ธามทศ ล่ากฎหลอน บทที่ 23 : ปีศาจร้ายและกฎสยอง

ธามทศ ล่ากฎหลอน บทที่ 23 : ปีศาจร้ายและกฎสยอง

โดย : ไข่เจียวหมูสับ

Loading

ธามทศ ล่ากฎหลอน โดย ไข่เจียวหมูสับ หรือ สรสิทธิ์ เลิศขจรสุข กับเรื่องราวของธามทศและเมืองสมมติที่เต็มไปด้วยกฎแปลกๆ ที่อันตรายถึงชีวิต เขาจะเอาชีวิตรอดจากกฎหลอนที่ว่าไหม ตัวแปรมากมายที่เข้ามาเกี่ยวข้องจะทำให้เขาต้องทิ้งลมหายใจในเมืองสมมติแห่งนี้หรือเปล่า อ่านนวนิยายออนไลน์จากอ่านเอาได้ใน anowl.co

เด็กน้อยรูปงาม นิสัยขี้อายและแสนหม่นหมอง ฤทธิ์เป็นคนที่แปลกแยก แถมน่าหยอกและหลอกใช้ เขาถูกแบนจากกลุ่มเพื่อนร่วมรุ่น แม้จะได้ร่วมวงการเขียนกฎสยองที่เธอตั้งขึ้น แต่ก็ไร้ปากเสียง ซ้ำยังถูกกลั่นแกล้งเป็นระยะ

ไม่นาน เด็กคนอื่นก็ดูจะเบื่อการเล่นพวกนี้แล้ว และหันไปเล่นเกมสยองขวัญผ่านทางเครื่องคอนโซลแทน คงเพราะความชินชาจึงต้องหาสิ่งอื่นมาหมกหมุ่นแทน ช่างน่าสงสารและน่าหวาดหวั่นในเวลาเดียวกัน

แต่กระดาษที่เหลืออีกสองแผ่นต้องมีการขีดเขียน จึงเป็นพินธาที่ต้องหลอกเป่าหูฤทธิ์ว่า เด็กน้อยช่างไม่มีคนรัก ทุกคนทรยศมันหมด กระทั่งพ่อเลี้ยงที่มีบุญคุณก็ยังเกลียดมัน ตามด้วยการเฉลยกฎของผีเปรตและผีสาวห่มผ้าให้ฟัง แค่นั้นเด็กน้อยก็เตลิดไปไกล

และเป็นเหตุให้มันต้องเขียนกฎชั่วๆ ลงไป

และผลของกฎนั้น ก็ทำร้ายพี่ชายโดยที่พินธาไม่ได้คาดคิด ทั้งที่เธอแค่เพียงอยากให้ฤทธ์เขียนอะไรลงไปสักหน่อยเท่านั้น

 

กฎแห่งการสร้างกฎ สำหรับผู้ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

กฎข้อนี้ตราขึ้นเพื่อป้องกันมิให้ผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะทำการออกแบบกฎของตนเองขึ้นมาโดยปราศจากความรับผิดชอบ และเพื่อเสนอช่องทางในการประนีประนอมสำหรับผู้เยาว์ที่ต้องการสร้างกฎขึ้นโดยบริสุทธิ์ใจ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

๑. ผู้ที่ประสงค์จะเขียนกฎลงในกระดาษชุดนี้จะต้องเป็นผู้บรรลุนิติภาวะตามกฎหมายของประเทศหรือรัฐที่อาศัยอยู่

๒. หากมิทำตามกฎข้อ ๑. ผู้เขียนกฎลงบนกระดาษชุดนี้จะพบกับสิ่งที่เลวร้ายเสมือนความตาย นั่นคือจะเข้าสู่สภาวะไร้สติ ไม่อาจช่วยเหลือตนเอง เสมือนกำลังหลับใหลสู่ห้วงลึกโดยไม่แม้แต่จะฝัน ความพยายามทำให้เสียชีวิตจากภายนอกไม่มีผลในการปลดปล่อยผู้แหกกฎนี้ มีแต่จะส่งผลให้วิญญาณของผู้แหกกฎถูกกักขังไปชั่วนิรันดร์เท่านั้น

