ธามทศ ล่ากฎหลอน บทที่ 30 : รอดชีวิตเป็นครั้งแรก

ธามทศ ล่ากฎหลอน บทที่ 30 : รอดชีวิตเป็นครั้งแรก

โดย : ไข่เจียวหมูสับ

Loading

ธามทศ ล่ากฎหลอน โดย ไข่เจียวหมูสับ หรือ สรสิทธิ์ เลิศขจรสุข กับเรื่องราวของธามทศและเมืองสมมติที่เต็มไปด้วยกฎแปลกๆ ที่อันตรายถึงชีวิต เขาจะเอาชีวิตรอดจากกฎหลอนที่ว่าไหม ตัวแปรมากมายที่เข้ามาเกี่ยวข้องจะทำให้เขาต้องทิ้งลมหายใจในเมืองสมมติแห่งนี้หรือเปล่า อ่านนวนิยายออนไลน์จากอ่านเอาได้ใน anowl.co

หลังจากตายไปเจ็ดรอบ ธามทศก็สามารถรอดชีวิตในห้างนรกนี้ได้เกินหนึ่งชั่วโมงเป็นครั้งแรก ที่ทราบเวลาเพราะนาฬิกาข้อมือยังทำงานอยู่ แต่เมื่อมองออกไปนั้นก็พบว่าบรรยากาศภายนอกห้างนั้นไม่เปลี่ยนเลย

การเคลื่อนไหวของแมงมุมและเหล่าหุ่นโชว์นั้นเป็นแนวเดิม แทบไม่มีการเปลี่ยนรูปแบบ จะต่างไปแต่ละรอบก็เพียงความเร็วที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น

ขอเพียงจำรูปแบบได้ การจะไปถึงส่วนของพนักงานในแต่ละชั้นก็ไม่ยากเท่าไร…แต่สิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่ไม่ใช่พวกมัน แต่เป็นมือขนาดยักษ์ต่างหาก

มือที่เน่าเกือบเฟะมักจะปรากฏหลังจากเดินในบริเวณนั้นๆ นานเกินยี่สิบนาทีไปแล้ว และมันจะมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ทั้งจากด้านข้าง ด้านหลัง หรือแม้แต่ด้านบน สามครั้งหลังสุดเขาก็ตายเพราะถูกมันบี้ติดไปกับพื้น สัมผัสของปอดและกระเพาะที่แตกทะลุซี่โครงออกมายังตราตรึง

แทบไม่มีทางหลบมือเน่าๆ นั่นพ้นเลย ธามทศรู้สึกหนักใจ แต่ยังดีที่ก่อนตายคราวก่อน เขาไปถึงหน้าฝั่งพนักงานชั้นเจ็ดพอดี และพบว่าที่ชั้นนั้นลูกบิดไม่ถูกล็อกเอาไว้

ขอเพียงไปถึงชั้นเจ็ดได้อีกครั้ง เข้าไปในส่วนพนักงานได้แล้ว ที่เหลือไว้ค่อยคิด คิดแค่ว่าต้องไปถึงให้ได้ในชีวิตนี้เท่านั้น

เขาเริ่มเดินขึ้นบันไดเลื่อนจากชั้นใต้ดินอีกครั้ง เมื่อถึงชั้นหนึ่งก็พบว่าแมงมุมยักษ์ที่เร็วขึ้นกว่าเดิมกำลังก้าวเข้ามา จึงเร่งฝีเท้าขึ้นและหลบมันขึ้นมายังบันไดเลื่อนขาขึ้นอีกฝั่งได้สำเร็จ มันตัวใหญ่และหนักเกินจะตามขึ้นมาได้

ที่ชั้นสอง สาม และสี่ จะเต็มไปด้วยกองทัพหุ่นโชว์กระหายเลือด พวกมันเร็วมาตั้งแต่รอบแรก การหนีขึ้นบันไดเลื่อนมีแต่จะสะดุดและถูกมันรุมทึ้ง สิ่งที่ต้องทำคือวิ่งวนในชั้นที่พบพวกมันก่อน ปริมาณและรูปทรงที่ขยับได้แค่ตามข้อต่อซึ่งมีขีดจำกัดจะส่งผลให้พวกมันเริ่มชนกันเองและล้มเป็นขบวน จากนั้นค่อยวิ่งเหยียบพวกมันข้ามกลับไปยังบันไดเลื่อน กว่าจะทำแบบนี้ได้ก็ต้องสังเวยไปชีวิตหนึ่งเต็มๆ

