บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 29 : บนแพคุณพุ่ม

โดย : ปราณประมูล

Loading

บุษบาลุยไฟ โดย ปราณประมูล เรื่องราวของ ลำจวน หญิงสาวผู้ต่อสู้กับค่านิยมทางสังคมในยุค ร.3 เธอลุกขึ้นทำสิ่งที่คนในห่วงเวลานั้นไม่ทำกัน หนทางจึงไม่ได้ราบรื่น หากเต็มไปด้วยอุปสรรคและถ้าไม่ใช่เพราะแรงรักแรงใจที่หนุ่มจีนคนนั้น คงยากที่บุษบาดอกนี้จะไปสู่จุดหมาย ‘บุษบาลุยไฟ’ นวนิยายเรื่องเยี่ยมที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์

ลำจวนก้าวเข้ามาในเรือนแพด้วยขาที่ชาจนแข็ง กอดห่อผ้าติดตัวแน่น  ตัวสั่นดิกๆ ด้วยความหนาว เหลียวหลังหวาดระแวง

“ ปิดประตูเจ้าค่ะ ปิดประตู ”

แม่เต็มรีบผวาเข้าไปลั่นดาลคล้ายบ้าจี้เล็กน้อย

“ เจ้าหวาดกลัวอันใด? ”

คุณพุ่มจับสังเกต

“ หรือหลบหนีผู้ใดมา ”

ลำจวนหมดแรง ทรุดลงนั่ง ห่อผ้าหล่นลงกระแทกพื้นดังเป็นเสียงตุ้บ หนักๆ

แม่เต็ม และคุณพุ่ม มองที่ห่อผ้าปุ๊บ

“ นั่นสิ่งของอันใด? ”

แม่เต็มรีบพุ่งเข้าไปแก้ปมอันผูกไว้อย่างแน่นหนานั้นออก

ในห่อผ้านั้น คือเครื่องทอง เครื่องเพชร ของแต่งตัวอันราคาค่างวดมิใช่น้อย

สองสตรีนายบ่าว หันมามองลำจวนทันที

“  รือว่า..เจ้าลักทรัพย์เขามา เป็นโจรเป็นขโมยรือ ”

“ มิได้เจ้าค่ะ ”

ดวงตาของหญิงสาวมองทั้งสองไปมา หวั่นไหว หวาดกลัว ตัวของเธอสั่นสะท้าน ตัดสินใจบอกความจริงทั้งสิ้น

“ ฉันหนีพิธีแต่งงานมาเจ้าค่ะ ”

 

ดึกสงัด ที่ท่าน้ำเรือนนายสุ่น ในแสงไต้ ทาสที่รับใช้ใกล้ชิดลำจวนเสมอนั่งกันเจ่าจุก บ้างชะเง้อมองไปในท้องน้ำ บ้างสุมไฟไล่ยุงที่ลานริมคลองอย่างเศร้าหมอง บางคนนั่งร้องไห้

บนชานเรือนที่ใช้ซ้อมละครเป็นนิจ  เหล่าชายชาวคณะละครจับกลุ่มกินหมาก ดื่มชา ซุบซิบ บ้างเศร้า บ้างโกรธแค้น

ในแสงตะเกียงจ้า ห้องของสองแม่ลูกที่เรือนเล็ก แม่จำปานอนซมกับที่นอน มือลูบคลำสไบที่ลูกห่มไปเมื่อเช้าที่เปื้อนมอมแมมไว้กับอก ดวงตาที่ลอยเคว้งมองเพดานมีน้ำตาไหลไม่หยุด

“ กลับมาแต่สไบ..แต่ตัวลูกไม่กลับมาแล้ว ”

นางทิมนั่งบีบนวดเท้าให้จำปาตลอดเวลา ก้มหน้าขบฟันทน

“ แม่จำปา..เป็นอย่างไรบ้าง

คุณนายนอบเปิดเข้ามาถามไถ่

ทว่านางจำปาไม่แม้แต่จะปรายตามอง

“ เหมือนเดิมเจ้าค่ะ ”

นางทิมจำต้องตอบอย่างเสียไม่ได้

คุณนายนอบนั่งลงข้างที่นอน ลูบแขนจำปาไปมา

“ แม่จำปาเสียใจเท่าใด ฉันก็เสียใจเท่านั้น ”

