บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 2 : หลวงพี่บุญลือ

โดย : ปราณประมูล

Loading

บุษบาลุยไฟ โดย ปราณประมูล เรื่องราวของ ลำจวน หญิงสาวผู้ต่อสู้กับค่านิยมทางสังคมในยุค ร.3 เธอลุกขึ้นทำสิ่งที่คนในห่วงเวลานั้นไม่ทำกัน หนทางจึงไม่ได้ราบรื่น หากเต็มไปด้วยอุปสรรคและถ้าไม่ใช่เพราะแรงรักแรงใจที่หนุ่มจีนคนนั้น คงยากที่บุษบาดอกนี้จะไปสู่จุดหมาย ‘บุษบาลุยไฟ’ นวนิยายเรื่องเยี่ยมที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์

ในศาลาการเปรียญยามบ่ายแก่ของวัดทอง ริมคลองบางกอกน้อย มีอุบาสกอุบาสิกานั่งฟังเทศน์มหาชาติ ในงานบุญเดือน 4 แน่นเต็ม

ลำจวนคลานตามแม่พลางเหลียวซ้ายแลขวา ชมเครื่องตกแต่งสถานที่ให้เป็นฉากป่า ทำจากกิ่งไม้ ทางมะพร้าว ต้นกล้วย แขวนรูปสัตว์ ทำจากกระดาษสากรุโครงไผ่ ทำเป็นรูปช้าง เสือ กวาง นก ทาสีผสมน้ำแบบง่ายๆ ให้สีเป็นแดง เขียว เหลือง ฟ้า ดูมีชีวิตชีวาน่าตื่นใจ

บนธรรมาสน์ไม้แข็งแรงแกะสลักเป็นลายกนกอ่อนช้อย ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางศาลา ดุจบัลลังก์ของพระราชา พระบุญลือ หลวงพี่ของลำจวน กำลังแหล่เทศนากัณฑ์มัทรีอยู่ ในมือคือคัมภีร์ใบลานหนึ่งผูก คัดจารไว้ด้วยหมึกดำ เป็นตัวหนังสือลายมือสวยงามเรียงรายเป็นแถวแนวดูโบราณ เข้ม ขลัง ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง

พระบุญลือ หรือหลวงพี่บุญลือของลำจวน ได้เทศน์กัณฑ์มัทรี ซึ่งเป็นกัณฑ์ที่ 9 จากทั้งหมด 13 กัณฑ์ที่ลำดับเรื่องราวจากต้นจนจบของมหาเวสสันดรชาดก ชาติสุดท้ายซึ่งเป็นชาติสำคัญที่สุด เพราะปรากฏบารมีของพระโพธิสัตว์ครบถ้วนบริบูรณ์ทั้งสิบประการก่อนจะมาเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะซึ่งต่อมาได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

พระนักเทศน์ชื่อดังหลายรูปจากวัดต่างๆ รับนิมนต์มาขึ้นเทศน์กัณฑ์ที่ตนถนัด เรียงลำดับกันไป ให้จบทั้งหมดต่อเนื่องกันไปทั้งวันและจบครบเรื่องภายในวันเดียว จึงเรียกว่าเทศน์มหาชาติ

…ทั้งแปดทิศก็มืดมิดมัวมนทุกหนแห่ง ทั้งขอบฟ้าก็ดาษแดงเป็นสายเลือด ไม่เว้นวายหายเหือดเป็นลางร้ายไปรอบข้าง  พระนัยนเนตรก็พร่างๆ อยู่พรายพร้อย ในจิตใจของแม่ยังน้อยอยู่นิดเดียว ทั้งอินทรีย์ก็เสียวๆ สั่นระรัวริก แสรกคานบันดาลพลิกพลัดลงจากพระอังสา…

เสียงขับร่ายยาวของหลวงพี่สดใส หวานคม ทอดลีลาหนักเบา สั้นยาว สูงต่ำ ทอดระทวย รุ่มรวยลูกคอ ตามทำนองเพลงโอดครวญหวนไห้โศกรันทด ทรงพลังและส่งความรู้สึกออกไปสู่ญาติโยม ทำให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจ จนผู้เฒ่าผู้แก่พากันสงสารพระนางมัทรีจนน้ำตาไหล น้ำหมากปริ่มไปตามๆ กัน