ทำเช่นนี้ไปอีกสองชั้น และไม่ถึงสิบห้านาทีก็มาถึงชั้นห้า เป็นโซนเด็กเล็กและร้านอาหาร ธามทศไม่รีบร้อนก้าวขึ้นบันไดไปชั้นหก รอคอยให้พวกมันปรากฏตัวออกมา

ที่มุมอับของบันไดเลื่อน มีหุ่นโชว์เดินถือขวานอยู่สองตัว ค่อยๆ ก้าวย่างอย่างเก้กังจากเงามืด ส่วนด้านหลังของเขาคือแมงมุมยักษ์

มือขวารีบเขวี้ยงก่อนหินที่เก็บจากชั้นใต้ดินไปทางขวาอย่างสุดแรง ได้ผล ทั้งหุ่นสองตัวและแมงมุมต่างพุ่งที่ไปที่ก้อนหินนั่นแทน และเข้าชนกันสามตัว เกิดการตะลุมบอนกันขึ้น ขณะที่เขาก้าวขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ กว่าแมงมุมจะรู้ตัวว่าพลาด ก็ตามขึ้นบันไดมาไม่ได้แล้ว

ขาไม่ล้า ร่างกายไม่บาดเจ็บ เขามาถึงชั้นเจ็ดได้ตามแผน สองเท้ารีบวิ่งไปยังโซนของพนักงาน แต่เมื่อถึงระยะไม่กี่ก้าวก็เจอลูกบิด เงาทะมึนจากด้านบนก็ปรากฏขึ้นกระทันหัน มือยักษ์เชี่ยนั่นมันตระหง่านเหนือหัวเขา และตะปบลงมาอย่างไว

ธามทศรีบม้วนตัวหนี แต่ถูกปลายนิ้วถากเข้าที่กลางหลัง เสียงร้องจากปากดังกระทั่งแสบหู ได้แผลฉกรรจ์อย่างไม่ต้องสงสัย

ในขณะที่ดิ้นไปมากลางพื้นชั้นเจ็ด ไอ้มือนั่นก็คลานด้วยห้านิ้วเข้ามาหาช้าๆ ก่อนจะอ้านิ้วเตรียมตะครุบ ธามทศพยายามลุกขึ้น แต่แผลที่หลังส่งผลให้ช้าไปจังหวะหนึ่ง พอลุกขึ้นเตรียมวิ่ง มือนั่นก็เข้าถึงตัวเขาแล้ว

หลับตาปี๋ เตรียมตัวเริ่มใหม่อีกครั้ง แต่ทว่าผ่านไปครู่หนึ่งก็ยังไม่เจ็บปวดแสนสาหัสเหมือนคราวก่อน ลืมตาขึ้นดูจึงรู้การตะปบนั้นไม่เกิดขึ้น

นั่นเพราะผีสาวห่มเลือดนั้นกลายเป็นเหยื่อที่อยู่ในอุ้งมือยักษ์นั่นเสียเอง

‘ผมใช้ทรัพยากรทุกอย่างที่คุณธุพาณทิ้งไว้ให้เพื่อบริษัท’

คำกล่าวนี้ของดิวาห์หวนกลับมาอีกครั้ง เขาไม่ได้โกหก

พวกดิวาห์คงใช้โดรนในพื้นที่สวนแสงหวนรังด้วย ส่งผลให้ภาพในกล้องวงจรปิดของเฮลป์เปอร์ถูกสัญญาณรบกวนในบางครั้ง

“มีไฟล์จากฝ่ายไอทีในเมลของประธานด้วยครับ แจ้งเรื่องสัญญาณรบกวนไม่ทราบที่มา หรือว่าที่ท่านหายตัวไปก็เพราะรู้ตัวเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับธุพาณ บวกกับเรื่องของคุณอาเนีย คงส่งผลให้ประธานกลายเป็นภัยคุกคามใหญ่…” กานต์กล่าวขึ้นอย่างใจเย็น และเธอเองก็เห็นด้วย