นพ เนตร และน้อย  มาโผล่หน้า ยืนออกันอยู่หน้าห้อง

นพกล่าว ในฐานะลูกน้องเจ้าคุณอินทราเต็มตัว

“ ท่านเจ้าคุณท่านฝากมาบอกว่า คุณพ่อคุณแม่มีอะไรให้ท่านช่วย ให้บอกท่านทันที ”

คำว่า ‘ ท่านเจ้าคุณ ’ กลับมีผลให้แม่จำปาหันขวับ เสียงขุ่น

“ จะมีอะไรให้ท่านช่วยรือ ไม่มีดอก ”

นพถึงกับหน้าม้านไป

แต่เนตรก็ยังคงเป็นเนตรวันยังค่ำ

“ อุตส่าห์เลี้ยงมาจนเติบใหญ่  แทนที่จะทดแทนบุญคุณ กลับตัดช่องน้อยแต่พอตัว ไม่นึกถึงหัวอกพ่อแม่ ”

เขาทำเสียงดังข่มแม่เลี้ยง

“ พี่เนตร ”

หม่อมน้อยปรามๆ หากพี่ชายคนโตสะบัดหน้า

หม่อมจึงเข้าไปทรุดลงนั่งข้างๆ แตะตัวแม่จำปาด้วยความเห็นใจ พยายามที่จะให้ความหวัง

“ ป่านนี้อาจจะมีผู้ใดช่วยไว้ รอไปสองสามวันก็มีคนพากลับมา ”

“ ฉันจะสวดมนตร์ภาวนาขอให้ให้เป็นจริงเช่นนั้นค่ะ คุณน้อย ”

แม่จำปายอมรับความเมตตานั้น

นายสุ่นเดินเข้ามา หน้าตาหงุดหงิด

“ หยุดโศกเศร้ากำสรวลกันเสียที นางลำจวนมันไม่ตายดอก ฉันไม่เชื่อว่ามันจมน้ำตาย มันหลอกให้ทุกคนตกใจ แกล้งให้พ่อแม่เศร้าโศกเสียใจ อีกไม่นานก็ต้องพบตัว หรือไม่ มันก็หมดฤทธิ์กลับมา คอยดู พ่อจะเฆี่ยนเสียให้หลังขาดทีเดียว ”

ไม่แน่ว่านายสุ่นเชื่อเช่นนั้นจริง หรือใจอยากจะให้เป็นเช่นนั้นมากกว่าอย่างอื่น

 

คุณพุ่มผลักห่อผ้าที่เต็มไปด้วยเครื่องเพชร เครื่องทองวางแผ่ตรงหน้า คืนมาอย่างรังเกียจ สีหน้าเคืองจัด

“ ในหลวงท่านทรงยุบละครผู้หญิงข้างใน อนุญาตให้บรรดานางละครของพระบิดากลับบ้านกลับวัง ไปอยู่กับญาติพี่น้องลูกเต้า ทว่าเมื่อทรงปล่อยให้เหล่าวังเล็กวังน้อยแลบรรดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่มีคณะละครแล-วงมโหรีผู้หญิงกันได้ ลางท่านก็ชอบนักที่จะทำสิ่งที่ทรงเกลียด รับสั่งกี่ครั้งแล้วว่าอย่าให้มีการฉุดคร่า พรากดรุณีวัยกำดัดจากอกพ่อแม่ รือแม้แต่พ่อแม่เองที่ชอบขายลูกสาวให้ไปหัดละครเพื่อเป็นนางเล็กๆในบ้านท่านๆเธอๆ  ท่านก็ไม่ทรงโปรดให้เกิดขึ้น ”

หน้าลำจวนในแสงตะเกียงซีดเผือด ห่อตัวเอง รวบชายผ้าคลุมที่แม่เต็มเอามาให้ทบกันแน่น เพราะความหนาว

คุณพุ่มสะกิดใจ  ลดอารมณ์โกรธลง

“ ข้าไม่ได้ว่านายโรงสุ่นพ่อเจ้าดอกหนา ข้าพูดถึงเรื่องทั่วๆไป ”

“ เจ้าค่ะ ”

