บุษบาลุยไฟ ตอนที่ 40 : เส้นทางสร้างทำ

โดย : ปราณประมูล

Loading

บุษบาลุยไฟ โดย ปราณประมูล เรื่องราวของ ลำจวน หญิงสาวผู้ต่อสู้กับค่านิยมทางสังคมในยุค ร.3 เธอลุกขึ้นทำสิ่งที่คนในห่วงเวลานั้นไม่ทำกัน หนทางจึงไม่ได้ราบรื่น หากเต็มไปด้วยอุปสรรคและถ้าไม่ใช่เพราะแรงรักแรงใจที่หนุ่มจีนคนนั้น คงยากที่บุษบาดอกนี้จะไปสู่จุดหมาย ‘บุษบาลุยไฟ’ นวนิยายเรื่องเยี่ยมที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์

เมื่อเรือลำน้อยมาใกล้ถึงแพคุณพุ่ม เจ้าหนุ่มเฉกก็ต้องตาโตกับเรือชนิดวิจิตรงดงาม แปลกแตกต่างจากเรือชาวบ้านสามัญสองลำ ที่จอดเทียบหน้าแพ

ลำแรก เป็นเรือใหญ่กว้างขวางโอ่อ่าสบาย มีหลังคา มีม่านกั้นอย่างเรือเจ้านาย ลำที่สอง เป็นเรือปราดเปรียวอย่างใหม่ล้ำแปลกตาน่าจะแล่นได้เร็วฉิว กำลังจอดส่งท่านผู้เป็นเจ้าของ ที่ก้าวขึ้นหน้าแพสดๆร้อนๆ เห็นเพียงด้านหลังของคณะบุรุษที่แต่งกายหรูหราก้าวเข้าเรือนแพลับตาไป

“ ผู้หลักผู้ใหญ่แขกไปใครมามากมาย..”

คุณเฉกดูตื่นๆ หันมาบอกคนเรือเบาๆ

“ ไปส่งข้าด้านหลังเถิดเจ้า ”

ทาสฝีพายพาเรือเลี้ยวลดคล่องตัวไปจอดเทียบหลังแพเงียบๆ

หนุ่มเฉกขึ้นจากเรือว่องไว แล้วรีบๆย่องๆเข้าไปทางครัว อยากรู้อยากเห็นจนต้องแอบโผล่หน้าไปส่องดูที่หลังม่าน

เจ้านายชายวัยหนุ่มใหญ่พระองค์นั้น ผิวนวลสะอาด พระพักตร์หล่อเหลาพระเนตรกลมโต เรือนพระเกศาดำเงาหนางาม มีเรียวพระมัสสุคมขำโดดเด่น ประทับบนยกพื้นที่จัดต้อนรับ มีเบาะที่นั่งวางบนพรมเปอร์เชียหนาที่ปูลาดเต็มพื้นที่  ตรงหน้า วางเครื่องน้ำชา เครื่องหมาก กระโถน พระปฤษฎางค์เอนอิงพิงหมอนอิงใบงามที่สุดที่มีในบ้าน

มิได้เสด็จมาลำพัง หากมีผู้ติดตามเสด็จเฝ้าใกล้พระบาท

บนพื้น ห่างออกมาคุณพุ่มเฝ้าแหนอยู่ แต่กำลังหันมา ไหว้ และเชื้อเชิญผู้ที่เพิ่งมาถึงใหม่

“ คุณหลวง..เชิญค่ะ เสด็จพระองค์ชายประทับอยู่พอดีทีเดียว ”

นางเต็ม หมอบกราบราบ เพื่อขอประทานอนุญาตจากเสด็จฯ แล้วรีบคลานปราดๆไป จัดที่นั่งต้อนรับคุณหลวงผู้นั้น

ผู้เพิ่งมาถึง เยาว์วัยกว่า ผิวสองสี  ใบหน้าเข้มโฉบเฉี่ยว  ทว่าสงบสง่าผ่าเผย  มีทนายหนุ่มสะอาดสะอ้าน แต่งกายทันสมัย ท่าทางคล่องแคล่วตามติด  พากันนั่งลง หมอบราบกราบกราน

“ ฝ่าพระบาท..ข้าพระพุทธเจ้ายินดีจริงๆ ที่ได้เข้าเฝ้าโดยบังเอิญที่นี่  ข้าพระพุทธเจ้ามีวาสนาได้ชมสุวรรณหงส์ถูกหอก ละครนอกคณะของฝ่าบาทคราวนั้น ติดใจเหลือจะกล่าว ”

