ธามทศ ล่ากฎหลอน บทที่ 17 : กฎ ๗ ข้อ

ธามทศ ล่ากฎหลอน บทที่ 17 : กฎ ๗ ข้อ

โดย : ไข่เจียวหมูสับ

Loading

ธามทศ ล่ากฎหลอน โดย ไข่เจียวหมูสับ หรือ สรสิทธิ์ เลิศขจรสุข กับเรื่องราวของธามทศและเมืองสมมติที่เต็มไปด้วยกฎแปลกๆ ที่อันตรายถึงชีวิต เขาจะเอาชีวิตรอดจากกฎหลอนที่ว่าไหม ตัวแปรมากมายที่เข้ามาเกี่ยวข้องจะทำให้เขาต้องทิ้งลมหายใจในเมืองสมมติแห่งนี้หรือเปล่า อ่านนวนิยายออนไลน์จากอ่านเอาได้ใน anowl.co

กฎการใช้ลิฟต์ประตูสนิม

ถึงผู้ที่พบข้อความนี้ รบกวนอ่านให้จบ เพื่อประโยชน์และทางรอดของตัวคุณเอง

ลิฟต์ประตูสนิมนี้ ตามปกติแล้วจะไม่เปิดให้ใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตาม แต่หากคุณสามารถเข้ามาในลิฟต์ตัวนี้และพบว่ามันสามารถใช้งานได้ตามปกติ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม นั่นหมายความว่าคุณกำลังเจอกับปัญหาใหญ่แล้วละ

ลิฟต์ตัวนี้สามารถพาคุณขึ้นลงจากชั้นหนึ่งไปถึงชั้นเจ็ดได้ แต่มันไม่สามารถเปิดให้คุณเดินออกไปภายนอกได้อย่างเด็ดขาด ไม่ว่ามันจะพาคุณไปยังชั้นใด มันก็จะหยุดนิ่งอยู่เช่นนั้น และการอยู่ด้านในลิฟต์นานไปก็มีแต่จะทำให้คุณเข้าใกล้จุดจบอันแสนทรมานมากขึ้น ทางเดียวที่คุณจะออกไปได้คือการทำการกฎเหล่านี้เท่านั้น ขอให้คุณตั้งสติให้ดี และทำการกฎทุกข้ออย่างเคร่งครัด การละเลยกฎเพียงข้อเดียวอาจส่งผลให้คุณไม่ได้กลับออกไปอีก

 

กฎข้อที่ ๑

สำรวจตัวเองในทันทีที่อ่านกฎนี้จบ ว่าเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม หรือสิ่งของประดับที่คุณสวมใส่อยู่นั้น มีชิ้นใดบ้างที่เป็นสีกรมท่า หรือมีสีกรมท่าประกอบอยู่ ไม่ว่าเป็นลวดลายหรือป้าย ไม่ว่าจะเป็นสีกรมท่าประเภทใดก็ตาม รวมถึงเครื่องประดับต่างๆ ด้วย หากพบให้รีบถอดออกแล้วโยนทิ้งลงบนพื้นของลิฟต์ในทันที เพราะนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณต้องมาติดอยู่ในนี้

และไม่ต้องตกใจหากหันกลับไปมองแล้วพบว่าข้าวของที่คุณทิ้งลงบนพื้นนั้นหายไป ทิ้งไว้เพียงคราบสีแดงหรือดำที่แห้งกรัง เพราะนั่นหมายความว่า ‘พวกมัน’ ได้ของที่ต้องการแล้ว

กฎข้อที่ ๒

รีบกดปุ่มที่แผงลิฟต์ไปยังชั้นเจ็ดทันที คุณต้องเริ่มต้นจากชั้นบนสุดเท่านั้นจึงจะมีโอกาสรอดออกไปได้

เมื่อคุณกดปุ่มชั้นเจ็ดแล้ว ตัวลิฟต์จะค่อยๆ พาคุณขึ้นไปโดยไม่จอดนิ่งที่ชั้นอื่นใดอีก แม้ว่าจะมีการกดไว้แล้วก็ตาม

