ธามทศ ล่ากฎหลอน บทที่ 34 : มันมาแล้ว…

ธามทศ ล่ากฎหลอน บทที่ 34 : มันมาแล้ว…

โดย : ไข่เจียวหมูสับ

Loading

ธามทศ ล่ากฎหลอน โดย ไข่เจียวหมูสับ หรือ สรสิทธิ์ เลิศขจรสุข กับเรื่องราวของธามทศและเมืองสมมติที่เต็มไปด้วยกฎแปลกๆ ที่อันตรายถึงชีวิต เขาจะเอาชีวิตรอดจากกฎหลอนที่ว่าไหม ตัวแปรมากมายที่เข้ามาเกี่ยวข้องจะทำให้เขาต้องทิ้งลมหายใจในเมืองสมมติแห่งนี้หรือเปล่า อ่านนวนิยายออนไลน์จากอ่านเอาได้ใน anowl.co

ธุพาณกำลังลุ้นเยี่ยวแทบแตก แม้ว่าพวกแมงมุมกับหุ่นโชว์จะช้าลงมาก แต่การปรากฏตัวของหุ่นไร้หัวก็เปลี่ยนกระแสของไลฟ์สดอีกครั้ง พวกคอมเมนต์เริ่มเดือดและเฮฮา มีการพนันขันต่อว่าจะตายอนาถเหมือนรอบก่อนๆ ไหม

แต่เขามองว่าธามทศกับวินิมัยจะทำสำเร็จ อีกไม่นานก็คงได้ออกมาแล้ว

ต่างกับไลฟ์สดอื่นๆ การส่งสัญญาณจากอีกภพดูจะช้ากว่าเวลาจริงสักหนึ่งนาที นั่นคือสิ่งที่ดิวาห์แจ้งไว้ ถ้าอย่างนั้นจะเรียกว่าไลฟ์สดได้หรือเปล่านะ แต่ช่างแม่งเถอะ แค่พวกคนดูสนุกก็พอแล้ว

นั่นไงๆ แม้ผีห่าจะตามหลังมาอย่างกระชั้นแถมยังไล่ฟันไม่ยอมหยุด แต่ธามทศกับวินิมัยก็ใกล้จะถึงทางออกแล้ว อีกนิดเดียว อีกนิดเดียว

ทว่ายังไม่ทันจะได้คำตอบ หน้าจอก็ดับลง

“ท่านหลุดออกจากระบบแล้ว” เสียงของระบบโทรทัศน์แจ้ง

เชี่ยอะไรของมันวะเนี่ย ธุพาณเอียงคอ ระบบรวนงั้นหรือ…คิดดูก็ไม่แปลก การส่งสัญญาณจากต่างภพคงไม่เสถียรนักหรอก ที่น่ากังวลคือพวกวีไอพีแม่งจะบ่นหรือเปล่าวะ ยิ่งเอาใจยากฉิบหายอยู่ด้วย

“รีบล็อกอินเข้าไปอีกรอบสิวะ”

“มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของเว็บไซต์ ยืนยันจะล็อกอินไหมค่ะ”

เอ๋ อะไรวะ

“มีข้อความจากคุณดิวาห์ แจ้งว่าทำการอัปเดตรายชื่อวีไอพีจากพินธาเรียบร้อยแล้ว จะทำการซิงค์รายชื่อของลูกค้ารายใหม่ที่ยินดีเข้าร่วมไลฟ์สดเข้าระบบ จึงขอคำอนุมัติค่ะ”

คราวนี้ธุพาณหัวเราะเสียงดัง “ให้มันได้ยังงี้สิวะ อนุมัติไปเลย”

“ทำการเชื่อมต่อข้อมูลและล็อกอินอีกครั้งเสร็จสิ้น โปรดรอ” หน้าจอขึ้นแสงสีเขียวที่หมุนไปมาเป็นวงกลม

และหมุนวนอย่างนั้นอยู่หลายนาที รู้สึกยาวนานเหมือนสิบปีทีเดียว กระทั่งเขาหมดความอดทน

“รีบๆ เชื่อมต่อสิวะ”

เมื่อสบถไปสองก๊อก หน้าจอก็กลับมาไลฟ์ตามเดิม แต่ก็เป็นเพียงห้างร้างเปล่าๆ ที่ไร้ผู้คนเท่านั้น ธามทศ วินิมัย รวมถึงพวกผีนั้นหายไปแล้ว

อะไรวะ รอดไปแล้วหรือ ธุพาณคิดในใจ ก่อนที่ร่างกายจะเริ่มเบาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

