ยงกันเองเลย ”

เมื่อเห็นว่าลำจวนทำหน้าสนใจยิ่ง เมื่อได้ยินคำว่าหลวงพ่อแซกคำ คุณพุ่มก็รีบอธิบาย

“ หลวงพ่อแซกคำมาจากเมืองลาวเช่นเดียวกับพระแก้วมรกต  ในหลวงท่านพระราชทานให้มาเป็นองค์พระประธานวัดคฤหบดี..ที่คุณพ่อสร้างถวายเมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ หลวงพ่อแซกคำท่านโปรดปลาร้า ลาบ ไข่เป็ดต้ม บนบานขออันใดด้วยปลาร้าเป็นได้ทั้งนั้น พ่อเฉกไปอธิษฐาน..ขอท่านคุ้มครองให้พ้นทุกข์โศกเถิด ”

นายหมายมองตามเรือคุณพุ่ม ที่ทาสฝีพาย ประคองข้ามฟากไปอย่างระมัดระวัง  ด้วยสีหน้าปลาบปลื้มยินดี

“ คุณเฉก..โตแล้วหน้าตาดีขึ้นผิดตา บวชเรียนแต่เด็กนี่กุศลแรงแท้ ”

 

ตะวันขึ้นสูง สายขึ้นทุกที เหนือคุ้งน้ำเจ้าพระยาช่วงที่กว้างและโค้ง มีป่าจาก สวนหมาก ต้นไม้เขียว และชุมชนแทรกกระจัดกระจาย ที่บางคอแหลม

ที่อู่เรือใหญ่ บนเรือลำสูงใหญ่ราวตึกราม ฮุนกำลังผสมสี แบ่งเทให้ภาชนะเพื่อนๆ ที่รออยู่

ผู้จัดการอู่มาตะโกนเรียกอยู่เบื้องล่าง

“ ฮุน อาฮุน มานี่ เร็วๆเข้า อย่ามัวชักช้า ”

“ ขอรับกระผม ”

ฮุนรีบไต่บันไดลิงลงไปหา

ผู้จัดการมองหน้าขรึม พยักหน้าให้ฮุนตามไป

“ เขาเรียกมันไปดุด่าว่ากล่าวรือ?”

อาแชถามเพื่อนด้วยภาษาแม่

“ ไม่น่าใช่ดอก มันมิได้ทำสิ่งใดผิด ”

ไห่ก็พลอยห่วง

“ มันทำงานงดงามดีกว่าผู้ใด  ไม่เห็นดอกรือ”

ซานปลอบใจทุกคน

ฮุนอดดีใจไม่ได้ ที่เห็นครูพุดยืนยิ้มอยู่

ชายหนุ่มจีน ไหว้ครูไทยอย่างนอบน้อม

ผู้จัดการอู่สาธยาย

“ คุณหลวงเสนีย์บริรักษ์  ส่งคนมาขอตัวลื้อไปช่วยงานเขียนโบสถ์หลังใหม่ เขาไปกราบเรียนผ่านท่านหลวงนายสิทธิ์แล้ว ท่านอนุญาตให้ไปได้ ”

“ ขอรับกระผม ”

ฮุนรับคำงงๆ

“ หลวงนายสิทธิ์ท่านสั่งนักหนา ว่าเจ้าเป็นช่างเขียน ต้องถนอมมือเอาไว้ทำงานวาดรูปบูชาพระศาสนาเพื่อรับใช้งานพระราชกุศลของพระเจ้าอยู่หัว จารึกไว้ในพระอารามทั้งหลายไปชั่วลูกชั่วหลาน กราบเรียนท่านด้วย ว่าข้ากระทำตามที่ท่านสั่งมิได้บกพร่อง ”

ผู้จัดการอู่กำปั่นตบหลังตบไหล่ฮุน

“ ครูถึงกับมาด้วยตนเอง ”

ฮุนกล่าวอย่างแปลกใจ เมื่อผู้จัดการละไปแล้ว

“ ครูคงแป๊ะท่านบอกจะเอาตัวเจ้าไปให้ได้  ข้าก็ต้องมา ”

“ มีงานเขียนอันใดที่ครูท่านเจาะจงเรียกใช้กระผมรือขอรับ ”

ฮุนสุดจะคาดเดา

ครูพุดหัวเราะ

“ ครูบอกว่า หน้าตาผู้คนตัวภาพทั้งหลาย..ฝีมือเจ้านั้นแยบยลนัก ควรจำหลักไว้ในเมืองอินทร์ ”

“ เมืองอินทร์? ”

ฮุนไม่อาจจะขบคิดเข้าใจได้จริงๆ

 