๓. ร่างของผู้แหกกฎจะยังสามารถเติบและแก่ชราได้ แต่จะไม่เสียชีวิตแม้ว่าจะมีอายุมากเพียงใด แต่หากมีการดูแลเป็นอย่างเหมาะสม ร่างกายย่อมมีสุขภาพที่ดีกว่าแน่นอน

๔. กฎที่ถูกสร้างขึ้นด้วยกระดาษชุดนี้จะยังเป็นผล แม้ผู้สร้างจะมิได้บรรลุนิติภาวะแล้วก็ตาม และผู้ที่ตรากฎข้อนี้จะไม่ได้รับผลเสียใด แม้จะยังไม่บรรลุนิติภาวะก็ตาม

๕. หนทางที่จะปลดปล่อยผู้แหกกฎนั้นมีเพียงอย่างเดียว คือการให้ผู้ที่ถูกหลอกหลอนโดยผีเปรตทมิฬและผีสาวห่มเลือด เข้าร่วมกับกฎทั้งหมดที่ถูกตราขึ้นโดยผู้แหกกฎ และต้องมีชีวิตรอดจากกฎนั้นๆ มาให้ได้

๖. จากข้อ ๕. หากทำสำเร็จ ผู้แหกกฎจะได้รับการเว้นโทษ แต่จะฟื้นขึ้นมาเร็วหรือช้า และมีสุขภาพกายและใจเป็นเช่นไรนั้นมิอาจรับประกันและมิอาจคาดเดาได้ ในกรณีที่หลับใหลไปเกินสิบปี ผู้แหกกฎนั้นอาจจะพ้นจากสภาพหลับใหลลึก แต่จะยังคงมิได้สติไปอีกสักระยะก็เป็นได้

๗. แต่หากผู้ทำผิดกฎนั้นไม่ฟื้นสติขึ้นมาในเวลาสิบสองปีหลังจากแหกกฎ ผู้แหกกฎจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกไม่ว่าจะได้รับการปลดปล่อยหรือไม่ก็ตาม และวิญญาณของผู้แหกกฎจะถูกกักขังไปชั่วนิรันดร์

 

ไร้ปรานี ไร้ซึ่งเหตุผล และบิดเบี้ยวไปหมด ไม่ต่างอะไรกับในสมองของธุพาณผู้เป็นพี่ชาย

เธอมีโอกาสได้เห็นช่วงที่ฤทธิ์เขียนกฎของตนเองขึ้นมาด้วยความคับแค้น ขนลุกชันด้วยความสยอง เป็นกฎที่กลั่นจากความน้อยเนื้อต่ำใจและความเห็นแก่ตัว ผิดแผกและชั่วร้ายถึงขีดสุด ตัวหนังสือที่ถูกขีดเขียนลงไปนั้นเด่นชัดไม่ต่างกับเจตจำนงของเด็กน้อยแต่อย่างใด และกระดาษแห่งกฎก็ตัดสินว่ามันเป็นผล

ฤทธ์เขียนกฎโดยแฝงปมด้อยที่ตนขาดการมีส่วนร่วม ราวกับว่ากลุ่มเพื่อนต้องยอมให้ตนได้เล่นด้วยจึงจะรอดพ้นจากการถูกลงทัณฑ์ ช่างเห็นแก่ตัวเกินจะคาดเดา

เธอคิดผิด เด็กคนนี้ไม่ได้แตกต่างจากเด็กคนอื่นเพราะเข้ากับใครไม่ได้ แต่เพราะเขาเหมือนกับธุพาณมากเกินไปต่างหาก

 

 และเมื่อกฎที่สร้างมีผล เด็กทั้งสี่ก็ตกสู่ภวังค์หลับลึก ไม่อาจรู้สึกกลัวได้อีก ธุพาณก็ถูกของเข้าตัวและโคม่าในทันที แม้จะเป็นเรื่องที่น่ายินดีโคตรๆ สำหรับพินธา แต่ในใจก็ปวดร้าวเมื่อรู้ว่าตนทำลายชีวิตของเด็กทั้งสี่ไปอย่างไม่อาจแก้ไข แม้ไม่ได้รักใคร่ แต่ก็ไม่ได้เกลียดชังถึงขั้นจะเอาชีวิตแบบนี้

