บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 23 : สิ้นหวัง

โดย : ปราณประมูล

Loading

บุษบาลุยไฟ โดย ปราณประมูล เรื่องราวของ ลำจวน หญิงสาวผู้ต่อสู้กับค่านิยมทางสังคมในยุค ร.3 เธอลุกขึ้นทำสิ่งที่คนในห่วงเวลานั้นไม่ทำกัน หนทางจึงไม่ได้ราบรื่น หากเต็มไปด้วยอุปสรรคและถ้าไม่ใช่เพราะแรงรักแรงใจที่หนุ่มจีนคนนั้น คงยากที่บุษบาดอกนี้จะไปสู่จุดหมาย ‘บุษบาลุยไฟ’ นวนิยายเรื่องเยี่ยมที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์

ลำจวนวิ่งลงบันไดเรือนใหญ่สูงชันด้วยความเร็วอันมิอาจควบคุมหยุดยั้งได้ สุดท้าย เมื่อเท้าแตะพื้นดิน เธอก็เสียหลัก หัวทิ่ม ล้มไม่เป็นท่าลงที่ลานหน้าเรือน

เมื่อเงยหน้าขึ้น หญิงสาวก็พบว่าหมื่นโชค หมื่นเดช หมื่นรวย ดาหน้าเข้ามาขวางไว้ทุกทาง แต่โชคดี ที่มีนพพี่ชายต่างมารดาแทรกเข้ามาช่วย

 “ ลำจวน มีเหตุอันใด? ”

นพยื่นมือออกมา

ลำจวนหันกลับไป เห็นท่านเจ้าคุณอินทราก้าวออกมายืนมองด้วยสีหน้านิ่งขรึม

หญิงสาวรีบตะกายลุก เข้าไปเกาะนพ หวังพี่เป็นที่พึ่ง

“ พี่นพ  ช่วยฉันด้วย! ”

ลำจวนเหลียวดูท่านเจ้าคุณ หวาดกลัว

นพกลืนน้ำลาย ฝืดคอ

เจ้าคุณนครบาลเดินลงมา ยิ้มเอื้อเฟื้อ

“ ลำจวน..ออเจ้าไม่ต้องตื่นตกใจไปดอก ข้ามิได้ทำอันตรายอันใด ”

ลำจวนตัวสั่น ถอยกรูด ขาพันกันแทบล้มลงไปอีก พนมมือกลาง-อก

“ ท่านเจ้าคุณ เวทนาลูกนกลูกกา ปล่อยอิฉันไปเถิดเจ้าค่ะ ”

เสียงหญิงสาวสั่นระรัว พูดไม่เป็นคำ

ชายมือปราบสามคนรวมนพเป็นสี่ ขยายวง ล้อมกรอบลำจวนไว้กลายๆ

พอดีกับนายสุ่น  คุณนายนอบ แม่นวล เดินขึ้นมาจากแพ ต่างกังขากับสถานการณ์ตรงหน้า

นางนอบ และนวล มองหน้ากันอย่างวิตก เพราะรู้นิสัยอันคาดเดาไม่ได้ของลูกสาวคนเล็กของ

นายสุ่นกับนางจำปา

คุณหญิงและคุณเอื้อย ภรรยาของท่านเจ้าคุณ อีกทั้งแม่ครู กับบรรดาสาวๆชาวคณะละครผู้หญิงของท่าน  ตามมามองกันอยู่ไกลๆ ต่างสงสัย สนใจว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น

ลำจวนเห็นหน้านายสุ่น  ใจชื้นขึ้นเป็นพะเรอ

หญิงสาววิ่งแหวกพวกหัวหมื่นร่างทะมึนเหล่านั้น ไปหาบิดา

“ คุณพ่อ..กลับบ้านกันเถิด ”

ลำจวนเข้ากอดแขนนางนอบ เมียเอกผู้เป็นใหญ่ในเรือนที่แท้

“ นายแม่ ช่วยคุ้มครองฉันด้วย ฉัน..ฉัน..กลัว ”

เธอมองเจ้าคุณด้วยอาการหวั่นแสยงขนลุกขนพอง

“  กลัวผู้ใด ใครทำอันใดเจ้า ”

นางนอบวางท่าทีสงบ เป็นสง่าน่าเกรงขามทีเดียว

ท่านเจ้าคุณอินทราก้าวเข้ามาหาสองสามีภรรยา ท่าทีสุภาพ

“  นายสุ่น คุณนายนอบ..ไม่มีสิ่งใดไม่ดีงามเกิดขึ้นดอก ฉันเพียงแต่..