เสด็จรับสั่งพลางสรวลหยอกเย้า

“ คุณหลวงสิทธิ์นายเวรมาถึงหมายว่าเวลาของฉันหมดแล้ว โทษที อยู่นานไปหน่อย..พอดีเอาบทเจรจาที่เพิ่งรื้อใหม่เพื่อให้เจ็บแสบกว่าเดิมของนางแก้วหน้าม้ามาให้คุณพุ่มเธอติชมดูหน่อย บทผู้หญิงด่าผู้ชาย ผู้ชายเองคิดไม่ใคร่จะออก ”

ทุกคนหัวเราะรับเบาๆ

หลวงสิทธิ์ฯรีบกราบลงอีกครั้ง

“ทูลเชิญใต้ฝ่าบาทประทับอยู่ก่อนเถิดพระพุทธเจ้าข้า พอดีเลย เพราะพวกเรากำลังคิดอ่านกัน ว่าอยากจะจัดสักวาหน้าพระที่นั่งอย่างครั้งเก่าก่อนถวายพระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรอีกครั้งในงานพระประทีปคราวถัดไป หลังจากถวายพระเพลิงสมเด็จพระราชชนนีในปีนี้ เพื่อเป็นการบำรุงพระหทัยหลังจากที่ทรงทุกข์โศกเป็นนักหนามาพักใหญ่ หากเป็นไปได้ ”

ลำจวนที่ส่องจากหลังม่าน ได้ยินเรื่องงานสักวา พลันตาโตเท่าไข่ห่าน

“ อ้าวๆ เอาด้วยซี เอาด้วยๆ เอาไงเอากันเลยหนา จะให้ทำอะไรก็ว่ามาได้เลย ขอเพียงให้ข้าได้เข้าร่วมประชันกับแม่พุ่มเขาอย่างที่เคยขับเคี่ยวกันมาเสมอสมัยหนุ่มสาวด้วยคน ”

คุณพุ่มหัวเราะคิก

“ กราบทูลเชิญไว้ล่วงหน้าเลยหนาเพคะ ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ได้วงมโหรีและนักร้องของวังฝ่าบาทมาเป็นหลัก งานจะน่าดูน่าชมเป็นพิเศษเทียว ”

“ จ้า..แม่พุ่ม ”

ทรงทำพระพักตร์เหมือนกลัวเกรงมากมาย ล้อๆ

“ เพื่อถวายงานหน้าพระที่นั่ง ฉันยอมให้รบกวนได้ไม่อั้น แต่วันนี้ตัวฉันรบกวนหล่อนมานานแล้ว  บทละครใหม่นี้อ่านแล้วชอบไม่ชอบอย่างไร ก็ช่วยรีบบอก หากไม่ติดขัดที่ใด ก็ช่วยคัดลอกให้ไวสักหน่อยหนา ”

“ ขอเวลาอีกสี่วันพระเพคะ

เสด็จสรวล

“ เช่นนั้น..นับจากนี้ไป เมื่อถึงวันพระครั้งที่ห้า ฉันจะให้คนมารับหนา ”

คุณพุ่มกราบลง

“ เป็นพระกรุณายิ่งเพคะ ”

หลวงสิทธิ์ฯและทนายพด กราบลงเมื่อเสด็จฯทรงขยับลุกขึ้น ผู้ติดตามเสด็จเก็บของส่วนพระองค์รวดเร็ว ทั้งคุณพุ่ม หลวงสิทธิ์กับทนาย ตามไปส่งเสด็จที่หน้าแพอย่างพร้อมเพรียง

นางเต็มเข้ามาตามบ่าวในครัว เห็นลำจวนยืนลับๆล่อๆอยู่พอดี รีบพยักเพยิด

“ คุณมาช่วยกันเก็บของรับเสด็จฯก่อนค่ะ เดี๋ยวต้องจัดที่ทางให้คุณหลวงสิทธิ์ฯเธอใหม่ ”

นางทองใบวิ่งเก็บกระโถน เครื่องหมาก ลำจวนเก็บชุดน้ำชา จานของว่างที่เสวยแล้ว ส่วนนายหมายมาจัดแจงพวกพรมนั่ง หมอนอิงใหม่