ลำจวนรับคำเศร้าๆ

“ สินสอดทองหมั้นนี้ก็เป็นค่าตัวเจ้าที่เจ้าคุณนครบาลมอบมา หากเจ้าจมน้ำตายไปเสียแต่แรกใครเก็บศพเจ้าได้ก็คงยากที่จะมอบคืน เช่นนั้น เจ้าจงเก็บไว้เสียเอง เป็นทุนเลี้ยงชีพเจ้าในภายภาคหน้า  ท่านเจ้าคุณบังคับใจเจ้า ก็สมแล้ว ที่ต้องจ่ายค่าชีวิตเจ้า หากเจ้าจักไปอยู่กรุงเก่า หาทางค้าขายสร้างฐานะสร้างชีวิตใหม่  ข้าก็พอจะฝากฝังคนเก่าคนแก่ไปได้ ”

ลำจวนร้อนใจ คลานไปกราบลงแทบเท้าคุณพุ่ม

“  ฉันขออยู่ด้วยคุณพุ่ม มิได้รือเจ้าขา ฉันไม่ขอไปที่ใดทั้งนั้น ”

คุณพุ่มคิดหนัก

“ อยู่กับข้าที่นี่  มิใช่ว่าปลอดภัย เพียงพวกพี่ชายเจ้าข้ามฟากมาก็จักหาตัวเจ้าพบ หรือหากท่านเจ้าคุณนครบาลมาเข้าเฝ้า ก็ต้องมาขึ้นเรือที่ท่าขุนนางตรงนี้นี่เอง หากเจ้าเดินไปตลาดท้ายสนม ตลาดท้องน้ำ คงต้องปะหน้ากันสักวัน ”

ตลาดท้องน้ำ หมายถึงตลาดท่าเตียน

ลำจวนพนมมือ สัญญา

“ อิฉันจะซ่อนตัวอยู่เพียงในแพ ที่ก้นครัว ไม่โผล่หน้าออกไปให้ผู้ใดเห็นเลยเจ้าค่ะ จักทำตัวเสมือนทาสรับใช้ แต่งเครื่องนุ่งห่มเยี่ยงนางทาสี มอมหน้ามอมตา ไม่ให้มีผู้ใดสนใจเลย ”

นางเต็มที่ฟังอยู่อย่างเคร่งขรึม ส่ายหัว

“  ไปอยู่เสียยังกรุงเก่านั้นแหล เจ้าเคยช่วยแม่ขายผ้ามิใช่รือ ขี้คร้านจักตั้งเนื้อตั้งตัวได้ในไม่ช้า ”

ลำจวนชี้แจงละล่ำละลัก

“ ฉันไม่ปรารถนาค้าขายเจ้าค่ะ ฉันอยากเรียนอ่านเขียนให้เก่ง เขียนตัวหนังสือลายมืองามๆ รับจ้างคัดนิยายนิทานนิราศคำกลอนตำรับตำรา แลหัดแต่งกลอนสักรวา อิฉันมองเห็นแต่คุณพุ่ม แพท่าพระ..บุษบาท่าเรือจ้างเท่านั้น ที่จักช่วยได้ ”

“ คุณพุ่ม! แพท่าพระ! ..บุษบาท่าเรือจ้าง ”

สตรีผู้เป็นเจ้าของสมญาอันโด่งดังหัวเราะ มองลำจวนอย่างสมเพช หน่ายยิ่งกับการถูกซุบซิบลับหลัง

“ เดี๋ยวๆๆ เจ้าคิดเห็นเช่นนี้ เพราะไปยินเสียงร่ำลืออันใดมาอีก..”

“ คุณเจ้าขา..คุณเป็นสตรีผู้เดียวที่ได้ว่าสักรวาหน้าพระที่นั่ง ประชันกับเจ้าฟ้า เจ้านายใหญ่น้อย ขุนนางบุรุษ แลว่าสักรวาประชันกับนักกลอนชั้นเลิศ อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำผู้ใดเลย ”

แม่เต็มทำหน้าไม่เชื่อถือ

“ ไปจำเรื่องราวที่ผู้ใดบอกเล่า ทำมาแอบอ้างราวกับเห็นด้วยตาตน ”

“ ฉันเห็นด้วยตาตนเองจริงๆ!! ”