ท่านชะงักคำพูด เมื่อมองไปเห็นชาวคณะละครขยับกันเข้ามามุงกัน

คุณหญิงมองสามี ผิดความคาดหมาย ที่คนอย่างท่านโอ้โลมหญิงสาวแค่นี้ไม่สำเร็จได้อย่างไร

ขณะที่คุณเอื้อยปิดปาก แอบยิ้มสมใจ

ขณะนั้นเอง นางทัดเดินถือสมุดไทยเล่มใหญ่ หน้าปกหุ้มผ้าปักทองอย่างวิจิตรงดงาม ลงจากเรือนมา พลางประกาศดังราวกับจะบอกกล่าวให้ได้ยินกันไปถึงปากคลองก็ไม่ปาน

“ ท่านเจ้าคุณพบลำจวนเข้าไปหยิบฉวยหนังสือเล่มนี้ออกมาจากหีบหนังสือของท่าน ไม่ทราบมันกล้าเข้าไปในห้องนั้นได้อย่างไร หนำซ้ำ ยังไปเปิดตู้หนังสือล้ำค่าที่ท่านสะสมไว้ เฉพาะหนังสือหายากทั้งสิ้น ”

แม้แต่ท่านเจ้าคุณแห่งนครบาล ยังถึงกับหันไปเขม้นมองนางทัดอย่างตกตะลึงทึ่งใจ ในปฏิภาณไหวพริบปั้นความเท็จได้สดๆร้อนๆ

ลำจวนเสียงหวีด ด้วยความตระหนกขนาดหนัก

“ แม่ทัด ไม่เป็นความจริงเลย!! ”

นางทัดหามีความสะทกสะท้านสักน้อยหนึ่งไม่  เมื่อยื่นหนังสือเล่มนั้นมาตรงหน้า ให้นายสุ่นได้เห็นเต็มตา

“ นายสุ่นดูเถิด ก็เคยได้ยินหนา ว่าลำจวนอยากอ่านเขียนเรียนหนังสือ แต่ไม่นึกเลยว่าจะมือไวใจเร็ว อยากเอาหนังสือที่หาค่าไม่ได้เช่นนี้ไปเป็นของตัว นี่คือพระราชนิพนธ์บทละครอิเหนาของแผ่นดินต้น ซึ่งท่านเจ้าคุณได้คัดลอกมาจากในวัง มิใช่ว่าคนธรรมดาสามัญจะมีครอบครองกันได้ ”

คุณหญิงเลิกคิ้วอย่างชื่นชมในความตอแหลตอหลดไปได้เพียงนั้น ขณะที่คุณเอื้อยมองนางทัด อย่างขยะแขยงรังเกียจ

“ ฉันอ่านไม่ออกด้วยซ้ำ ”

ลำจวนแย้ง เสียงสั่น

“  คนบอกบทละคร..อ้างว่าอ่านหนังสือไม่ออกรือ ”

หมื่นโชคตวาดก้อง

แม่ครู กับสาวๆเหล่าคณะมโหรีและละครหญิงเขยิบเข้าใกล้กัน เสียงกระซิบกระซาบฮือฮา

ถึงตอนนี้คุณหญิงเมียเอกมองลำจวนอย่างสาใจ ขณะที่คุณเอื้อย เมียรองส่ายหน้าสุดสมเพช

“ ช่างกล้าพูดออกมาได้ ”

หมื่นเดชสำนอง

“ หากอ่านไม่ออก จะเลือกหยิบถูกรือ ”

หมื่นรวยเย้ย

นพ ซึ่งน่าจะได้เป็นหัวหมู่หัวหมื่นกับเขาในไม่ช้า เอ่ยเสริมขึ้นมาบ้าง

“  ลำจวน เจ้าแต่งกลอน แต่งเพลงยาวให้พี่ก็เคย เจ้าย่อมรอบรู้ถึงสิ่งของเหล่านี้เป็นอย่างดี ”

“  พี่นพ ! ”

ลำจวนแทบร้องไห้ออกมา มองพี่ชายอย่างคับแค้น  รู้เช่นเห็นชาติ

เธอหันไปหาเจ้าคุณ พนมมือ จ้องตาท่านแข็งกร้าว

“ ท่านเจ้าคุณเจ้าขา..ท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ท่านย่อมทราบดี..ว่าอิฉันทำสิ่งที่แม่ทัดกล่าวหาก็หาไม่ ”