“แค่คุณมัยสืบถึงตัวคุณอาเนียครู่เดียวก็ถูกผีร้ายเล่นงานเลย ทำไมประธานพินธาที่มีเบอร์นี้อยู่ถึงปลอดภัยมาตั้งนานล่ะ” ริลนาถามกานต์

“ทีแรก…ไลฟ์สดนี้คงเป็นไอเดียของดิวาห์ครับ ประธานคงสืบหาข่าวแล้วเก็บไว้ในกรณีฉุกเฉิน เพราะเป็นผลเสียต่อดิวาห์คนเดียว ผีร้ายจึงไม่ทำงาน หรือไม่ก็เพราะระหว่างนั้นธุพาณยังไม่ฟื้นก็เป็นได้

หากว่าไม่กี่วันก่อน พวกผีมันทำร้ายประธานเพราะสาเหตุพวกนั้น นั่นก็หมายความได้อย่างเดียว” เขาแอบเลียปาก ท่าทางลังเล “ถ้าผมคิดไม่ผิดนะ”

“ธุพาณน่าจะยึดกิจการไลฟ์สดพวกนี้ไปจากดิวาห์แล้ว” วินิมัยสรุปให้

แม้จะทรมานใจที่เห็นคนเริ่มทยอยตายกันไปเกือบหมด แต่วินิมัยก็ยังเลื่อนหน้าจอไปเรื่อยๆ หวังว่าจะเจอกับธามทศ กานต์กับริลนาที่เข้าใจความรู้สึกก็ไม่ได้เอ่ยห้าม ทว่าก็ไม่พบอะไร

“ไม่ไหว ไม่เจอเลย” ริลนายังแอบบ่นแทน

“แต่อย่างน้อย ถ้าเราเอาเรื่องนี้ไปบอกตำรวจ” วินิมัยพูดแล้วก็กัดปากตัวเอง ไม่ได้หรอก เรื่องพวกนี้กฎหมายจะจัดการอย่างไรเล่า

“คุณมัยครับ” กานต์เรียกแล้วชี้ไปที่มุมซ้ายล่างของจอ “ตรงเครื่องหมายรูปคน…มันมีแจ้งเตือนครับ”

ไอ้ระบบบ้าพวกนี้ช่างไม่เข้ากับเว็บวงจรปิดเอาเสียเลย วินิมัยบ่นแล้วคลิกเข้าไปที่ไอคอนรูปคน และมันคือหน้าจอสำหรับส่งข้อความโดยตรงระหว่างสมาชิกนั่นเอง

และบุคคลที่ทักเข้ามาในบัญชีของอาเนีย มีชื่อในระบบว่า ดิว

คุณวินิมัยใช่ไหมครับ

หรือว่าเป็นคุณกานต์ หรือทั้งคู่

ทั้งสามแทบตาถลน ไม่ใช่แค่ดิวาห์ติดต่อเข้ามา แต่ยังทราบอีกว่าเป็นพวกวินิมัย

ข้อความยังคงส่งมาเรื่อยๆ พร้อมเบอร์ติดต่อ

รบกวนโทรเข้ามาเบอร์นี้

เพื่อธามทศ และเพื่อตัวพวกคุณเอง…

 

สองชั่วโมงก่อน

‘หมายความว่ายังไงครับ’ ดิวาห์ถามกึ่งตะโกนใส่พ่อเลี้ยงที่กำลังนั่งเล่นมือถือบนโต๊ะทำงานที่เคยเป็นของซีอีโอคนก่อน ‘พ่อจะเปลี่ยนระบบของบริษัทในทันทีไม่ได้นะครับ เราเป็นบริษัทมหาชนที่ต้องอาศัยความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้น แถมยังมีขั้นตอนทางบัญชีอีก’

ธุพาณเรอออกมาเป็นกลิ่นของสดชวนคลื่นไส้ ‘ฉันจะทำอะไรก็ได้ อันที่จริงสู้ไม่ทำจะดีกว่า’ ว่าแล้วก็หัวเราะ ดิวาห์ไม่เข้าใจในคำตอบนั้นสักนิด

แต่แล้วก็มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้นจากมือถือของธุพาณ เขากดรับและเปิดสปีกเกอร์ และเสียงบ่นก่นด่าของหญิงวัยกลางคนก็ตะเบ็งออกมา