หัวใจเขาเต้นแรง มันคือความรู้สึกที่โหยหาพอควร ในหัวคิดอะไรออกมากกว่าเดิมหลายเท่าราวกับแสงแดดส่องหลังฝนซา

ธามทศทำสำเร็จแล้ว เขาหลุดพ้นจากพันธะทั้งสี่ในที่สุด

แต่ยังไม่ทันได้ดีใจโลดเต้น สมาร์ตโฟนก็ดังขึ้น เมื่อกดรับสายก็ได้ยินเสียงโหยหวนของใครสักคน เพราะฟังไม่ได้ศัพท์จึงรู้สึกหงุดหงิด พอดูชื่อผู้ติดต่อก็พบว่าเป็นหนึ่งในลูกค้าไลฟ์สด

เมื่อคุยไม่รู้เรื่องจึงกดวางสาย

จากนั้นจึงมีคนโทร.เข้ามาอีก พร้อมเสียงเตือนคอมเมนต์ที่หน้าจอโทรทัศน์ เมื่อกดเขาไปดูก็พบว่าความเห็นที่ถูกส่งเข้าระบบไลฟ์สดนั้นเป็นไปในทางเดียวกัน

ช่วยด้วย

มันมาแล้ว…

ได้โปรดเถอะ คุณดิวห์ ช่วยด้วย…

ไม่ช้าผีเปรตและผีสาวห่มเลือดก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูห้องทำงาน คำรามใส่บางสิ่งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามประตู

เขาดึงพวกมันกลับจากห้างนั้นแล้วก็จริง แต่ก็ไม่ได้เรียกมาใช้งานเสียหน่อย

อีกฝั่งของประตูห้อง เสียงเหมือนคนหมดแรงนั้นลอดเข้ามาอย่างน่าขนลุก ราวกับกระซิบอยู่ด้านหลัง “ทำไมนายไม่ดูคลิปที่ฉันส่งไปล่ะ”

…ที่แท้พวกผีมันมาเพราะกำลังเกิดเหตุร้ายกับตัวเขาเอง ธุพาณเข้าใจทุกอย่างแล้ว

เจ้าของเสียงคงเป็นชายหน้าซีดที่อยู่ในชุดฮูดสีดำ

มีชื่อว่าเดวิด…

ล็อกเอาต์เมื่อครู่คงทำให้คนดูทั้งหมดหลุดจากระบบ เมื่อทุกคนรีบร้อนเข้าใหม่ก็ถูกส่งไปยังลิงก์ของห้องแชตต้องสาปโดยไม่รู้ตัว

แตกต่างกับพวกผีของเขา เดวิดนั้นไปเยือนได้หลายที่พร้อมกัน

 

สิบนาทีก่อน

ดิวาห์ไม่ได้ติดตามข่าวคราวของธามทศและวินิมัยผ่านทางไลฟ์สด หากแต่นั่งบนเก้าอี้ไม้เตี้ยๆ เงียบงันตรงกลางระหว่างสี่เตียง หันหน้าไปยังโมนา ผู้เป็นคนเดียวที่เครื่องมือยังไม่ส่งสัญญาณระบุว่าฟื้นสติจากภวังค์ลึก

มือลูบไล้ที่หน้าผากหญิงสาว จำเสียงตอนที่เธอยังเป็นเด็กไม่ได้แล้ว ส่วนเสียงในวัยสาวนั้นพอจะเดาได้ หน้าตาของโมนาเมื่อเติบโตก็ไม่ได้ต่างจากที่คาดไว้สักเท่าไร

นั่งรอพักใหญ่ก็ได้ยิงเสียงกุกกัก เป็นตาเฒ่าเฟดนั่นเอง ชายชราถือถาดที่มีแก้วชาสีสวยมาวางบนโต๊ะที่ตั้งอยู่ข้างห้อง ผายมือเชื้อเชิญให้ดื่ม ดิวาห์ส่ายหน้าแล้วกล่าวขอบคุณ นั่งรออีกสองนาทีจึงมีเสียงดังปิ๊บ เป็นเสียงที่เคยได้ยินมาหลายครั้ง หันกลับไปมองทางโมนาก็พบว่าเจ้าของเสียงนั้นคือเครื่องมือพยาบาลสีขาวที่สูงประมาณเมตรครึ่ง สายของมันเชื่อมกับส่วนหัว แปะติดกับขมับหญิงสาวด้วยยางแบนๆ

โมนาฟื้นจากคำสาปแล้ว แต่เพราะอยู่ในสภาพนั้นมานาน การจะคืนสติจึงไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในทันที

‘พ่อหนุ่มธามทศทำสำเร็จสินะครับ’ น้ำเสียงของเฟดนั้นแทบจะลุกขึ้นปรบมือแล้ว “เอาละ ที่เหลือก็…”