อาหารจากบ้านคุณพุ่ม ได้รับการจัดลงถ้วยชามในถาดเป็นสำรับใหญ่ สำหรับพระสงฆ์ห้ารูป

คุณพุ่มเข้ามาประเคนของ หลวงตาเจ้าอาวาสคลี่ผ้ารองประเคนรับ

“ โยมเจ้าคุณสบายดีไม่เจ็บไม่ไข้นะ โยมพุ่ม ”

“ เจ้าคุณพ่อแข็งแรงดีเจ้าค่ะ หลวงตา ไม่เจ็บไข้ แต่ภาระหน้าที่หนักหนานักเจ้าค่ะ ”

หลวงตายิ้มขำ

“ ว่ากล่าวภาษีบ่อนเบี้ย โรงหวย เตาสุรา ..ก็ต้องถี่ถ้วนหน่อย  ภาษีอบายมุขทั้งนั้น ”

ท่านหัวเราะเบาๆ

“ เงินทองมันไหลมาเทมาเข้าท้องพระคลังจากของเหล่านี้มากมายจริงๆ โยมเจ้าคุณนั้นเงินทองไหลผ่านมือไปราวกับสายน้ำ แต่ตนเองกลับกินอยู่อย่างสมถะ จักกอบโกยทรัพย์แผ่นดินเข้าพกเข้าห่อตนนั้น..ไม่มีเสียล่ะ จึงได้ฉายาว่าเป็นบ่อแก้วของในหลวงท่าน  ผู้คนก็รู้กันทั่ว ว่าท่านคือบ่อเงินทองที่ใสสะอาดสุจริตโดยจริงแท้ ”

“ ก็เพราะบารมีที่เจ้าคุณพ่อทำไว้นี่ล่ะค่ะ ลูกหลานจึงได้อยู่เย็นเป็นสุขเช่นนี้ ”

คุณพุ่มยิ้ม

นางเต็มช่วยประเคนชามน้ำพริกและเครื่องจิ้ม

หลวงตามองดูลำจวนที่เอาแต่นั่งดูห่างออกไป อย่างตำหนิและพยักหน้าเรียก

“ เอ้า..ทำไมไม่ให้หลานผู้ชายมาประเคน ”

ลำจวนสะดุ้ง มองหน้าท่านจนมั่นใจ ว่าท่านหมายถึงตนนี่เอง

คุณพุ่มยิ้มสบตาลำจวน ดีใจ

“ จริงสิคะ หลวงตา..พ่อเฉก..มาประเคนมา ”

นางเต็มก้มหน้าขำ

ลำจวนรีบคลานเข่ามา ประเคนทุกสิ่งที่เหลือ  ท่าทางทะมัดทะแมง

“ เอ้า พ่อคุณ..เอาเหยือกน้ำตรงนั้นมาตั้งด้วยสิ ”

พระภิกษุอีกรูปวานใช้

“ ขอรับๆ ”

ลำจวนแทบกระโดดไป เมื่อท่านเกือบจะเอามือมาสะกิดหลัง

ทำให้คุณพุ่ม นางเต็ม ยิ้มพอใจในผลงานยิ่งนัก

 

พระอุโบสถวัดคฤหบดี ที่พระยาราชมนตรีบริรักษ์ บิดาคุณพุ่มเป็นผู้สร้าง สถาปัตยกรรมเป็นทรงจีน หลังคาลด ๒ ชั้น ไม่มีช่อฟ้าใบระกา หน้าบันประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ และเครื่องถ้วยชาม ซุ้มประตูหน้าต่างเป็นลายปูนปั้นรูปดอกพุดตาน บานประตูหน้าต่างด้านในเขียนลายต้นไม้ และดอกไม้แบบจีน

ที่ลำจวนยืนไพล่หลัง ท่าทางองอาจ อกผายไหล่ผึ่ง แหงนชมดูอยู่อย่างเพลินตา

ใครหนอน่าอัศจรรย์ใจ    หรือว่าเป็นพระไพรเจ้าป่า

หรือหน่อกษัตริย์พลัดเมืองมา      ทรงโฉมโสภาวิลาวัณย์

หนุ่มน้อยน่ารักรูปทรง               เอวองค์ขนงเนตรคมสัน

แม้นได้เป็นบุตรบุญธรรม์      จะผูกพันพิศวาทแสนทวี

นางเต็มถึงกับว่ากลอนบทละครอิเหนากับเขาบ้าง

“ แหม..รำพึงเป็นระตูประมอตัน เมื่อแรกพบอุณากรรณในป่าทีเดียว นางเต็ม ดูทีจะเพ้อใหญ่