‘คุณสัญญาว่าเราจะได้ชมการล่าเหยื่อในกฎของห้างรูล แอนด์ รอส แล้วเมื่อไรจะได้ชมจริงๆ วะ ฉันจ่ายแพ็กเกจพรีเมียมไปแล้วนะ’ เสียงจากปลายสายฟังดูไม่พอใจ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยินคำถามแนวนี้ ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมามีคนคอมเพลนมาแล้วนับร้อย นั่นเพราะธุพาณไปสัญญาอะไรแปลกๆ แถมยังเรียกเก็บเงินล่วงหน้าไปแล้วอีกต่างหาก โดยไม่สนเลยว่าสัญญาณของโดรนนั้นไม่สามารถถ่ายทอดกฎหลอนได้ทุกที่หรอก

และนั่นรวมถึงกฎของห้างที่ธามทศกำลังเผชิญอยู่ด้วย

แต่ธุพาณไม่เคยสนเงื่อนไข แค่ต้องการให้ลูกน้องทำให้ได้ตามต้องการเท่านั้น

‘ให้เวลาเราสักหน่อย รับรองคุณจะได้ดูอย่างจุใจ ไม่น่าเกินยี่สิบสี่ชั่วโมงนี้’ ธุพาณกระแอม หยิบเตกีล่าขึ้นจรดปาก ซด วางแก้ว ดูดมะนาวที่ฝานเป็นแว่นเสียงดังจ๊วบ ‘เชื่อเถอะว่าดูวันหลังก็ไม่ต่างกันหรอก ผู้เล่นในคราวนี้จะติดอยู่ในนั้นไปตลอดกาล มีเวลาให้ดูอีกเยอะ’

คำว่าผู้เล่นนั้นหมายถึงธามทศ

‘ผมรู้ว่าคุณจ่ายแพง ลูกค้าวีไอพีชั้นดีอย่างนี้ผมต้องบริการสุดกำลังอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก ผมเองก็ลงทุนเอาลูกชายตัวเองไปเป็นผู้เล่นเชียวนา เชื่อขนมกินได้เลยว่าคุ้มค่าแก่การรอคอย เราเองก็โตๆ กันแล้ว ทำงานใหญ่มามาก ต้องรู้จักรอหน่อย’

เมื่อพูดจบก็วางสาย ธุพาณบ่นว่า ‘เบื่อการพูดซ้ำๆ ชะมัด รู้อย่างนี้ไม่เอางานส่วนนี้มาคุมเองดีกว่า’

‘เราไม่สามารถถ่ายทอดสดจากในห้องได้ พ่อก็รู้ และพวกวีไอพีหลายคนก็เป็นคู่ค้ากับคอนน์ รีเทลลิ่งด้วย ถ้าเราผิดสัญญา…’

‘ฉันรู้ว่าแกทำได้ หากต้องการจะทำ’

เขาแทบระเบิดกับท่าทีไม่รู้สึกรู้สา ‘ถ้าผมบอกว่าทำไม่ได้ล่ะ’ คำพูดนั้นจงใจให้ธุพาณโมโห เพราะตัวพ่อเลี้ยงเองก็อยากให้ธามทศทำสำเร็จก่อนครบสิบสองปีเช่นกัน เพื่อให้ร่างกายนั้นหลุดพ้นจากพันธนาการสุดท้าย

แต่ก็ไร้ผล เมื่อธุพาณยิ้มแฉ่งเหมือนคนวางแผนเอาไว้แล้ว

‘ก็แค่ส่งคนไปเชือดแม่งทิ้งก็เท่านั้น เงินฉันก็ได้มาแล้วจะกลัวอะไร อันที่จริงก็เหนื่อยกับการทำงานแล้ว ว่าจะเกษียณตัวเองเหมือนกัน’

ดิวาห์ร้องหา ตัวสั่นกึกเพราะเดาอะไรออก

‘ฉันก็จะขายหุ้นทั้งหมดที่เพิ่งได้มาจากคอนน์ รีเทลลิ่ง ทิ้งในราคาต่ำๆ รวมถึงบังคับให้ผู้ถือหุ้นฝ่ายของเราทำเช่นนั้นด้วย เงินน่ะไว้หาจากไลฟ์สดอย่างเดียวก็พอแล้ว ไม่อยากเอาเรื่องกิจการมาวุ่นอีก จริงสิ จะให้ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่าสามในสี่ลงมติเลิกกิจการก็ได้’