เฟดเดินไปหยิบเข็มฉีดยาออกจากเก๊ะไม้บริเวณมุมห้อง เตรียมนำมาฉีดใส่เส้นเลือดของโมนา

ระหว่างที่ตาเฒ่าเดินยิ้มแย้มมาทางนี้ ดิวาห์ก็สูดหายใจลึก

ถึงเวลาของแผนสำรองแล้ว เขาลุกขึ้น หยิบปืนจากหลังกางเกงสีดำ ลั่นไกเข้าใส่หัวเข่าของมัน

ปัง! ตาเฒ่าร่วงลงไปร้องโหยหวน กุมเข่าอย่างกล้าๆ กลัวๆ

‘มันไม่ถึงตายหรอก’ เขากล่าว

จากนั้นจึงเดินไปยังเตียงของวิคเตอร์ หนุ่มผมทองนั้นนอนหายใจถี่เล็กน้อย แน่นอนว่าไม่ได้กำลังถูกทรมานในฝัน นั่นเพราะบัดนี้ผีสองตัวกำลังช่วยธุพาณจากเดวิดอย่างสุดชีวิตอยู่

พวกเราคือพี่น้อง พวกเราคือผองเพื่อน

เสียงเพลงที่ดิวาห์ฮัมในลำคอนั้นสั่นระรัวด้วยอารมณ์บอกไม่ถูก

ปัง! กระสุนพุ่งเข้าที่บริเวณขมับของวิคเตอร์ ปลายขานั้นกระตุกกึก เสียงอุปกรณ์การแพทย์เตือนดังปิ๊บ หัวใจหยุดเต้นไปแล้ว

หันไปทางซ้าย เป็นเตียงของเดช

กี่ยามกี่วัน กี่เดือน

ปัง! หัวใจของเดชนิ่งสนิทลง

และหากว่ามีวันไหน ที่ใจของเราสับสน

ปัง! คราวนี้เป็นของพรีม

 

แม้ธุพาณจะทำสัญญาใหม่กับพวกผีเปรตแล้ว การสังหารเด็กพวกนี้จะไม่ทำให้ของเข้าตัว แต่ก็ยังสามารถตัดอำนาจของมันลงไปได้ส่วนหนึ่ง ‘ธุพาณกับพวกผีจะไม่มีแรงพอสู้กับเดวิด’

อันที่จริงแล้ว…ทั้งหมดที่ทำก็เพื่อปลดปล่อยเหล่าน้องๆ ให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือของธุพาณเสียที

ต่อให้ธุพาณตาย แต่น้องๆ ทั้งสี่ก็ยังติดพันธะกับพวกผีอยู่ มีทางเดียวเท่านั้น…

เขาก้าวเดินช้าๆ ไปที่เตียงของโมนา

เดิมทีดิวาห์ต้องการสังหารธุพาณเพียงคนเดียว แต่วินิมัยยืนยันว่าจะไม่ร่วมมือ หากไม่ลากพวกลูกค้าในกลุ่มไลฟ์สดลงนรกไปด้วย

แน่นอนว่าเจ้าของแผนเชื่อมลิงก์แชตต้องสาปก็คือวินิมัยนั่นเอง

และสุดท้าย…ดิวาห์ไม่อาจร้องเพลงได้อีกต่อไป จ้องมองไปยังโมนา ลูบที่หัวแผ่วเบา กล่าวขอโทษกับธามทศอยู่ในใจ

ปัง!

หัวใจของโมนายังคงเต้นอยู่ ผู้ที่ถูกกระสุนฝังที่กลางหลังคือดิวาห์เอง

หันไปก็พบเฟดกำลังเล็งปืนมาทางเขา ยิงอีกสองนัด เข้าที่หัวไหล่และหน้าอก ร่างของดิวาห์หงายหลังลงกับพื้น

‘แดกชาใส่ยาเข้าไปก็ดีอยู่แล้ว’

มันหัวเราะ มืออีกข้างพยายามกดที่สมาร์ตโฟน คงตั้งใจจะติดต่อหาธุพาณ

พ่อเลี้ยงคงสั่งให้มันเก็บเขาสินะ ไม่แปลกใจเลยสักนิด โชคดีที่ตัดสินใจยิงก่อน…

“ธุพาณไม่รับสายหรอกครับ ถึงจะอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน แต่ก็หาเราไม่เจอแน่นอน” เขาพูดพร้อมกระอักของเหลวสีแดงออกมา