หากคุณเผลอกดเลขชั้นอื่นไปก่อนแล้ว ขอให้คุณกดปุ่มที่ชั้นนั้นอีกครั้ง มันจะเป็นการยกเลิก และไฟที่ปุ่มนั้นจะดับลง ไม่ต้องกังวล การยกเลิกชั้นนั้นไม่มีผลร้ายอะไร แต่หากคุณไปถึงชั้นเจ็ดแล้ว แต่ยังไม่ได้กดปุ่มยกเลิกชั้นอื่นๆ แม้เพียงชั้นเดียว คุณจะพบจุดจบที่น่าสังเวชเกินกว่าที่จะจินตนาการออกเลยทีเดียว

กฎข้อที่ ๓

เมื่อขึ้นมาถึงชั้นเจ็ดซึ่งเป็นชั้นบนสุดแล้ว ขอให้คุณค่อยๆ กดปุ่มของทุกชั้น เรียงไล่ลงมาตั้งแต่ชั้นหกไปถึงชั้นหนึ่ง อย่ากดเร็วหรือช้าเกินไป เพราะถ้าเร็วเกินไปอาจทำให้ลิฟต์เกิดการขัดข้อง และมันจะพาคุณไปสู่ชั้นล่างอย่างรุนแรง คุณจะรู้สึกราวกับกำลังตกจากที่สูงหลายร้อยชั้นและจะแหลกเหลวในพริบตา

แต่หากกดช้าเกินไป ลิฟต์จะเริ่มเคลื่อนตัวไปที่ชั้นหก และหากลิฟต์ไปถึงชั้นนั้นโดยที่คุณยังกดปุ่มไม่ถึงชั้นหนึ่ง คุณก็จะแหลกเหลวเช่นกัน เพียงแต่สภาพศพจะไม่เละเทะเท่ากับการกดเร็วเกินไป

ในกรณีที่คุณพบว่ามีปุ่มชั้นใต้ดิน (B) อยู่บนแผง ขอแสดงความยินดีด้วย ให้คุณกดปุ่มไล่ลงมาตามลำดับเหมือนที่เคยแจ้งไว้ มันจะพาคุณไปยังชั้นใต้ดิน ที่นั่นประตูจะเปิดออก และคุณจะพบว่าเป็นห้องขนาดใหญ่ที่มีศพของผู้โชคร้ายเต็มไปหมด ขอให้คุณนั่งรออยู่ท่ามกลางศพเหล่านั้น ผ่านไปสักระยะก็จะพบว่าทางซ้ายหรือขวาจะมีบันไดไม้สำหรับใช้เดินขึ้นไปด้านบน ซึ่งเป็นบริเวณภายในตัวอาคาร คุณสามารถกลับออกไปได้ แต่กรณีนี้ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก

อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณกดปุ่มครบแล้ว ห้ามคุณกดยกเลิกชั้นใดชั้นหนึ่งโดยเด็ดขาด เพราะมันจะส่งผลให้ลิฟต์ขัดข้องในทันที

กฎข้อที่ ๔

หากคุณทำตามกฎอย่างถูกต้อง ลิฟต์ประตูสนิมจะพาคุณลงมาทีละชั้น โดยในแต่ละชั้น มันจะจอดนิ่งสนิทครู่หนึ่ง เราไม่สามารถระบุได้ว่ามันจะจอดนานเพียงใด อาจจะพริบตา สองนาที หรืออาจยาวนานเป็นชั่วโมง

สิ่งที่คุณต้องทำคือมองหา ‘กฎย่อย’ ที่ถูกระบุไว้ในลิฟต์แต่ละชั้น และทำตามที่มันระบุไว้อย่างเคร่งครัด มันจะช่วยให้คุณมีชีวิตรอดกระทั่งลิฟต์เคลื่อนตัวไปยังชั้นถัดไป และอีกครั้งที่เราไม่สามารถระบุได้ว่ากฎย่อยของแต่ละชั้นจะมาในรูปแบบใด แต่มันจะแปะติดหรือนำเสนอไว้ที่ใดสักแห่งในลิฟต์เสมอ โดยจะมาในขนาดที่มองเห็นได้โดยที่คุณไม่ต้องคุ้ยไปถึงซอกกำแพงแต่อย่างใด เพียงแต่คุณต้องทำการค้นหาและทำความเข้าใจด้วยตนเอง

กฎข้อที่ ๕

ในกรณีที่แสงไฟภายในลิฟต์นั้นดับลง หรือติดๆ ดับๆ ขอให้คุณกลั้นหายใจและหมอบลงไปกับพื้นลิฟต์ทันที หลับตา ปิดหู ห้ามส่งเสียงไม่ว่าจะทางทวารใดก็ตาม