คุณพุ่มอำนวยการให้เปลี่ยนมุมรับแขกเป็นที่นั่งด้านหันหาแม่น้ำ เลื่อนผนังฝาไหลด้านแม่น้ำออกโดยตลอดให้เปิดโล่งรับลม ในยามแดดร่มลมตก นายหมายจัดที่นั่งให้หลวงสิทธิ์ฯและทนายพด ได้นั่งเหยียดแข้งขาอย่างกันเอง ไม่ต้องพับเพียบพับขิง

ลำจวนกับนางเต็ม ช่วยกันจัดเตรียมเครื่องน้ำชาและของว่างอีกสำรับมือเป็นระวิง

คุณพุ่ม กับหลวงสิทธิ์ฯ ดื่มน้ำร้อนน้ำชา เคี้ยวหมากพลางคุยพลาง ทนายพดนั่งข้าง คอยจดข้อความ

“ อยากให้เหมือนเดิม เมื่อครั้งงานฉลองใหญ่วัดพระราชโอรส ”

หลวงสิทธิ์ฯเริ่ม

“ เหมือนเดิมคืออย่างไรคะ? ”

หลวงสิทธิ์ฯคิดๆ

“ กระผมจะระดมบรรดานักกลอนพระองค์เดิมๆ ท่านเดิมๆ..มาให้ครบ ”

คุณพุ่มยิ้ม

“ ที่สิ้นพระชนม์ แลที่เสียๆไปแล้วก็มีนะคะ  หากครบเหมือนเดิม คงวิ่งกันเรือคว่ำเรือหงาย ”

หลวงสิทธิ์ฯหัวเราะ ส่ายหัว

“ เอาเป็นว่าขอให้คุณมาเล่นด้วยก็แล้วกัน พวกผู้ชายได้แค่ไหนแค่นั้น แต่ถ้าขาดคุณพุ่ม..บุษบา..คนสำคัญไปเสียคน คงไม่สนุก ”

“ ถ้ายังมีคนอยากดู อิฉันก็อยากเล่น ”

สตรีผู้งามชวนพิศไม่วายไว้เชิง

“ ถ้ากระผมอ้างกับใครๆว่าได้ตัวคุณพุ่มมาเล่น  ท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็จะรีบแย่งกันรับเชิญมาอย่างไม่เกี่ยงงอน  ไม่ต้องอ้อนวอนให้เหนื่อย ”

พดกระแอมเบาๆ

“ คุณพุ่มเป็นบุษบานั้นแน่นอนอยู่แล้ว แล้วท่านอื่นๆ จะให้ใครจะเป็นใครดี ”

“ คุณหลวงสิทธิ์ฯตั้งใจว่าจะเล่นตอนใดกันเล่าคะ?  ”

ในครัว นางเต็มยกลังถึงลง เปิดฝา เห็นขนมจีบนึ่งกำลังร้อนจัดควันฉุย

“ ขนมไส้หมู..โอ๊ย..เป็นบุญปากเราแล้ว เย็นนี้ ”

ลำจวนกลืนน้ำลาย จัดอาหารใส่จานว่างไว แล้วทำท่าจะยกออกไปเอง

“ เจ้าเฉก..”

นางเต็มดึงหางกระเบน

“ เอ่อ..คุณเฉก..คุณไม่ต้องออกไปให้ผู้คนเห็นมากมายดอก ”

นางมองหน้า หมายความจริงจัง

“ ขอรับกระโผม..”

ลำจวนลากเสียงประชด นั่งแปะลง นายหมายเข้ามาพอดี มองถาดขนมลังเล

“ ท่านเคี้ยวหมากกันอยู่  ให้แดดร่มลมตกลงอีกสักหน่อยไหม? ”

“ ยกออกไปเถิด ไม่อยากให้ท่านอยู่ค่ำนัก ”

นางเต็มลงเสียง ค้อนลมค้อนแล้งไปด้วย

นายหมายมองหน้า ทำเสียงหึหุในลำคอแบบรู้กัน

เสียงคุณพุ่มหัวเราะเสียงสดใสดังมา

“ คุณพุ่มหัวเราะบ่อยนะครับ ”

ลำจวนตั้งข้อสังเกต

“ คนเก่าคนแก่..นานๆพบกันที ก็เช่นนี้แหล เรื่องธรรมดา ”