คุณพุ่มล้อ

“ ตอนนางทองใบเห็น..ทีแรก ก็เพ้อว่าเป็นผีสางเทวดาออกมาจากเรือนแพเหมือนกันแหลเจ้าค่ะ ”

คุณพุ่มชอบใจ

“ นางทองใบคือคนแรก ที่เชื่อ ว่าเป็นชายจริง ”

“ นายหมาย จนกระทั่งหลวงตาก็ไม่เว้น ”

นางเต็มคิกคัก

“ แหม..แถวนี้ก็ใกล้บางยี่ขันอยู่ อยากพาไปนั่งเรือเล่นในคลองบางยี่ขันเสียจริง อยากรู้ ว่าจะมีผู้จำได้รือไม่ ”

คุณพุ่งแว้งไปที่เจ้าคุณอินทรา

“ หวาดเสียวเจ้าค่ะ ออกจะเสี่ยงเกินไป ”

พอดีกับลำจวนเดินมา หน้าตาแสดงว่าครุ่นคิดสิ่งใดอยู่อย่างเคร่งเครียด

“ ว่ากระไร..ลำจวน..”

แล้วคุณพุ่มก็รีบแก้ไขคำผิดให้ตัวเอง

“ เจ้าเฉก! ”

“ คุณเห็นอย่างไร หากฉัน..เอ้อ กระผม อยากส่งข่าวให้แม่ทราบ..ว่าลูกยังไม่ตาย อาจหาโอกาสพบกันสักครั้งได้ไหมขอรับ ”

“ ตายๆๆ เจ้าเฉก เจ้ามันคิดได้แต่เรื่องบ้าระห่ำ เกิดความแตกขึ้นมาจะว่าไร ก็หายนะกันหมดเท่านั้น ”

คุณพุ่มดุ ทำเอาลำจวน หรือเจ้าเฉก สงบหงอยลงโดยพลัน

นางเต็มถอนใจเฮือก สงสารก็สงสาร แต่ขวางเต็มที

 

ห่างไปจากตรงนั้นอีกไม่กี่คลอง  ก็ถึงวัดทอง

แม่จำปากำลังกรวดน้ำ ด้วยสีหน้าแห้งแล้ง เย็นชา ไร้ชีวิตชีวา ดวงตาแข็งกร้าว มีนางทิมนั่งพนมมือห่างออกมา  พระบุญลือยืนสงบสำรวม มองดูอยู่อย่างห่วง

ที่หลังต้นจันทน์ใหญ่  ฮุนแฝงตัว แอบมองอยู่เงียบๆ

เสร็จแล้ว นางทิมเข้ามาช่วยประคองแม่จำปาให้ลุกขึ้น

“ โยมแม่หมั่นสวดมนตร์ไหว้พระ แผ่ส่วนกุศลไปให้ลำจวนได้ไปสู่สุคติ อาตมาขอ..ให้โยมแม่สงบกายใจ อย่าจองเวรแก่ผู้ใดเลย สัตว์โลกทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน ใครทำสิ่งใดไว้ย่อมได้รับผลนั้น ดุจกำเกวียนกงเกวียนอยู่เอง ”

พระบุญลือให้สติ เมื่อร่ำลากัน

“ หากชาติหน้ามีจริง ขอให้ลำจวนได้ไปเกิดเป็นชายเถิด  อย่าได้ทุกข์เช่นในชาตินี้อีก ”

แม่จำปาเอ่ยเสียงขม

“ ลำจวนปรารภว่าอยากเป็นผู้ชายเสมอก็จริง แต่จักสมปรารถนาหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับบุญกรรมของลำจวนเอง ”

แม่จำปาเงยหน้า ฉุนจัด

“ คนที่เกิดมาเป็นหญิงนี่ ชาติก่อนคงมีบาปหนักสินะ พระ! ”

เสียงนางเย้ยหยันๆ

“ พวกสร้างโบสถ์สร้างวิหาร คงมีบุญได้เกิดเป็นชายทุกชาติทุกคน ”

“ ก็ไม่แน่ดอกโยม ถึงสร้างโบสถ์วิหารหรือเป็นพระเป็นนักบวช ก็อาจจะไม่ได้ไปเกิด อยู่เป็นเปรตเฝ้าวัดก็มีอยู่มาก จักได้ไปเกิดเป็นคนอีกหรือไม่ ยังไม่แน่นอนเลย อยู่ที่ว่าก่อนตาย ดวงจิตไปเกาะเกี่ยวกับสิ่งใด ”