ลำจวนว่ากลอนออกมาทันที เสียงดังฟังชัด เห็นได้ว่าแจ่มกระจ่างจ้าอยู่ในใจเสมอมา

สักรวาบุษบาโฉมยง สมประสงค์ทรงรับดอกปะหนัน
   ปลิดกลีบข้างนอกออกหลายอัน ถึงข้างชั้นในเห็นเปนสารา
จึงทรงอ่านอักษรกลอนเพลงยาว ว่ากล่าวจ้วงจาบหยาบนักหนา
ให้คั่งแค้นเคืองขัดอัธยาฉีกบุหงายุ่งยิ่งทิ้งเสีย เอย ฯ

 

คุณพุ่มมองหญิงแปลกหน้าอย่างเหลือเชื่อ

“ อุแหม..”

นางเต็มถึงครางฮือ

“ จดจำขึ้นใจถึงเพียงนี้เทียว ”

“ ตั้งแต่ที่งานฉลองวัดราชโอรส ..ครานั้น ฉันเฝ้าแต่ปรารถนา อยากจะเป็นเช่นคุณพุ่มเจ้าค่ะ ”

คุณพุ่มถึงกับยกถ้วยชาร้อนจัดขึ้นจิบถี่ๆ อย่างคอแห้งผากกะทันหัน

 

ค่อนคืนแล้ว แสงไฟในแพลอดหน้าต่างและช่องซี่ประตูบานเฟี้ยมออกมาเริ่มราโรยสลัวเลือน

ลำจวนที่อาบน้ำเปลี่ยนเป็นผ้าแถบและโจงกระเบนใหม่จากผ้าเก่าของคุณพุ่ม มีผ้าคลุมไหล่ผืนอุ่น กำลังช่วยกับนางเต็ม ปูที่นอน กางมุ้ง ที่มุมนึงของห้องกลางนั้น

คุณพุ่มนั่งใช้สีผึ้งทาปาก บนผืนพรมบนยกพื้น มองตามหน่วยก้าน ความกระตือรือร้นคล่องแคล่ว ไม่อืดอาดของลำจวน อย่างพิจารณา

“ ไหนลองว่าสักรวาให้ฟังหน่อย ”

ลำจวนสะดุ้ง

“ เจ้าคะ? ”

“ ว่าสักรวาให้ฟังหน่อย อยากเป็นนักเลงกลอนมิใช่รือ ”

นางเต็มเย้ย

“ นั่นซี.. ว่ากระไร มีปัญญาหรือไม่เล่า ออเจ้า ”

ลำจวนถูกหยาม สูดลมหายใจลึก ตั้งสติ คิดอย่างรวดเร็ว

“ สักรวาบุษบาจอมขวัญ.. ”

คุณพุ่มเลิกคิ้ว

“ ตุนาหงันอิเหนาหนี..ไปมีอื่น ”

มือก็ช่วยนางเต็มปูที่นอนพลาง สมองก็ทำงานหนักพลาง

“ จนเห็นโฉมงามนวลจึงหวนคืน     มาชิงชื่นฉุดคร่าพาไปชม ”

นางเต็มโบกมือไล่ให้วางมือ ไปนั่งว่ากลอนดีๆ

ลำจวนพยักหน้า แล้วมาคุกเข่าลงหน้าคุณพุ่ม ค่อยๆว่าต่ออย่างตั้งใจ

“ เทวดาลงโทษพิโรธนัก     กลั่นแกล้งหนัก..ให้ฟันฝ่ากว่าจะสม ”

หญิงสาวหยุดคิดบทปิดที่ต้องหักมุมให้เหนือความคาดคิด ทำอีกฝ่ายจนแต้มด้วยความเจ็บแสบ และต้องได้เสียงฮือฮาจากผู้ชม

“ ได้วิวาห์พรั่งพร้อมน้อมอารมณ์ ”

ลำจวน-ตบวรรคจบ ด้วยสีหน้าเรียบๆ หยันๆ เน้นเสียงอย่างสะใจ

“ ..กับสนมเมียน้อยอีกร้อยเอย ”

คุณพุ่ม และนางเต็ม มองหน้ากัน ต่างนิ่งงันไปครู่

ลำจวนมอง ใจตุ๊มๆต้อมๆเป็นเสียงรำมะนา  เกรงว่าตนทำอะไรพลาดไปหรือไม่ ทว่าสุดท้าย คุณพุ่มกลับหัวเราะออกมากิ๊ก  ส่วนเต็มก็ฮาออกมา จนต้องลงไปนั่งพื้น