ฤทธิ์หายตัวไปหลังจากนั้น คงเพราะคิดว่าไม่มีใครรักตนอีกแล้ว แถมยังเอากระดาษหกแผ่นหลังติดตัวไปอีก

หายไปราวกับนักโทษหลบหนี จากนั้นก็คงเติบโตด้วยการทำร้ายตนเองและคนรอบข้าง

และเด็กคนนั้น ก็กลายมาเป็นปีศาจร้ายที่ไล่ล่ากฎสยองในวันนี้

 

หลายปีที่ก่อตั้งเฮลป์เปอร์ขึ้นมาเพื่อชดเชยความผิดบาป ใครจะคาดคิดเล่าว่าฤทธิ์จะเติบโตขึ้นกลายเป็นหนุ่มรูปงาม แถมยังเป็นอดีตคนรักของวินิมัย

ในวันที่ฝ่ายพยาบาลแจ้งเรื่องธามทศ เธอไม่คิดว่าเขาคือเด็กน้อยคนนั้นหรอก แต่พอดูรูปจากฐานข้อมูลก็รู้ทันทีว่าใช่ และแอบสงสัยในพฤติกรรมของเขามาโดยตลอด

ต่อมาธามทศก็ไปลุยกับกฎห้องแชตต้องสาป ซึ่งมีอยู่ก่อนแล้วและไม่เกี่ยวข้องอะไรกับกฎทั้งสี่สักนิด เธอแอบคิดว่าชายหนุ่มคงไม่ได้ตั้งตั้งใจจะไปยุ่งกับกฎที่เหล่าเด็กๆ ของธุพาณสร้างขึ้น

ทว่าพอทราบจากกานต์และวินิมัย เรื่องที่ธามทศเคยผ่านกฎสยองของแผนกบัญชีในบริษัทคอนน์ รีเทลลิ่ง มาก่อน ความคิดของพินธาก็เปลี่ยนไป แม้มันเป็นกฎที่เธอไม่รู้จัก แต่เดาได้ว่าเด็กที่ชื่อเดชน่าจะเป็นคนเขียน เพราะเด็กคนนั้นตั้งมั่นจะทำงานในสายบัญชีของมาโดยตลอด ลางสังหรณ์นั้นชี้ชัดว่าเกี่ยวข้องกันแน่นอน และวินิมัยยังบอกอีกว่าไอ้ธามทศยังคิดจะไปยุ่งกับกฎลิฟต์ประตูสนิมอีก

เชี่ยเอ๊ย มันกำลังพยายามจะแก้ไขกฎที่มันสร้างเองแน่นอน และไม่แน่ว่าหากสำเร็จ พี่ชายของเธออาจจะฟื้นขึ้นมาก็ได้…ที่ผ่านมาอุตส่าห์แอบสะใจที่เห็นธุพาณนอนเดี้ยงอยู่บนเตียงในบ้านแห่งความรัก แต่ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปงั้นหรือ

ไม่สิ ไม่มีกฎข้อไหนบอกว่าจะฟื้นสักหน่อย

หรือต่อให้ฟื้นขึ้นมาได้ แล้วเธอจะหยุดธามทศอย่างไรเล่า พินธาตีกับตัวเองอย่างหนัก

และแล้วในหัวก็แย้งเสียงลั่นว่า ‘ไม่สิ ยังมีวิธีอยู่’

 

สติกลับมาสู่ปัจจุบันที่กำลังนั่งหมดแรงอยู่บนเก้าอี้ทรมาน พินธาปวดร้าวไปทั้งกายใจ

เสียงของพี่ชายนั้นแหบเหมือนคนขาดน้ำ

“หลังจากที่ธามทศหนีออกไปจากโครงการ พร้อมกับทำให้เด็กทั้งสี่คนเข้าสู่สภาวะโคม่า ฉันก็ถูกของเข้าตัวเพราะความโกรธเกรี้ยวของพวกผีสองตัวนั่น นอนโคม่าตามเด็กๆ อยู่เกือบสิบสองปี!