กระสุนทั้งสามไม่อาจหยุดยั้งดิวาห์ ในขณะที่ชายชราลดปืนลงแล้วเริ่มหอบจากการเสียเลือด ชายหนุ่มฝืนลุกขึ้น หันไปเล็งที่หัวของโมนา

ลั่นกระสุนนัดสุดท้าย พร้อมกับที่เฟดจะส่งกระสุนเข้าที่หัวของเขาเช่นกัน

 

ภาพมันซ้อนอยู่ข้างหัว ข้างหัวจริงๆ…ไม่ใช่ภาพในจินตนาการหรือการย้อนอดีต แต่มันเกิดขึ้นพร้อมกับสิ่งที่กำลังเห็นตรงหน้า ราวกับมีประสาทสัมผัสสองทางพร้อมกัน

หนึ่งคือไอ้หนุ่มที่น่าจะชื่อว่าเดวิด กำลังเดินทำหน้าสยองเข้าหาเขาพร้อมชะแลงในมือ ฟาดไปมากลางอากาศ พร้อมหัวเราะเสียงแหลมอย่างน่าหวาดผวา

สองคือภาพของลูกบาสเกตบอลที่กระดอนอยู่บนพื้น กระแทกและก็ขึ้นสูง จากนั้นก็ถูกส่งกระแทกแรงกว่าเดิม และก็ขึ้นไปสูงกว่าเดิมเช่นกัน คล้ายกับชีวิตของธุพาณเอง ขึ้นแล้วลง ขึ้นสูงกว่าแล้วก็ลงหนักกว่า

ธุพาณแสยะยิ้ม ร่วงหล่นครานี้จะทำให้ตนพุ่งขึ้นไปสู่จุดไหนกันหนอ จะสมปรารถนาที่ตั้งเป้าไว้หรือไม่ ต้องขอขอบคุณคนที่วางยาเขาจริงๆ

…น่าจะเป็นดิวาห์กับธามทศ หรือไม่ก็วินิมัย อย่างไรก็ตามแต่ มุกนี้ไม่เลวเลย

ยังไม่ทันกะพริบตา ประสาทก็สั่งการให้เห็นลูกบาสนั้นแปรภาพเป็นสิ่งอื่น กระดอนขึ้นลง เพ่งตาดูก็เห็นว่าเป็นหัวของธุพาณเอง

อีกด้านของชีวิต ชะแลงกำลังแหวกอากาศไปมา เขาหลบหลีกและเริ่มออกวิ่ง ถอดเสื้อสูทราคาแพงหล่นสู่พื้น พลางหัวเราะแข่งกับเดวิด

ธุพาณใช้แขนฉีกกระชากเดวิดออก ร่างของมันแยกเป็นสองส่วนท่ามกลางน้ำตกเลือด แต่เดวิดก็ยังปรากฏตัวเพิ่มมาเรื่อยๆ พร้อมโวยวายว่าเขาไม่ให้เกียรติพวกมัน

เดวิดคนที่ห้า เดวิดคนที่หกและเจ็ดค่อยๆ ทยอยกันออกมาจากประตูและหน้าต่าง เขาหนีไปเปิดประตูเข้าห้องที่เด็กๆ ทั้งสี่นอนอยู่ และพบว่าบนเตียงมีแต่เดวิดนอนเปลือยเลือดท่วมอย่างน่าสะพรึง ก่อนจะลุกขึ้นมาหาอย่างช้าๆ

ผีสองตัวปรากฏออกมาช่วยครู่หนึ่งก็ถูกเดวิดใช้ชะแลงกับเลื่อยไฟฟ้าหวดกระทั่งฉีกกลายเป็นชิ้นๆ

เพราะเคยถูกแทงด้วยมีดคัตเตอร์เชี่ยนั่น พวกมันจึงหวาดกลัวเดวิดมาตั้งแต่แรก และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ แหล่งพลังงานของผีทั้งสองดับไปกะทันหัน เขาสัมผัสได้ว่าเด็กทั้งสี่ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว และเมื่อตายไปด้วยสาเหตุอื่น พวกมันจึงเอาวิญญาณมาเป็นของตัวเองไม่ได้ ตัวธุพาณก็ไร้พลังลงเรื่อยๆ แทบจะกลายเป็นคนธรรมดาแล้ว

กฎที่ตราไว้มีแต่ช่องโหว่…สถานการณ์นี้มีแต่สิ้นหวังสินะ

เดวิดคนที่สิบ สิบเอ็ด

พอพุ่งสูงก็จะหล่นลงมาตามดวงชะตา

แต่ก็นั่นแหละ เขาจะกระดอนขึ้นไป…อีกครั้ง…

กูจะรอดไปให้ได้ นั่นคือสิ่งที่กูถนัดที่สุด



Don`t copy text!