นางเต็มสะบัดสะบิ้ง ไม่ชอบใจ ลำจวนหันไปมองนายหมายแทนคำถาม ทว่านายหมายได้แต่ยิ้ม แล้วรีบยกถาดออกไป

 

ได้ยินเสียงกลองทุ่มแล้ว เมื่อคุณพุ่ม พ่อเฉกหลานชาย และนางเต็ม บ่าวที่เป็นดุจญาติสนิท ได้นั่งรับประทานข้าวตาก-ลมเย็น  หน้าแพ บนผืนเสื่อหลังแขกกลับไปหมดแล้ว  แสงตะเกียงสว่างไสว ล่อแมลงมาบินตอมฝูงใหญ่

นางทองใบนั่งถือแส้ ปัดไล่ยุงและแมลงต่างๆไปมา ทำตาลอยเพ้อฝัน พลางรำพันรำพึงเรื่อยเปื่อย

“ เรือของเสด็จฯก็งามสง่า เรือของคุณหลวงมหาดเล็กก็งามเปรียว ถ้าเป็นแม่เต็ม จะเลือกลำใด ”

แม่เต็มผู้ไปพลางข้างๆวงนั่นเอง หันมาทำตาเขียว

“ นางทองใบ..”

คุณพุ่มทอดตาไปไกลในแม่น้ำ

“ ไม่เอาสักลำ..”

“ ทำไมล่ะเจ้าคะ? ”

นางทองใบสงกา

คุณพุ่มยิ้มหยัน

“ เรือดีเลิศที่สุดในแผ่นดินนี้  ข้ายังไม่เอาเลย ”

แม่เต็มอึ้ง มองอย่างกริ่งเกรงว่าคุณพุ่มจะรู้สึกสะเทือนใจอย่างใดหรือไม่

“ ทองใบ ไปยกผลไม้มา..ไป! ”

นางไล่

ทองใบขยับตัว แต่ไม่วายอุบอิบ

“ ใครๆเขาก็พูดกัน ว่าวันนี้ มีเรือสองลำเกือบชนกันที่แพเรา ”

“ ยัง ยังอีก..เดี๋ยวก็หวายลงหลังจนได้ รืออยากจะอมมะพร้าวห้าว หา นางคนนี้ ล้นเหลือเกิน ”

คุณพุ่มหัวเราะ

“ นางทองใบ ทีหลังก็..บอกไอ้อีที่พูด..ว่าไม่ควรจะแตกตื่นจนเกินไป ที่แพของข้านั้น..มีเรือดีเลิศของบุรุษชั้นเลิศแวะเวียนกันมาจอดเทียบไม่ต้องนับ อย่าว่าแต่เพียงสองลำ บางครา จอดเรียงกันเจ็ดแปดลำ ”

เธอทำท่าส่ายหน้าเบื่อหน่าย

“ ..ล้วนแต่บรรดานักกลอน นักหนังสือ มาปรึกษาหารือเรื่องหนังสือหนังหาทั้งสิ้น ไม่มีอื่น ”

“ พวกชาวบ้าน.. มันก็พูดผิดๆถูกๆกันไปเรื่อย..”

นางเต็มถอนฉุน

“ เขาไม่เคยเห็นหญิงชายคบหากันเช่นมิตรสหาย เขาคิดว่าหญิง..ไม่มีคุณสมบัติอื่นที่ชายพึงประสงค์..นอกจากเรื่องนั้น.. ผู้ใดเคยเห็นแต่โลกใต้กะลา ย่อมไม่เชื่อ..ว่าฟ้ากว้างๆสว่างๆนั้นมีอยู่ ”

คุณพุ่มยักย้ายคิ้ว เป็นเชิงชักชวนให้ลำจวนเพ็นพ้อง

“ แต่ชายที่คิดเพียงเรื่องนั้นมีมากกว่าหนาเจ้าคะ ต้องระวัง ”

แม่เต็มขัด

“ข้าไม่คิดด้วยเสียคน ก็เป็นอันจบ เปลี่ยนเรื่องเถิด คุยอะไร ฟังแล้วกินข้าวไม่ลง ”

“ ทองใบ ..ขอผลไม้!! ”

นางเต็มเสียงเข้มขึ้น ทำให้ทองใบต้องรีบเผ่น

“ จะมีเล่นสักวา งานวันเพ็ญเดือนสิบสองคราวหน้าหรือขอรับ ”

ลำจวนซักเรื่องที่ตนสนใจ

“ เจ้าจะได้ทัศนาของแท้แล้วล่ะหนา เจ้าเฉก ล้วนแต่ตัวฝีปากดีๆทั้งนั้น หวังจะมาต้อนให้ข้าจน จะได้หัวเราะฮาสนุกกัน อย่าหวังเลย คอยดู จะตอกให้หน้าหงายพักตร์หงายกลับไปทุกคน ..แลทุกพระองค์..”