“ ลำจวน! ให้มันรู้จักที่ต่ำที่สูงบ้าง ”

นางนอบร้องขึ้นด้วยความเกรงกลัว มองเจ้าคุณอินทราด้วยแววตาอ้อนวอน ว่าโปรดให้อภัยลูกเลี้ยงด้วย

“ ไม่เป็นไรดอกลำจวน ข้าไม่ถือสาเจ้าดอก เพราะข้ารักเอ็นดูเจ้าเป็นที่สุด ”

ท่านเจ้าคุณกลับยิ้มละไมละมุน เอื้อมหยิบสมุดไทยนั้นมาจากมือนางทัด กล่าวไปอีกทาง

“ หากเจ้าต้องการ ข้ายกให้ “

ท่านยื่นบทละครทรงค่านั้นมาให้ลำจวน อย่างใจดีเต็มประดา

แม่ครู และพวกสาวๆอุทานกันอย่างผิดคาด

ลำจวนรู้สึกเหมือนสมุดไทยเล่มนั้นคือดาบที่แทงทะลุร่างเธอไปแล้ว เธอมองเจ้าคุณอย่างไม่อาจเคารพนับถือบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ได้อีกต่อไป นี่หรือ คือท่านเสนาบดีผู้ใหญ่ในแผ่นดินสยาม ผู้ปราบปรามเหล่าอาชญากรคนร้ายใจทมิฬทั้งปวงด้วยอาศัยกฏหมายอันศักดิ์สิทธิ์เที่ยงธรรม

นวลมองเจ้าคุณอย่างรู้ทัน เธอรู้ดีว่าลำจวนไม่มีทางขโมยของใคร

ขณะที่คุณหญิงเอ็นดูในไม้ตายสุดท้ายของสามีที่สอดคล้องกันดีกับนางทัดเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก

ส่วนคุณเอื้อย ก็ได้แต่ปลงอนิจจัง ว่าแม่สาวลำจวนผู้นี้ คงไม่มีทางหนีไปข้างไหนได้แน่นอน เช่นเดียวกับเธอที่คงไม่มีทางเลี่ยง ต้องยอมรับให้หญิงผู้อ่อนต่อโลกนี้เข้ามาร่วมเรือน เพื่อจะแย่งความเสน่หาของสามีไปจนได้ ในวันข้างหน้าอีกไม่นานนัก

นายสุ่นเข้าไปตรงหน้าท่านเจ้าคุณ พนมมือไหว้นอบน้อม

“ ท่านเจ้าคุณขอรับ กระผมกราบขอให้ยกเว้นโทษลำจวนด้วย กระผมผิดเอง ที่เลี้ยงมันมาอย่างลูกสาวคนสุดท้อง รักดังแก้วตาดวงใจ ตามใจทุกอย่าง ไม่ได้สั่งสอนกำราบมันดีพอ ลำจวนจึงออกจะมีความผาดแผลงวิปริตบ้าระห่ำไปมาก ไม่เหมือนพี่ๆ ขอประทานโทษนี้ให้เป็นของผมเองเถิดขอรับ ”

บัดนี้ ลำจวนได้รู้แล้วว่า ยามมนุษย์ผู้หนึ่ง สิ้นหวัง หมดศรัทธาในชีวิตนั้น เป็นฉันใด

เป็นเวลาดึกดื่นค่อนคืน ผ่านไปหลายชั่วยามแล้ว แต่ลำจวนก็ยังคงยืนกรานย้ำๆ

“ ฉันไม่ได้ขโมยของๆท่าน ฉันสาบานได้ ท่านต่างหาก ที่แตะต้องล่วงเกินฉัน ”

หญิงสาวหาได้ร้องไห้คร่ำครวญทว่ากล่าวซ้ำๆไม่เลิกรา หากแต่นายสุ่น กับนางนอบกลับยิ้มแย้มกันสบายใจ หาได้เดือดร้อนแต่อย่างใด

“ ท่านเมตตาเจ้ามากหนา ลำจวน ท่านเป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ มีอำนาจมาก เจ้าอย่าสร้างเรื่องร้อนใจให้พ่อแม่จนเกินเหตุไป ”

พ่อกล่อม

“ ท่านออกปากว่ารักเจ้า แม่ได้ยิน ทุกคนก็ได้ยิน ตอนท่านมาขอแม่นวล ท่านยังไม่เห็นจะพิศวาทลุ่มหลงถึงปานนี้ ”