สิบสองปีที่ฉันมีสติอยู่ในโลกแคบๆ ของสมองอันชาญฉลาดนี้ ถูกพวกมันกัดกินทั้งเป็นในหัว”

เขาจ้องมาด้วยแววตากระหายเลือด ยกมือขึ้นทำท่าจะฟาดที่หน้าพินธา แต่แล้วก็หดมือลง

“และนั่นเป็นเพราะแก ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเอากระดาษแห่งกฎที่ยังไม่ถูกเขียนไปให้พวกเด็กๆ เล่น ไอ้น้องเชี่ยเอ๊ย”

พินธาบ้วนเลือดออกจากปาก จงใจให้รดรองเท้าของมัน

“ฉลาดมากนะ ที่เอาไปให้พวกมันเขียนเล่นในสวนโล่ง พวกผีเลยทำอะไรไม่ได้ พวกมันไม่ละเอียดอ่อนพอจะมาเตือนเรื่องพวกนี้เสียด้วย แต่ก็นั่นแหละ กฎแรกๆ ที่พวกมันเขียนก็ไม่ได้มีผลเสียอะไรกับฉัน ไม่แปลกที่พวกผีจะไม่ทำงาน”

จงใจหัวเราะในลำคอ จ้องหน้ามันกลับไป “เป็นคนสร้างกฎผีขึ้นมาเอง แต่ดันเขียนออกมาลวกๆ เหมือนเคยนะ ‘การทำงาน’ ของผีสองตัวก็มีช่องโหว่เต็มไปหมด”

ธุพาณทำหน้าไม่เจ็บปวดกับคำเหน็บของเธอ “อย่างที่เธอรู้นั่นแหละ ตัวกฎและธรรมชาติจะแต่งเติมรายละเอียดลงไปตามความเหมาะสมเอง บางอย่างฉันก็เพิ่งรู้ ทั้งเรื่องที่โดนแสงแดดไม่ได้ และเรื่องที่ทำงานไม่ละเอียดอ่อน จะเขียนให้เข้าข้างตนเองเกินไปก็จะไม่ทำงาน และบอกตามตรง…ก็ไม่คิดว่าจะมีใครเล่นงานฉันในรูปแบบนี้หรอก”

แววตานั่นกำลังรำลึกอดีตอยู่

“ดิวาห์ใช้เวลาหลายปีในการค้นหาหลักฐานว่าใครกันที่มายุ่งกับเครื่องบินส่วนตัวของฉัน และก็ได้รู้ว่าเป็นมึง!” ธุพาณเค้นเสียง เส้นเลือดขึ้นหน้าที่เริ่มจะดูอิดโรย “แต่ฉันก็กลับมาได้ พร้อมกับความเจริญ”

เธอไม่ตอบ แต่ถามกลับไปว่า “หน้าซีดลงนะ ดูท่าจะยังฟื้นไม่สมบูรณ์” และนั่นทำให้มันหน้าแดงก่ำ

“แกทำอย่างนี้กับพี่ชายได้อย่างไร”

เท่านั้นแหละที่เธอกรีดร้อง “นั่นต้องถามตัวแกมากกว่า แกฆ่าพ่อกับแม่ของเราทำไม พาพวกท่านไปเจอกับกฎระยำพวกนั้นทำไม”

คำตอบที่ได้คือเสียงแค่นหัวเราะ

พร้อมกับการเดินไปมาเหมือนคนกำลังคิดอะไรอยู่

“นั่นเพราะพวกท่านรักแกมากกว่าฉัน ทั้งที่ฉันทำงานเพื่อพวกท่านมาตลอดชีวิต แต่แกกลับได้ส่วนแบ่งมากกว่าทั้งที่ไม่ต้องทำอะไร ในขณะที่ฉันนั่งหลังขดแข็งทำงานตัวงกๆ แท้ๆ แอบรู้มาว่าแม้แต่พินัยกรรมก็ยังเขียนไว้ว่าแกจะได้มากกว่าอีก และฉันไม่ยอม…ก็เลยจัดการแก้ไขอะไรนิดหน่อย”

“ฉันไม่เคยต้องการส่วนแบ่งหรือหุ้นส่วนอะไร”

“แต่แกก็ไม่ปฏิเสธ! พวกมันประเคนทุกอย่างให้แก…และพอฉันสร้างอาณาจักรขึ้นมาได้ แกก็พรากมันไปจากฉัน จงใจให้ฉันทำผิดกฎ แกมันไอ้น้องชั่ว!”