คุณพุ่มหมายมั่น

 

ในที่สุด งานหลังคา เพดานดอกไม้ ภาพผนังตอนบนของพระอุโบสถวัดในอุปัฏฐากของท่านเจ้าคุณอินทรา ก็สำเร็จเรียบร้อยลงจนได้

ถึงเวลาที่ศิษย์คงแป๊ะต้องขนข้าวของเข้ามาจัดวางเตรียมพร้อมบนชั้น ในเพิงทำงานบริเวณข้างพระอุโบสถ จานสีเปลือกหอย กะลา แปรง พู่กัน กาวกฐิน กาวมะขวิดก้อนเล็กๆ เป็นเม็ดสีเหลืองปนน้ำตาล ที่ต้องใช้น้ำทำละลาย จัดเตรียมพร้อม

ฮุนยกถุงกระสอบใบหนึ่งมา เทก้อนดินเหนียวที่จับตัวแข็งเป็นก้อนดินสีส้มแดงสำหรับจะใช้ลงสีเสื้อผ้าอาภรณ์ กองลงบนพื้นปูนลานวัด

ครูทองอยู่เดินเข้ามาลำพัง สะพายย่ามอุปกรณ์เครื่องเขียนสมุดแบบวาด อีกมือถือกระดาษสาม้วนๆเดินผ่านมา เห็นฮุนกำลังใช้ไม้ตะลุมพุกมาทุบดินเหนียวสีแดงส้มที่เป็นก้อนแข็งราวกับหิน ให้ยุบย่อยลง มีครูพุด เจ้าหนุ่มหนวด และหนุ่มสักขา รุมล้อม ช่วยกันออกเสียงเอาใจช่วยสนุกสนาน

“ เอ้าฮุยเลฮุย! ฮุยเลฮุย!  ”

ท่านจึงอดหยุดมองอย่างสนใจไม่ได้

ฮุนออกแรงหนักขึ้น ทุบสุดล้าไปตามจังหวะเสียงเร่งเร้า จนก้อนดินแข็งเหล่านั้นแตกป่นลง

ครูพุดและเหล่าศิษย์ หันไปเห็นครูทองอยู่ ก็พนมมือไหว้กันอย่างเคารพสูงสุด ฮุนเงยขึ้นมาเห็น รีบไหว้บ้าง

ครูทองอยู่พยักหน้าให้ แล้วเดินไปทางบริเวณอีกฝั่งของพระอุโบสถ

ฮุนเอาดินสีแดงนั้นใส่ลงในครกใหญ่ จัดแจงบดจนละเอียด

พอดีเนตรกับคณะศิษย์ครูทองอยู่เพิ่งมาถึง ขณะที่ครูพุดเอาผงสีแดงส้มนั้นไปร่อนผ่านตะแกรงถี่ สุดท้าย กลายเป็นฝุ่นสีแดงส้มละเอียดเป็นกอง พี่สักขากับพี่หนวดเฟิ้ม ช่วยกันเอาผ้ามาผูกเพื่อกั้นลมไม่ให้สีปลิว

เนตรมองดูสีฝุ่นจากดินนั้น แล้วมองดูพวกศิษย์คงแป๊ะที่กำลังช่วยกันกั้นผ้ารวดเร็ว

“ ดินสีแดงงามจริง ได้มากจากที่ใดรือ? ”

ฮุนกับครูพุดสบตากันปุ๊บ

“ จากเมืองกาญจน์ฯ ”

ครูพุดหันไปตอบ

ทว่าเนตรกลับหัวเราะไม่เชื่อถือ

“ ดินสีแดงสดเพียงนี้มิใช่ของเมืองกาญจน์แน่ อย่าอุบเลย แหม..เห็นข้าเดินมา รีบเอาผ้ามากั้นบัง เจ้าข้าเอ๊ย แค่บดสีก็ต้องปิดบังที่มากันด้วย ”