ทั้งขอน้อยในหัตถาที่เคยถือ ก็เลื่อนหลุดลงจากมือไม่เคยเป็นเห็นอนาถ เอ๊ะประหลาด–หลากแล้วไม่เคยเลย โอ้อกเอ๋ยมหัศจรรย์จริง ยิ่งคิดก็ยิ่งกริ่งๆ กรอมพระทัย เป็นทุกข์ถึงพระลูกรักทั้งสองคน เดินพลางนางก็รีบเก็บผลาผลแต่ตามได้ ใส่กระเช้าสาวพระบาทบทจรดุ่มเดินมาโดยด่วน

พอถึงช่วงที่ตื่นเต้น เร้าใจ หลวงพี่ก็ทำให้คนฟังแทบลืมหายใจ

พอประจวบจวนพญาพาฬมฤคราช สะดุ้งพระทัยไหวหวาดวะหวีดวิ่งวนแวะเข้าข้างทาง พระทรวงนางสั่นระรัวริกเต้นดั่งตีปลา ทรงพระกันแสงโศกาไห้พิไรร่ำว่ากรรมเอ๋ยกรรม กรรมของมัทรี โอเวลาปานฉะนี้พระลูกน้อยจะคอยหา อนึ่งมรคาก็ช่องแคบหว่างคีรี เป็นตรอกน้อยรอยวิถีที่เฉพาะจร ทั้งสามสัตว์ก็มาเนื่องนอนสกัดหน้า ครั้นจะลีลาหลีกลัดตัดเอาไปทางใดก็เหลือเดิน ทั้งสองข้างเป็นโขดเขินขอบคันข้นกั้นไว้ (1)

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโยมแม่จำปาจะไม่เคลิ้มคล้อย น้ำตาหยดน้ำตาย้อยไปกับฝีปากของพระลูกชาย ยิ่งนางทิม ยิ่งไม่วายสะอึกสะอื้นตื้นตันเกินหน้านายไปเสียอีก ส่วนลำจวนเองมีแต่ความสนุกตื่นเต้น มองเห็นภาพตามจินตนาการอันบรรเจิด

 

หลวงพี่บุญลือเป็นพระหนุ่ม อายุยังไม่ถึงเบญจเพส หากอากัปกิริยาสงบ สำรวม ก้มหน้าไม่สบตาใคร รูปหน้ายาวเรียวและศีรษะกลมสวย กับผิวพรรณอันขาวผุดผ่องมีสง่าราศีเปล่งรัศมีเจิดจ้าเมื่อสีผ้าเหลืองใหม่ส้มแสดสว่างร้อนแรงช่วยขับทำให้หลวงพี่มีรูปโฉมโดดเด่นแปลกแตกต่าง

ตั้งแต่ลำจวนจำความได้ เด็กหญิงไม่เคยเห็นท่านในสภาพเด็กผู้ชายธรรมดาเลย เห็นแต่ท่านเป็นเณรน้อยมาตลอด ท่านเพิ่งบวชพระเต็มตัวเมื่ออายุยี่สิบคือเมื่อ 4 ปีก่อน ตอนลำจวนเพิ่งสี่ขวบ

นอกจากฝีปากการเทศน์อันไพเราะ พระบุญลือยังเก่งรอบด้าน เป็นกำลังหลักในการทำกิจมากมายในวัดทองแห่งนี้ และมีเมตตาบารมีที่ทำให้ญาติโยมศรัทธานับถือ หลั่งไหลกันมาอุปถัมภ์ อุปปัฏฐากมากมาย นับเป็นพระหนุ่มวัยอ่อนที่มีอนาคตเจิดจ้า เป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้เฒ่าผู้แก่ ว่าจะมีพระดีเป็นกำลังสำคัญช่วยสืบพระพุทธศาสนาไปอีกนานแสนนาน

 

ตอนนั้นลำจวนไม่รู้ว่าทำไมนายสุ่น คุณนายนอบ และครอบครัว จึงไม่ค่อยมาทำบุญกันที่วัดทองทั้งๆ ที่ใกล้บ้านที่สุด แต่กลับไปทำกิจเกี่ยวแก่ศาสนาต่างๆ ทางวัดศรีสุดารามมากกว่า

ความจริงแล้ว นอกจากบรรพบุรุษของคุณนายนอบจะเป็นญาติกับสมภารวัดนั้นแล้ว ตัวของพระบุญลือก็คือประเด็น