นางนอบเสริม

“ แม่นวลอยู่กับท่าน..มีความสุขดีอยู่รือ คุณนาย ”

แม่จำปาหยั่งเสียง

“ มีซี ท่านให้ของแต่งตัวงาม เงินทอง บริวาร ก็มีพอสมหน้าสมตา ไม่ได้น้อยหน้าเมียน้อยทุกคน ฉันก็ได้มีหลานน่ารัก ได้เป็นแม่ยายเจ้าคุณนครบาล แม่จำปาก็เหมือนกัน ต่อไปนี้ จะค้าจะขาย จะขนส่งผ้าผ่อน ก็จักยิ่งราบรื่นสะดวกดาย ”

นางนอบกล่าวอย่างอิ่มเอมใจ

นายสุ่นหว่านล้อมซ้ำเข้าไปอีก

“ นี่ท่านก็รับพ่อนพเข้าทำราชการ พี่ชายเจ้าจะได้เป็นมือปราบกับเขา ไม่ต้องเกกมะเหรกลอยชายไปวันๆ ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เพราะเจ้านวลหนา เป็นเพราะเจ้าคนเดียว..ลำจวน  ท่านรักเจ้ากว่าใคร ถึงกับจะสอนหนังสือหนังหาให้ ท่านชอบหนังสือ แลเจ้าก็ชอบหนังสือ เจ้าเป็นหญิงที่มีเสน่ห์จับใจต่างจากเมียๆทั้งหลาย อีกหน่อยขี้คร้านจะได้ขึ้นแท่นเป็นคนโปรด บุญพาวาสนาส่งถึงเพียงนี้ เจ้ายังจะขืนดื้อด้านไปเพื่อสิ่งไร พ่อคิดไม่ออกเลย ”

มีแต่เรื่องราวดีๆล้วนๆจริงๆ ซึ่งลำจวนไม่รู้จะทำประการใดจึงหันไปหานางทิม หวังว่าจะมีพวกช่วยคัดค้านสักคน แต่ทิมกลับก้มหน้าหลบตา ไม่รับสัญญานอันใด

พวกทาสขนหีบผ้าไหมลงเรือในเช้ารุ่งขึ้นตามเคย แม่จำปาและนางทิมยืนรอลงเรือตามเคย

ลำจวนวิ่งตามมาพลางห่มผ้าสไบทับเสื้อเพื่อคลุมปิดอก ปากก็ร้องต่อว่า

“ แม่!..ทิม!..ไม่เรียกกันบ้างเลย ปล่อยให้ฉันนอนจนตะวันโด่ง ”

ทว่านางทิม กลับหันมาถามเสียงห่างเหิน

“ คุณจะไปไหน? ”

“ อ้าว ก็ไปขายผ้าด้วยกันอย่างไร ”

ลำจวนงง

“ เจ้าไม่ต้องไป ลำจวน ”

นางจำปาทำเสียงแข็ง

“  แม่กับทิมไปกันสองคนก็พอ เจ้าอยู่บ้าน ช่วยงานคุณนายแม่เถิด ไปๆๆ”

นางโบกมือไล่ ไม่ยอมสบตาลูกสาว เสหันไปดุนางทิมอย่างหงุดหงิด

“ ไป ทิม มัวแต่งุ่มง่ามมะงุมมะงาหราอยู่นั่น ”

คณะขายผ้าของนางจำปาพายเรือจากไปอย่างเร่งรีบ ทิ้งลำจวนให้ยืนเคว้งคว้าง

เมื่อเธอเดินหงอยๆ กลับขึ้นเรือนมา วงดนตรีของละครคณะนายโรงสุ่น ก็กำลังต่อเพลงใหม่กัน

เมื่อนั้น

ท่านท้าวสามนต์เป็นใหญ่

ตั้งแต่เงาะพาธิดาไป

ให้แค้นขัดฤทัยทุกเวลา

รจนาเจ้ากรรมมันทำชั่ว

มีผัวเงาะร้ายให้ขายหน้า

จำจะคิดอ่านด้วยมารยา

พาลฆ่าเสียให้ได้ไม่ไว้เลย

นายสุ่นหันมาเห็นลำจวนเดินคอตกจะกลับเรือนแม่ เขาก็นึกเวทนา

“ ลำจวน..ลูก..ลำจวน  มานี่มา ”