ช่วงที่ไร้แสง จะเป็นช่วงที่พวกมันจะออกมาทางด้านบนของลิฟต์ อย่ามอง อย่าดม อย่าได้ยินอะไรเด็ดขาด หากคุณสัมผัสถึงมันได้แม้เพียงเศษเสี้ยว นั่นเท่ากับว่าคุณกำลังเชื้อเชิญให้มันสังหารคุณ

โดยทั่วไปไฟจะกลับมาเป็นปกติในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที แต่ก็มีบางครั้งที่นานกว่านั้น การกลั้นหายใจจึงเป็นเรื่องที่ทรมานที่สุดในสิ่งที่คุณต้องกระทำ ในกรณีที่คุณไม่สามารถทนกลั้นหายใจต่อไปได้ ขอแนะนำให้ลืมตา แล้วรีบกดปุ่มลิฟต์ที่ชั้นใดก็ได้ที่ยังมีไฟอยู่เพื่อทำการยกเลิก การกระทำนี้จะส่งให้ตัวลิฟต์ขัดข้อง และพาคุณดิ่งสู่พื้นล่างทันที คุณจะตาย แต่มันจะไม่ทรมานเท่ากับการถูกพวกมันจัดการอย่างแน่นอน

กฎข้อที่ ๖

ในกรณีที่คุณยังไปไม่ถึงชั้นล่างสุด แต่ลิฟต์กลับจอดนิ่งแล้วเปิดประตูออก คุณกำลังจะแย่แล้วละ เพราะสิ่งที่กำลังเข้ามาร่วมทางกับคุณนั้นไม่เป็นมิตร และยังต้องการชีวิตของคุณอีกด้วย

สิ่งที่ว่านี้จะอยู่ในสภาพที่ไม่น่ามอง ชวนคลื่นไส้และหวาดผวา ขอให้คุณตั้งสติให้มั่น ทำทุกอย่างเพื่อให้มีชีวิตรอดกระทั่งถึงชั้นต่อไป และหากทำได้ สิ่งสิ่งนั้นจะเดินออกจากลิฟต์ไปเอง

จงอย่าเดินตามมันออกไป นอกเสียจากคุณอยากจะหลงในที่แห่งอื่นไปตลอดกาล    

เพิ่มเติม : การเอาชีวิตรอดจากสิ่งนั้น กับการทำตามกฎย่อยของลิฟต์ เป็นสิ่งที่ต้องทำตามอย่างเคร่งครัด โดยห้ามละเลยแม้ข้อใดข้อหนึ่ง

กฎข้อที่ ๗

เมื่อคุณมาถึงชั้นล่าง และสามารถมีชีวิตรอดกระทั่งลิฟต์เปิด เราขอแนะนำไม่ให้คุณวิ่งพรวดออกจากลิฟต์ในทันที แต่ควรยื่นข้าวของ สัมภาระ หรืออย่างน้อยก็แขนขาสักข้างออกไปก่อน หากไม่มีอะไรเกิดขึ้น คุณสามารถออกไปได้ แต่หากมีอะไรเกิดขึ้น ก็ขอให้คุณรับมือไปตามความเหมาะสม

 

ด้วยความเคารพ

 

โชคดีจริงๆ ที่เจ้าของพื้นที่ปรับปรุงให้ทันเปิดใช้งานในช่วงนี้ มิเช่นนั้นก็คงหมดหวัง นั่นเพราะเขาต้องจัดการภารกิจทั้งหมดให้ทันก่อนสิ้นเดือน

สายตาเลื่อนไปที่กฎบนกำแพงลิฟต์

เขาไม่ได้อ่านอย่างละเอียดหรอก ส่วนหนึ่งเพราะทราบดีอยู่แล้ว พอกวาดตาถึงบรรทัดสุดท้าย มือขวาก็รีบถอดสร้อยข้อมือสีกรมท่าออก และปล่อยลงไปยังพื้นลิฟต์ทันที