พินธากลืนเลือดลงคอ ปากสั่นแต่ยังกล่าวความจริงออกไป “ฉันตั้งใจแค่จะ…แค่ให้พวกเด็กๆ เขียนอะไรลงไปเท่านั้น เตรียมใจจะถูกฆ่าแล้วด้วย ไม่ได้คิดเลยว่าพี่จะถูกของเข้าตัว ทั้งหมดเป็นเพราะ…”

“อ้อ งั้นหรือ โทษว่าเป็นความผิดของไอ้ฤทธิ์ ไม่สิ ของไอ้ธามทศคนเดียวสินะ มึงมันช่างไร้ความสำนึกผิดจริงๆ” ธุพาณหยิบเก้าอี้แล้วนั่งลงตรงหน้า “เราต่างก็มือเปื้อนเลือดทั้งคู่นั่นแหละ”

“พี่ออกมาได้ยังไงกัน” เสียงนั้นเริ่มแผ่ว เธอไม่มีแรงแล้ว

“เมื่อธามทศแก้ไขความผิดพลาดของตนเอง เอาชนะกฎไปได้เรื่อยๆ ผีพวกนี้ก็หวนกลับไปสูบความกลัวของเด็กที่ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ฉันจึงค่อยๆ เป็นอิสระขึ้นทีละน้อยๆ และใช้โอกาสนี้ใน ‘การทำสัญญาใหม่กับพวกมัน’

แกคงจงใจส่งตำแหน่งของบ้านนี้ให้พวกวินิมัยสินะ หวังว่าพวกมันจะหยุดยั้งภารกิจของธามทศใช่ไหม หรือไม่อย่างนั้นก็หวังว่าพวกมันจะตามมาช่วย”

“ก็แค่อยากให้พวกนั้นรู้ถึงความชั่วของแกก็เท่านั้นแหละ…และธามทศก็จะไม่มีวันทำสำเร็จ”

เสียงหัวเราะถ่มถุยหลุดจากปากพี่ชาย “ผิดแล้วพินธา เธอน่ะมันชั่วกว่าฉันเสียอีก และอีกอย่าง…” ธุพาณดีดนิ้วเพื่อเรียกผีหญิงห่มเลือดมาปรากฏข้างตัว ที่หัวมีรอยลึกคล้ายถูกอะไรแหลมคมปักเข้าไปลึก

“มึงรู้ว่าธามทศเป็นตัวอันตราย ‘จึงหาทางส่งคนไปวางยา’ ในอาหารของมันสินะ และพยาบาลหญิงที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรก็เป็นคนนำไปประเคน แต่ที่ยังไม่รู้คือนางพยาบาลนั่นถูกผีหญิงห่มเลือดทำร้ายเพื่อป้องกันไม่ให้ธามทศตายไงล่ะ”

พินธารู้ตัวว่าตนตาค้าง อะไรกัน ไม่คิดเลยว่าผีสองตัวนั่นจะไปปกป้องธามทศ…อุตส่าห์สั่งให้ภาณะจัดการเรื่องยาพิษแล้วแท้ๆ

“ดูท่าว่าไอ้ธามทศจะได้ของดีมา จึงเอาชนะผีหญิงห่มเลือดได้ และแน่นอนว่าหลังจากนั้นมันก็คงมองออกว่าในอาหารมีอะไรอยู่ แผนการชั่วๆ ของแกจึงล้มเหลว” สายตาที่พี่ชายมองมานั้นแสนจะดูถูกเหยียดหยาม

“ฉันน่าจะฆ่าแกตอนที่นอนเดี้ยงอยู่” พินธากัดฟันกรอด ไม่รู้ว่าตนควรจะทำยังไงแล้ว

 



Don`t copy text!