ลำจวนเดินมานั่งลงข้างๆพ่ออย่างว่าง่าย

บิดายิ้มใจดี ส่งฉิ่งในมือให้

“ ตีฉิ่งให้พ่อหน่อย ลุงมั่นคนฉิ่งไม่มาเสียอย่างนั้น ”

“ จ้ะๆ ”

หญิงสาวรับฉิ่งไปนั่งตีให้ ใจลอย ดวงตาเหม่อคิด สีหน้ากลัดกลุ้ม ทว่าก็สามารถตีฉิ่งให้จังหวะแก่วงลุงๆอาๆไปได้ไม่ผิด ตามสัญชาตญาณ

๏ คิดพลางทางสั่งเสนาใน

จงรีบไปบอกบรรดาลูกเขย

กูจะให้แต่งตั้งสังเวย

ตามเคยบวงสรวงเทวัญ

พรุ่งนี้หาปลามาคนละร้อย

ใครได้น้อยจะฆ่าให้อาสัญ

ทั้งอ้ายเงาะขี้ครอกจงบอกมัน

มิได้ปลามาทันจะบรรลัย

เป็นเวลาสาย ที่ฮุนและบรรดาศิษย์ผู้พี่ กำลังเลือกดูผลไม้จากเรือชาวสวนผลไม้ที่เทียบท่าหน้าวัดแจ้ง พอดีเรือของนางจำปาที่จะไปขายผ้าตามบ้านคน พายเลียบฝั่งผ่านไป

ฮุนหันไปเห็นแม่จำปากับนางทิม เขาดีใจจนลืมตัวลุกขึ้น แต่แล้ว ก็กลับยืนนิ่งงัน เพราะในเรือนั้น ไม่มีคนที่เขาคาดหวังว่าจะได้เห็นหน้า

ชายหนุ่มมองตามเรือแม่จำปาที่แล่นปะปนไปกับเรือแม่ค้าพ่อขายมากมาย ที่พากันชะลอชิดฝั่ง เตรียมเลี้ยวเข้าสู่คลองบางกอกใหญ่ เห็นหญิงทั้งสองยิ้มแย้ม ทักทาย พูดคุยกันกับชาวเรือชาวตลาดอย่างร่าเริงเป็นปกติ

แต่ฮุนรู้สึกผิดปกติ จนสุดจะทานทน

เช้าวันพระต่อมา เมื่อลำจวนเดินมาลงเรือที่แม่จำปาขนข้าวปลาจะไปทำบุญวัดทอง ก็ถูกแม่จำปาขวาง

“ ลำจวน ไม่ต้องไปดอก เรือเต็มแล้ว ”

“ แต่วันนี้..มีหลวงพี่เทศน์มิใช่รือ ฉันอยากไปฟังเทศน์ ”

หญิงสาวดื้อดึง

“ อยู่เฝ้าบ้านเถิด ลำจวน เดี๋ยวกลับมา แม่เขาก็มาเล่าเอง ว่าหลวงพี่เทศน์เรื่องอันใดบ้าง ”

นางนอบตามมา รั้งแขนลูกเลี้ยงไว้

“ อิฉันจะอธิษฐานเผื่อนะเจ้าคะ..คุณหนู ”

นางทิมอุตส่าห์ปลอบใจ

“ ไปวัดก็ไม่ได้รือ? ”

ลำจวนมองหน้าแม่ ทอดอาลัย

“ ไว้คราวหน้าค่อยไป ลำจวน เรือเต็มแล้ว ”

นางจำปาหันไป ด่าทาสด่าไพร่ตามเคย เร่งให้เรือรีบออกไปให้เร็วที่สุด

ลำจวนเดินย้อนกลับ ทว่าละห้อยละเหี่ยเกินกว่าจะขึ้นเรือน จึงเถลไถลเรื่อยเปื่อยเข้าไปในสวน เห็นทาสคุณนายนอบเก็บส้มโอกันอยู่วุ่นวาย ถัดเข้าไปที่ดงกล้วยไข่ ก็มีอีกสองสามคนที่กำลังช่วยกัน ลำเลียงกล้วยไข่แก่จัดสองสามเครือเดินสวนออกไป