“ มิได้ปิดบังที่มาขอรับ แต่ปิดบังลม มิให้พัดพาดินไป ”

ครูพุดทำเสียงเนิบยั่วๆ

ฮุนเทฝุ่นสีพร้อมใช้ลงในภาชนะกระปุกไม้ลงรักดำอย่างระมัดระวัง

“ แล้วดินสีขาวนวลสว่างที่ใช้เขียนสีผิวหน้าของครูทองอยู่เล่า พ่อเนตรจักบอกไหม ว่ามาจากที่ใด เป็นเพียงฝุ่นดินหรือมีแร่ธาตุใดมาผสมบ้าง จึงงามผุดผาดรองเรืองยิ่งนัก ”

ครูพุดหันไปย้อน

เนตรอึ้ง เชิดหน้าขึ้น

ฮุนเอากระปุกสีแดงจากดิน ไปเก็บตั้งวางเรียงกับอีกหลายภาชนะที่ใส่สีอื่นๆ บางอันเป็นโหลแก้วเห็นสีต่างๆข้างใน

เนตรมองตามฮุนไปดุจฉลามมองตามเหยื่อ สายตาหาความประสงค์ดีไม่ได้

 

ฮุนตักน้ำคลองจากท่าน้ำใส่คุไม้ไผ่ แล้วเอาขึ้นหาบ จะเอาไปใช้งาน

บนระเบียงโบสถ์ ครูทองอยู่กำลังกางแบบวาดในม้วนกระดาษสาลงบนพื้น  พวกศิษย์เข้ามาล้อมมุงดู

“ ภาพชาดกคราวนี้..ข้าคิดไว้ว่าจะให้แตกต่างจากที่..”

ฮุนหาบน้ำผ่านไป ทำให้เกิดเงาทอดลงบังแสงบนกระดาษแบบแผ่นนั้น

ครูทองอยู่และชาวคณะต่างเงยขึ้นมาหันมอง เห็นฮุนที่หาบน้ำผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ทองอยู่ก้มลง อธิบายต่อ โดยลงเสียงเบาลง

“ ข้าจักใช้สีแดงชาดที่ได้มาใหม่จากเมืองจีน..”

ฮุนและครูพุดมานั่งขัดสมาธิ์ จัดเรียงพู่กันที่นำมาทั้งหมดเพื่อเตรียมไว้ใช้ อันไหนหมดสภาพแล้วก็แยกออก ที่บันไดโบสถ์อีกฝั่ง

ฮุนใช้มีดพกคมกริบแต่งเล็มพู่ที่เส้นขนชี้ฟู  บนเขียงเล็กๆ โดยเฉพาะพู่กันหนวดหนูอันลือชื่อของคงแป๊ะ เขาต้องยกขึ้นเล็งในแสงสว่าง ตรวจตราความเรียบร้อย

เมื่อยามพักจิบชา ครูทองอยู่เดินออกมาจากในโบสถ์ ศิษย์สองนายถือตะกร้าตามมา

“ ไปหาที่นั่งกินแถวริมน้ำจะดีกว่า..”

เมื่อพบว่าที่บันได มีศิษย์คงแป๊ะพนั่งทำกิจกันง่วนกีดขวางอยู่ ท่านก็ชงัก

“ ที่กว้างขวางมากมาย ไม่ไปนั่ง มานั่งบันได ”

ศิษย์หนุ่มผิวสีทองแดง หน้างามราวเทวรูป แต่งกายบอกฐานะว่าเป็นลูกท่านหลานเธอ เอ่ยเสียงแสดงความรำคาญ

“ ขออภัยขอรับ..”

ครูทองอยู่ปรายตามองพู่กันในมือฮุน แล้วหันมามองหน้า  ฮุนรีบก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อม รีบขยับข้าวของหลบทางให้

ครูทองอยู่รอจนได้ทางกว้างจนพอใจ  จึงเดินผ่านลงบันไดนำพวกศิษย์ไป

“ บันไดตั้งมากมาย ไม่ไปลง ต้องมาลงบันไดนี้ ”

ครูพุดกล่าวเลียนเสียงศิษย์เอกครูทองอยู่ผู้นั้น

แล้วพุดกับฮุนก็พากันหัวเราะแบบออมเสียง ทว่าขำกันจนท้องคัดท้องแข็ง

 