สร้อยที่แวะซื้อมาในระหว่างทางร่วงลงกระแทกเสียงดังปึก รู้ดีว่าอีกไม่กี่อึดใจมันจะหายไปด้วยเหตุผลอะไรสักอย่างที่เขาไม่อยากรู้ จากนั้นจึงรีบกดปุ่มชั้นเจ็ดโดยเร็ว ทันทีที่กดก็เกิดไฟจางๆ ขึ้นหลังปุ่มที่มีเลข ๗ ลิฟต์เริ่มสั่นไปมา ครางเสียงครืดคราด ให้สัมผัสรอบตัวเหมือนอยู่ในท้องของสิ่งมีชีวิต

หากตาย ก็คงกลายเป็นเศษอาหารที่ถูกย่อยเปื่อย…ธามทศเผลอคิดรำพึง แต่ความตายยังไม่ใช่ทางเลือกในเวลานี้หรอก

ลิฟต์เคลื่อนตัวขึ้นช้าๆ ให้ความรู้สึกไม่เหมือนกับเครื่องจักร แต่รู้สึกราวกับถูกชักรอกจากด้านบน เสียงครืดคราดเริ่มผสมกับเอี๊ยดอ๊าดเสียดหู กลิ่นอับเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ ผนวกกับอากาศที่ร้อนแทบอยากจะถอดเสื้อนอกทิ้ง เดาไว้แล้วว่าต้องร้อนเหนอะหนะ จึงไม่กล้านำหมวกกันน็อกมาด้วย

ระหว่างนั้นก็แอบชำเลืองไปยังตำแหน่งที่สร้อยข้อมือเคยอยู่ มันหายไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงรอยเปื้อนสีดำเหมือนกับเลือดแห้ง

หันหลังกลับไปที่แผงลิฟต์ทางขวามือ พบว่าไม่มีชั้น B แน่ละ เขาคงไม่ผ่านกฎนี้ไปอย่างราบรื่นแบบนั้น

เวลาเดินไปอย่างช้าๆ นับในใจได้ประมาณห้านาที ลิฟต์ก็มาถึงชั้นเจ็ด มันจอดกึกเสียงดังราวกับชนกับกำแพง ทำให้ใจสั่นไม่น้อยแต่ก็ยังพอไหว ยังมีที่หนักกว่านี้รออยู่

ธามทศค่อยๆ กดปุ่มลิฟต์ชั้นหกช้าๆ ไฟสีจางสว่างขึ้น จากนั้นจึงไล่ลงมา ชั้นห้า ชั้นสี่ พยายามให้ทุกชั้นห่างกันสองวินาที

ชั้น…

กึง! ร่างเขาชะงักกึก!

เสียงดังและแรงเขย่ากะทันหันของลิฟต์ทำให้ธามทศจิ้มไม่โดนปุ่มชั้นสาม นิ้วมันแฉลบออกไปด้านข้างแทน

อะไรวะ! ลิฟต์เคลื่อนไหวแล้วหรือ ไม่สิ ไม่ใช่ มันน่าจะแค่สั่นตามประสาลิฟต์เก่า แต่ว่าแย่ละสิ ผ่านมากี่วินาทีหลังจากที่กดชั้นสี่ไปนะ เขาเริ่มรนแล้วจิ้มไปที่ชั้นสามสุดแรง

ไฟสีจางปรากฏ ลิฟต์ไม่คำรามอะไรนอกจากเสียงกึง กึง ที่เบาแทบจะไม่ได้ยิน

ยังรอดสินะ

เขาสูดหายใจตื้นๆ เข้าปอด กดชั้นสอง และชั้นหนึ่ง…เรียบร้อยแล้ว

สองวินาทีต่อมา ลิฟต์ก็เคลื่อนตัวสู่ด้านล่างอย่างช้าๆ

สายตามองหาข้อความหรือกฎย่อยของชั้นหก ก่อนจะเจอที่บนเพดานซึ่งไม่สูงนัก พอจะมองเห็นและอ่านออกโดยไม่ต้องเพ่งด้วยซ้ำ มันเป็นสัญลักษณ์ขนาดประมาณครึ่งฝ่ามือ ถูกวาดออกมาเป็น ‘รูปปาก’ ด้วยของเหลวที่คล้ายเลือด แต่สัญชาตญาณบอกชักเจนว่ามิใช่เลือดของคนแน่นอน และนอกจากรูปปากแล้ว ยังมีเส้นขวางจากขวาบนลงสู่มุมซ้ายล่าง ลากทับกึ่งกลางปากดังกล่าว