หญิงสาวเดินเปะปะ เลาะไปตามท้องร่อง เอาไม้แหย่ปลาเข็ม ปลาเสือไปตามเรื่อง

กลางสวนลึก เงียบสงัด เสียงชาวสวนเก็บผลไม้เงียบหายไป เธอเหลียวซ้ายแลขวาพบว่าปลอดคน ดีแล้ว ลำจวนตัดสินใจวิ่งกระโดดข้ามท้องร่องสวเล่น ครั้นมองกลับมาก็ไม่มีผู้ใดผ่านมาเจอ พลันหญิงสาววิ่งตื๋อสุดฝีเท้ามุ่งไปท้ายสวนที่มีพื้นที่ต่อเนื่องไปถึงสวนหลังวัดทอง

ทันใด ลำจวนก็ตกใจเกือบสิ้นสติ รั้งเท้ากะทันหันจนแทบล้มคะมำลงไป

เนตรนั่นเอง ที่ปรากฏกายขึ้นดังผีหลอก ก้าวมาขวางทางที่สะพานต้นมะพร้าวข้ามคูกว้าง

“ พี่เนตร! ”

ลำจวนเกาะเถาฟักข้าวไว้ ไม่ให้ถลำล้มลงไป หอบหายใจแรง

“ จะไปไหน? ”

เนตรยิ้มหัว ขบขัน

“ พี่เนตรมาตั้งแต่เมื่อใด? ”

ลำจวนไม่อยากจะเชื่อสายตา

“ อยากมาเมื่อใดก็มา มาเยี่ยมพ่อเยี่ยมแม่ เยี่ยมน้องๆ แล้วเหตุใดเจ้าทำลับๆล่อๆเผ่นโผนโจนทะยาน จะหนีไปไหน? ”

“ มิได้ จะไปหามะเฟืองกินสักหน่อย ตรงโน้น ”

หญิงสาวโกหก ชี้ไปส่งเดช

“ มีมะเฟืองแถวนั้นรึ อือ พี่อยากกินเช่นกัน ไป ไปเก็บด้วยกัน ”

ลูกชายคนโตของนางนอบยิ้มกันเอง ราวกับสนิทสนมกับน้องสาวคนนี้เหลือเกิน

เวลาเดียวกันนั้น นางจำปาแวะเข้าไปกราบพระประธานพระอุโบสถวัดทอง

ทิมปักธูปหน้าพระศาสดา หลังจากอธิษฐานแทนลำจวน ดังที่สัญญาไว้

มีชาวบ้านหลายคน ยืนดูภาพผนัง มีคนโต้แย้งกัน ว่าใครชอบภาพมโหสถ ใครชอบภาพเนมิราชมากกว่า

ที่หลังองค์พระ ฮุนยืนมองแม่จำปาและนางทิม ต้องการเหลือเกิน ที่จะเข้าไปถามคำถามที่เขาข้องใจนัก

แต่จนแล้วจนรอด ฮุนก็ไม่สบโอกาส  เขาเปลี่ยนใจ เดินลึกเข้าไปในสวนหลังวัด ข้ามสะพานที่ทำจากต้นมะพร้าวพาดข้ามคู เดินลดเลี้ยวเข้าเขตสวนผลไม้หลายขนัด จนมีเสียงเพลงจากวงพิณพาทย์บ้านนายสุ่นแว่วมา

ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร    ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน

มีท้องร่องสวนขวางอยู่ตรงหน้า ฮุนถอยหลัง กระโดดข้ามไป

เสียงระนาดดังขึ้นเมื่อใกล้เข้าไป

แม้เกิดในใต้หล้าสุธาธาร    ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา

บนเรือน  นายสุ่นกำลังบอกเนื้อเพลงให้ลุงนักร้องประจำวงร้องตามด้วยน้ำเสียงหวานวิเวก

ไม่มีผู้ใดมองเห็น ว่าตรงช่องว่างหว่างยกพื้นเรือน มีดวงตาคู่เรียวรี ใต้เฉียงคิ้ว ของชายหนุ่มผมเปียโผล่ลอดมาสอดส่ายมอง

แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ  พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา

สิ่งที่ฮุนเห็น มีเพียงแต่คนละครผู้ชาย หามีตัวลำจวนไม่

แม้เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา เชยผกาโกสุมปทุมทอง

เจ้าเป็นถ้ำอำไพขอให้พี่  เป็นราชสีห์สิงสู่เป็นคู่สอง

ฮุนถอย  หันกลับ มีแต่ความเศร้า ข้องใจ ผิดหวังใหญ่หลวง

จะติดตามทรามสงวนนวลละออง          เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป

 



Don`t copy text!