ด้วยแม่จำปา เป็นชาวลาวที่ถูกต้อนเข้ามาตั้งแต่สมัยแผ่นดินธนบุรี ตั้งบ้านเรือนกันอยู่ละแวกบางยี่ขัน ที่ตกพุ่มหม้ายตั้งแต่ยังสาว มีบุญลือเป็นลูกติด

พ่อของบุญลือ เป็นนายฮ้อยคุมกองเกวียน ทั้งต้อนควายมาขาย และนำสินค้าอื่นๆ จากนครพนม ศรีโคตรบองบ้านเกิด เข้ามายังพระนคร ส่วนหนึ่งคือผ้าไหมที่นำมาส่งให้ครอบครัวของนางจำปา จึงได้ผูกสมัครรักกัน แต่แล้วพ่อก็ตายด้วยไข้ป่าจากดงพญาไฟนั้นเอง ทิ้งให้นางจำปาเลี้ยงลูกชายคนเดียวมาได้ 3-4 ปี

เมื่อจำปามาหลงนายโรงสุ่น พระเอกละคร และตกเป็นเมียน้อย ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนคุณนายนอบ เวลานั้น นายโรงสุ่นมีลูกชายวัยโตกว่าบุญลือเล็กน้อยอยู่ 2 คน บุญลือจึงถูกรุมรังแก และแม่จำปาก็หาทางออกโดยนำเด็กน้อยมาบวชเป็นเณร

ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าสามเณรบุญลือไม่รักนายสุ่นและครอบครัว เช่นเดียวกับ

นายสุ่นและครอบครัว ก็ไม่รักบุตรคนโตของจำปา

ทว่านางจำปาก็แยกตัวมาเป็นโยมประจำวัดทองโดยเอกเทศ ลำจวนนั้นเห็นว่าพระบุญลือเป็นหลวงพี่ที่น่ารักเคารพยิ่งนัก และยิ่งเวลาผ่าน พระบุญลือเจริญเติบโตมาเป็นพระภิกษุคนสำคัญของวัดทอง บารมีของท่านจึงก่อให้เกิดการแข่งขันประชันบุญวาสนากับลูกชายฝ่ายนั้นอยู่ในที

แต่เล็กแต่น้อย ลำจวนตามแม่เข้ามาวิ่งเล่นในวัดทอง และเฝ้ามองพี่ชายได้อ่านเขียนได้เรียนเรื่องราวที่น่าสนุกทุกอย่าง

ลำจวนเข้าใจ ว่าเด็กหญิงจะเข้าใกล้ผู้ชายที่ครองผ้าเหลืองไม่ได้ คนธรรมดาต้องเคารพยกย่องนับถือคนที่เป็นพระ แต่เธอก็จะเสียใจเสมอ ที่ถูกไล่ ไม่ให้มาอ่านกับพี่ เขียนกับพี่ ไม่ให้เข้าไปจับต้องสิ่งที่พี่จับต้อง ไม่ให้เข้าไปช่วย เวลาพี่ทำของเล่นใดๆ

และบัดนี้ เมื่อพี่ชายได้ถือผูกคัมภีร์ใบลานบทร่ายยาวมหาชาติขึ้นไปเทศนาอย่างเก่งกาจ จนผู้คน รวมทั้งแม่ ก็ยังซาบซึ้งตรึงใจ

ขณะที่ลำจวนซึ่งเกิดมาเป็นผู้หญิง คงไม่อาจบวชเป็นพระ และร่ำเรียนศิลปวิทยาต่างๆ จนเก่งกาจสามารถ เป็นที่ยอมรับนับถือเยี่ยงนี้ได้เลย

 

เมื่อหลวงพี่บุญลือเทศจบ ลงจากธรรมาสน์ ให้พระรูปต่อไปมาเทศน์กัณฑ์สักกบรรพ ที่เป็นเนื้อหาต่อจากกัณฑ์มัทรี บรรดาโยมที่ติดพี่บุญลือหนึบหนับ รวมทั้งคณะของแม่จำปา ก็พากันตามพระลงจากศาลา เพื่อไปส่งถึงกุฏิ