ในโบสถ์ที่นั่งร้านไม้ไผ่หน้าพื้นที่ทำงาน ได้ถูกผูกทิ้งไว้ตั้งแต่คณะเช่างขียนผนังตอนบน ใช้ปีนขึ้นไปก่อนหน้าโน้นแล้ว   บัดนี้ เนตรและลูกน้องกำลังขึงผ้าดิบขาว กั้นมุมตรงผนังโบสถ์ที่ครูทองอยู่จะวาด

ฮุนจึงเอาของๆตน มาวางกองตรงมุมของครูคงแป๊ะ

หนุ่มผมเปียปีนขึ้นไปทดสอบความแข็งแรงของนั่งร้าน  แล้วลองลูบๆเคาะๆผนังปูน ทดสอบความเรียบร้อยแน่นเนียน ไม่มีร่องรอยพองโป่ง

ไม่คาดว่าเนตรจะปีนขึ้นมาข้างๆ

เขาขยับเข้ามาใกล้ ลดเสียงเบาไม่ให้คนอื่นได้ยิน

“ มึงอยู่ดีมีสุขดีหนา? ”

ฮุนมองหน้าพี่ชายร่วมบิดาของลำจวน งุนงง ว่าต้องการอันใดแน่

“ ขอรับ ”

“ น้องสาวกูตาย..เครื่องเพชรเครื่องทองไม่เหลือ ผ้าผ่อนก็ไม่มีติดตัว ”

เนตรพูดไป จ้องหน้าฮุนไป หาร่องรอยพิรุธ

ฮุนขนลุกกับความคิดร้ายนั้น ชายหนุ่มจ้องตอบ ไม่หลบตา

“ ผู้ใดมันลวงเอาไปปล้นฆ่าหรือไม่? ”

“ หากมีผู้ใดทำเช่นนั้น ป่านนี้มันคงต้องหนีไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียวแล้วกระมังขอรับ ”

ฮุนตอบอย่างเยือกเย็น

“ ก็ไม่แน่ หากมันมีสันดานโจรร้ายใจทมิฬ ”

เนตรเข่นเขี้ยว

ชายต่างวัยต่างเชื้อชาติทั้งสอง นั่งจ้องตากัน เหมือนวัดกำลัง ว่าใครจะเป็นของจริงแท้แน่นอนกว่า

ครูพุดเดินเข้ามาพอดีเห็นภาพนั้น จึงรีบก้าวเข้ามายืนท้าวสะเอว เงยหน้าขึ้นมาปราม

“ อันใดกัน เจ้าฮุน? ”

ทั้งศิษย์ทองอยู่ และศิษย์คงแป๊ะ ต่างพากันก้าวเข้ามายืนประจัน ตั้งท่าคุมเชิงกันเป็นสองก๊ก

ครูทองอยู่เดินเข้ามาพอดี ท่านมองบรรดาช่างเขียนทั้งสองฝ่ายด้วยสายตาตำหนิ

เนตรเห็นครูไม่พอใจก็รีบปีนลงมาทันที

ทำให้พวกศิษย์ทองอยู่ ต่างรีบพากันถอยกลับไปทำงานตามพี่ใหญ่

“ เป็นช่างเขียน รือเป็นนักเลง เจ้าเนตร? ”

เสียงครูทองอยู่เอ็ดออกมา หลังจากเข้าไปหลังม่านแล้วทุกคน

ครูพุดปีนขึ้นมาหาฮุน

“ มันมาถามกระไรเอ็ง? ”

“ เปล่าขอรับ ”

ฮุนหลบตา

“ รือครูท่านควรส่งมึงกลับไปต่อเรือ จักได้พ้นเดือดร้อนรำคาญ? ”

ครูพุดหงุดหงิด

“ กระผมอยู่ที่นี่แล ดีแล้ว ไม่ควรหายหน้าหายตาไปไหนให้เป็นที่ต้องสงสัยอย่างเด็ดขาด ”

ฮุนนั่งคงลูบฝาผนังปูนไปมา หาจุดตำหนิช้าๆอย่างใจเย็น  ครุ่นคิดทบทวนแล้วตัดสินใจแน่วแน่

“ ครูขอรับ กระผมอยากพบท่านอาลักษณ์ภู่ กระผมไปหาท่านที่บ้านได้ไหม ครูรู้จักบ้านท่านรือไม่ขอรับ? ”

 



Don`t copy text!