พระบุญลือทำไม่รู้ไม่ชี้กับอารมณ์โยมมารดา

“ โยมเชื่อ ว่าลำจวนเฝ้าแต่อธิษฐานขอเป็นชายอยู่แล้วทุกขณะจิต ลำจวนไม่เคยก่อบาปกรรมใด ย่อมได้เกิดเป็นชายแน่ ”

แม่จำปายืนยันอย่างดื้อดึง

พระเงียบ ไม่เถียงอีก ได้แต่สงสาร

เมื่อครอบครัวนี้พากันเดินไปที่ท่าเรือ ฮุนจึงหันกลับ ออกเดินจากมาด้วยความเศร้า

ดูเหมือนทุกเรื่องราว จะตอกย้ำว่าลำจวนตายจากไปแล้วจริงๆ

 

ชายหนุ่มข้ามฟากจากฝั่งธนบุรี มาที่วัดโพธิ์ ซึ่งเป็นวัดโบราณ มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ได้รับการบูรณะมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี ต่อมาแผ่นดินต้นทรงสถาปนาใหม่ทั้งอาราม พระราชทานนามว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม

ในสมัยแผ่นดินนี้ ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ราวๆหกเจ็ดปีก่อนหน้านี้  มีการสร้างพระอุโบสถใหม่ให้ใหญ่กว่าเดิม ขยับวังของเจ้าครอกวัดโพธิ์ เสด็จย่าน้องสาวเสด็จปู่ของพระองค์ ออกมาทางวังหลวง เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้วัดและสร้างพระนอนและวิหารพระนอน มีการจารึกวิชาความรู้ต่างๆลงให้แผ่นหินและติดตั้งไว้ทั่วไป  มีการบูรณะเจดีย์ประจำรัชกาลแผ่นดินต้น แผ่นดินกลาง และของพระองค์เอง

สำหรับงานเขียนฝาผนังที่เป็นฝีมือช่างในสมัยนี้ที่โดดเด่นและยังคงเหลือให้ชม คือที่ผนังพระอุโบสถ และที่วิหารพระนอน

วัดพระเชตุพน ได้รับการบูรณะ เปลี่ยนแปลงเรื่อยๆมาในทุกรัชกาลต่อๆไปในอนาคต

วันนั้นพวกศิษย์คงแป๊ะกำลังเตรียมเขียนภาพชาดกเรื่องหนึ่งในห้าร้อยห้าสิบชาดกพิสดาร ซึ่งครูคงแป๊ะเพียงมาช่วยดูแลชี้แนะ

“ มาแล้วรึ  อั๊วะจะให้ลื้อไปวาดรูปกับอั๊วะ ในวัดของท่านเจ้าคุณนครบาลเสียหน่อย ”

คงแป๊ะเอ่ยทันที เมื่อครูพุดพาฮุนเข้าไป

ฮุนสะดุ้ง หน้าเผือดสี แววตารวดร้าว

“ ลื้อจะได้อโหสิกรรมให้เขา..เพื่อส่งบุญส่งกุศลไปให้แม่ลำจวนอย่างไรเล่า ”

ท่านครูสบตาอย่างคาดคั้น

“ กระผมไม่..ไม่ขอรับงานนี้ มิได้รือขอรับ ”

“ อั๊วะเคยเป็นนักโทษฆ่าคนตาย ยังได้โอกาสกลับมาทำงานรับใช้พระศาสนาอีก  ลื้อเอง ที่กำลังเขียนงานได้เจริญก้าวหน้า ก็สมควรได้กลับมาเขียนต่อให้ดียิ่งขึ้นๆไปอีก แลนี่จะเป็นจังหวะที่เหมาะสม ”

ฮุนนิ่ง สับสนใจยิ่งนัก

“ อั๊วะเดา..ว่างานนี้..ท่านเจ้าคุณคงจะอยากล้างบาป แต่ถ้าเห็นหน้าลื้อ แล้วท่านยังปล่อยวางไม่ได้ ก็แปลว่า บาปนี้คงล้างไม่ได้ ”

ฮุนเศร้าใจ แต่ลึกๆ ก็ยอมรับในเหตุผลของครู และซาบซึ้งใจนัก ว่าครูต้องการจะล้างมลทินให้เขาได้เดินยืนในพระนครได้อย่างโปร่งใจเสียที

“ แม่ลำจวนก็ตายไปแล้ว ฮุน..มาทำบุญร่วมกัน ส่งวิญญาณให้ไปสู่สุคติ แลส่งจิตใจตัวเองให้พ้นทุกข์พ้นโศกเถิดฮุน ”

แววตาของครูที่มองมา ฮุนมองเห็นความรักเมตตาที่มีต่อเขาอย่างสุดประมาณ

 



Don`t copy text!