โยมชายหญิงท่าทางเป็นเศรษฐีมีทรัพย์ ตามเข้ามาห้อมล้อมหลวงพี่ และขอโอกาสถวายเงินติดกัณฑ์เทศน์เป็นการส่วนตัวให้หลวงพี่กันอื้ออึง จนแม้แต่ศิษย์วัดที่ช่วยหลวงพี่ถือข้าวของยังต้องถอย

แต่สายตาลำจวนไม่ได้เหลือบแลเหล่าเบี้ยหอย หรือเหรียญพดด้วงใดๆ เด็กหญิงจ้องเป๋งไปที่ผูกคัมภีร์ใบลานในมือศิษย์วัดที่ถือไว้อย่างหละหลวม ขณะที่พวกพี่ๆ เขากำลังวุ่นวายกับการกลุ้มรุมของพ่อยกแม่ยกนั้น

เธอเลียบเคียงเข้าไป พยักหน้า สายตาขออาสาช่วยถือให้เอง และศิษย์วัดก็ยอมส่งให้ ไม่ได้คิดอะไรมาก

ลำจวนรีบรับคัมภีร์ใบลานมา ยกจบหัว แล้วประคับประคองดุจของทรงค่าสูงส่ง ถอยออกไปเพื่อหามุมสงบ เปิดพินิจพิจารณาดู

“ลำจวน…เอามา”

ยังไม่ทันที่จะดูได้เกินสองหน้า เสียงเข้มข้นของหลวงพี่ก็ดังมา ทำเอาเด็กหญิงสะดุ้งเฮือก

ลำจวนเงยหน้ามา รีบยิ้มประจบ

“อิฉันถือให้ค่ะ หลวงพี่”

“คัมภีร์เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ของเด็กเล่น เป็นเด็กผู้หญิงทำไมชอบเล่นสมุดหนังสือนัก”

พระบุญลือดุ ยื่นมือมา ลำจวนหน้าตาต่อต้าน

“มีข้อห้ามรือเจ้าคะ”

“บอกว่าไม่ควรเล่น ก็อย่าเล่น ไม่ต้องมาถามยอกย้อน เอาคืนมา”

ลำจวนดื้อ ยื้อ ใจอยากอุทธรณ์ว่าเธอก็ไม่ใช่เด็กโง่เง่าใบ้บ้า ที่จะคิดว่าสิ่งนี้เป็นของเล่น แต่พอดีมือของจำปาเข้ามาตีแปะเบาๆ ลงมาที่แขนเด็กหญิง

“คืน!”

แม่ขนาบ

“คืนหลวงพี่ไปสิ”

มือของหลวงพี่ที่ฝ่ามือใหญ่กว้าง และมีนิ้วเรียวยาวดูแข็งแรงมากๆ ยื่นมาแบเร่งเร้าอยู่เบื้องหน้า ประกอบด้วยสายตาไม่เล่นด้วย ทำให้ลำจวนรีบส่งคืน

แม่จำปารีบดึงแขนลำจวนมาจูงไว้ติดตัวเพื่อไม่ให้ไปซนอะไรอีก พลางหันไปยิ้มอ่อนหวานกับพระลูกชาย

“พระเทศน์กินใจเหลือเกิน โยมปลาบปลื้มเป็นที่สุด”

“นึกว่าโยมแม่จะไม่มาเสียอีก”

น้ำเสียงพระ คล้ายจะตัดพ้อ

“แม่เพิ่งเสร็จธุระ เอาผ้าไปส่งลูกค้าที่วังบางยี่ขัน”

“กัณฑ์มัทรีนี้ อาตมาตั้งจิตอธิษฐาน ปรารถนาจักสาธยายถึงรักของมารดาต่อบุตรให้ถึงใจ

อุบาสกอุบาสิกา เพื่อส่งกุศลให้โยมแม่โดยตรง หากโยมแม่มิได้มาฟังเอง คงเสียดายมาก”

“สาธุๆ”

แม่ยกมือไหว้พระ น้ำตาไหล ทำให้พระบุญลือรีบไหว้ตอบ

ลำจวนได้แต่มองทั้งสองแม่ลูก ในใจได้แต่คิดอิจฉา

…หากเธอได้บวชเป็นพระบ้าง…

 

เชิงอรรถ : 

(1) ร่ายยาว เทศน์มหาชาติ กัณฑ์มัทรี โดย เจ้าพระยาพระคลัง (หน)

 



Don`t copy text!