ห้ามพูด ห้ามส่งเสียง เขาเข้าใจกฎในทันที

มันจะมีเหตุการณ์บังคับให้ต้องพูดแน่นอน ธามทศมั่นใจ แต่ก็ไม่ได้ตระหนก นั่นเพราะเตรียมตัวมาเท่าที่ทำได้แล้ว สองมือเริ่มจัดแจงนำกระเป๋าสะพายวางบนพื้น รื้อค้นของภายในออกมาอย่างหนึ่ง มันคือเข็มฉีดยาที่มีของเหลวสีเหลืองอยู่ด้านใน

เมื่อพร้อมก็ถอดฝาใส บรรจงปักและฉีดใส่ต้นคอซ้าย ได้ผล…รู้สึกเลยว่าตัวเองจะออกเสียงไม่ได้สักระยะหนึ่ง น่าจะประมาณห้านาที เพียงพอจะให้ลิฟต์ลงสู่ชั้นห้าแน่นอน

“สวัสดี ธามทศ”

ยังไม่ทันได้ถอดเข็มออก ข้างหูซ้ายก็เกิดเสียงกระซิบเบาๆ ชวนขนลุกชัน หางตาเห็นเงาตะคุ่มที่สูงเท่ากันอยู่

ธามทศไม่ตอบ ถึงเผลอตอบก็คงไม่มีเสียง จากนั้นจึงค่อยๆ ถอนเข็มออกจากต้นคอช้าๆ

มีสัมผัสแผ่วเบาแต่เปียกชุ่มสัมผัสที่ไหล่ซ้าย พร้อมเสียงที่คล้ายคนที่ถูกปาดคอเลือดทะลัก

“ให้ช่วยไหมมม”

สัตว์เอ๊ย ปล่อยกู

คิดได้แค่นั้นจึงถอนเข็มออกหมดและสะบัดมือนั้นออกไป มือขวาถือคัตเตอร์เตรียมเสียบดังสวบแล้ว

แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าของมือชุ่มนั้นชักมือกลับและหายไปจากหางตา

ธามทศโล่งอก แต่ยังไม่หันกลับไป แต่ทันใดนั้นลิฟต์ก็เขย่าอย่างรุนแรงอีกครั้ง เขาล้มลงกับพื้น พร้อมหลุดปาดว่าเชี่ย แต่ไม่มีเสียงออกมา

คราวนี้รู้สึกถึงเงาตะคุ่มยืนค้ำที่หลังคอ มีเสียงคำรามเบาๆ คล้ายโกรธที่เขาไม่หลุดส่งเสียง ดูท่าว่ามันคงทำอันตรายใครไม่ได้หากคนคนนั้นยังปฏิบัติตามกฎอยู่สินะ

อยากจะหันไปเยาะมันเหมือนกัน แต่ห้ามใจไว้ได้

ตัวอะไรสักอย่างในลิฟต์ชั้นหกคงทราบแล้วว่าเหยื่อจะไม่ส่งเสียงอะไรออกไป จึงตัดใจไม่รบกวนอีก ไม่ถึงนาทีลิฟต์ก็หยุดกึก ธามทศเริ่มรู้ตัวว่ายาหมดฤทธิ์และหันไปมองที่แผงลิฟต์ สังเกตได้ว่าปุ่มไฟชั้นหกดับลงแล้ว และแล้วเขาก็มาถึงชั้นห้า…

คราวนี้มีกฎอะไรอีก คิดได้จึงเริ่มมองไปมาทั้งสี่ทิศ เมื่อไม่เจอก็เพ่งดูตามปุ่มบนแผง เงยหน้าขึ้นเพดาน ก้มมองที่พื้น แต่ก็ไม่พบอะไร

ฉิบหาย ทำไมไม่เจอวะ

‘หรือว่าชั้นนี้จะไม่มีกฎ…ไม่มีทาง เราต้องพลาดอะไรไปสักอย่างแน่’ เขาพยายามมีสติ แต่หายังไงก็ไม่พบเลย

เสียงลมพัดผ่านตัว ไม่ต่างกับช่วงที่เดินเข้ามาในซอย และต้นขาข้างซ้ายก็มีเลือดพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ

เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของเขาดังขึ้นพร้อมเสียงสวดมนต์ที่ดังก้องทั่วทุกทิศ

 



Don`t copy text!