“ คิดอย่างไร จึงเล่าเรื่องอิเหนาเช่นนี้ !  ”

คุณพุ่มเอาผ้าเช็ดน้ำหมากมาปิดปาก

“ นี่คิดขึ้นสดๆรือเคยแต่งไว้ก่อน ”

“ สดเจ้าค่ะ ”

ลำจวนอุทธรณ์เสียงดัง

คุณพุ่มมองหญิงสาวอย่างพินิจ

“ นายสุ่นเป็นนายโรงละครนอก แต่แอบหัดเรื่องอิเหนาด้วยรือ ”

ลำจวนระแวงระวัง กลัวความผิดไปถึงพ่อ

“ เพียงหัดรำให้ลูกๆค่ะ ฉันไม่เคยรำได้งามให้พ่อพอใจได้เลย ท่ารำของละครอิเหนางามละเอียดละออ นิ่มนวล อ่อนหวานนัก เป็นอย่างชั้นสูง..ยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน ”

คุณพุ่มส่ายหน้าเบาๆ

“ แผ่นดินก่อน คนทั่วไปหาได้ร้องรำเรื่องอิเหนากันได้ไม่ ใครบังอาจก็คงต้องถึงโดนอาญาแผ่นดิน ”

“ พี่สาวฉันหัดรำ..เพื่อไปฝากตัวกับเจ้านายที่มีคณะละครผู้หญิงเจ้าค่ะ  พ่อกราบเชิญแม่ครู ที่เคยรำในวังมาหัดให้พี่ๆฉันรำ ฉันเพียงแต่ท่องจำบทละครได้หลายตอน เฉพาะท่อนที่ใช้รำกันเสมอๆ ”

“ นายสุ่นเป็นผู้สอนเจ้าแต่งกลอนสักรวาหรือไม่? ”

“ ไม่มีผู้ใดสอนดอกค่ะ ..ผิดหรือเจ้าคะ? ”

ลำจวนมีแต่ความหวั่นหวาดไปเสียทุกสิ่ง

คุณพุ่มสงสารจนหัวเราะ มองหน้าหญิงสาวที่แตกตื่น อย่างเอ็นดูและกรุณาเสียนัก

“ ข้าตกลง..รับเจ้าเป็นศิษย์ ”

ลำจวนผวาเข้าไปกราบเท้าสตรีผู้เป็นที่รักชื่นชมเสมอมา ทว่าห่างไกลจนเหมือนไม่อาจจะเอื้อมถึงได้

“ โอ๊ย..จริงรือเข้าคะ ”

คุณพุ่มยิ้มรับ

เธอรำพึงเบา คล้ายพูดกับตัวเอง

“ อิเหนาเป็นเรื่องประโลมใจเหล่าผู้คนในรั้วในวังให้หลงใหลเคลิบเคลิ้ม ผู้ใดเกิดมาเป็นบุรุษมีทรัพย์แลอำนาจวาสนา รูปโฉมโนมพรรณงาม แลเก่งกาจสามารถ ..ทำตามใจตนทุกอย่างเช่นอิเหนาได้โดยไม่มีข้อตำหนิ ส่วนสตรี ก็จำต้องก้มหมอบราบคาบแก้วยอมจำนนแต่โดยดี  หาไม่มีผู้ใด กล้าคิดเหนือไปจากธรรมเนียมนี้เลย ”

ไม่แน่ ว่าเธอหมายถึงอิเหนา ในบทละคร หรือ  ’ อิเหนา ’ องค์ที่ทำให้เธอต้องกลายเป็น ‘ บุษบาท่าเรือจ้าง ’ มาตราบจนบัดนี้

นางเต็มมองคุณพุ่ม แววตาบูชา

“ เว้นคุณพุ่มเสียคนหนึ่ง ”

ทว่าคุณพุ่มกลับหัวเราะ และมองมาที่หญิงสาวผู้มาใหม่

“ แลเจ้าลำจวนผู้นี้ ก็เห็นจะเป็นอีกคน ”

ลำจวนตื้นตัน จนไม่อาจกลั้นน้ำตา ที่หลั่งออกมาอีกครา

 



Don`t copy text!