‘แล้วพวกพนักงานล่ะครับ พวกคู่ค้าของเราล่ะ’

ธุพาณลุกขึ้นแล้วเดินมาทางดิวาห์ที่กำลังซีดเผือด ตบไหล่ดังป้าบแล้วหัวเราะตัวงอ ‘ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นหรอกไอ้หนุ่มผมยาว ฉันไม่ทำอย่างนั้นหรอก’ ก่อนจะกระซิบข้างหู ‘แต่ก็ไม่แน่ หากแกยังเอาเรื่องคอนน์ รีเทลลิ่งมาปนกับไลฟ์สด และยังทำให้ฉันปวดหัวอีก ฉันจะจบทุกอย่างลงแล้วมีความสุขอยู่คนเดียว ช่างหัวกิจการ ช่างหัวลูกน้อง ขอให้มีเงินกับอำนาจและของกินสดๆ ก็พอแล้ว…ส่วนเรื่องของธามทศน่ะหรือ ถึงมันจะทำไม่สำเร็จ แต่สภาพร่างกายเท่าที่ฉันเป็นอยู่นี้ก็สุขสบายพอแล้วละ’

ดิวาห์ไม่กล้าหันไปมองหาธุพาณ รับรู้เลยว่าความเป็นมนุษย์และตรรกะเหตุผลเริ่มหายไปจากตัวพ่อเลี้ยงแล้ว น่าจะมาจากการถูกของเข้าตัวมานาน

‘เรื่องไลฟ์สดในห้อง ผมจะพยายามจัดการ แต่อีกเรื่องที่ต้องขอร้องพ่อ’ เขาเสียงสั่น หวาดกลัวเหมือนลูกนกตัวจ้อย ‘ธามทศเข้าไปเกินหนึ่งวันเต็มๆ แล้ว และยังไม่ออกมา ผีตนเดียวคงไม่พอจะช่วยให้เขารอด’

‘งั้นหรือ งั้นหรือ เลยจะหลอกให้ฉันส่งผีไปหมดสองตน จะได้ไม่มีอะไรไว้ป้องกันตัวจากการถูกลอบฆ่าใช่ไหม’

เขากลืนน้ำลายลงคอกับประโยคนั้น แต่ธุพาณดูหรรษากับท่าทีจึงเดินมาบีบที่หัวไหล่ ‘เอาสิลูกรัก ฉันส่งพวกมันไปครบสองตัวแล้ว ตอนนี้เปล่าเปลือยโทงเทงรอคนมาเชือดอยู่’

ไม่แน่ใจว่าอะไรจะสยองกว่ากัน ระหว่างรอยยิ้มที่เห็นเขี้ยวยาวราวกับแวมไพร์หรือดวงตาสีแดงก่ำคู่นั้น ต่อให้ไม่มีผีสองตัว ก็ไม่มีมนุษย์คนไหนสังหารธุพาณได้หรอก และที่ร้ายกว่านั้น เขาไม่คิดว่าแค่ผีสองตนจะเพียงพอที่จะช่วยให้ธามทศรอดออกมาได้ ลางสังหรณ์ครั้งนี้มันรุนแรงมาก

‘รีบไปทำหน้าที่ของแก ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ’

‘ผมจะรีบจัดการเรื่องไลฟ์สด’ เขากล่าวแล้วเดินออกจากห้องทำงานไป เสียงหัวเราะของผู้ชนะดังลั่นมาจากในห้องนั้น เพิ่งรู้สึกตัวว่ากำหมัดแน่นกระทั่งเลือดไหลซึมออกมาจากฝ่ามือบางๆ

แน่นอนว่าเขากับธามทศเคยคิดจะสังหารพ่อเลี้ยง ถึงขั้นรอเวลาที่ผีสองตนไปทำตามคำสั่งของธุพาณโดยตรง หรือไม่ก็ช่วงที่กำลังดูดกลืนความกลัวจากเหล่าน้องๆ เมื่อนั้นต่อให้มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นแต่พวกมันก็จะไม่ปรากฏตัวสักพัก

…แต่แผนทั้งหลายก็เหลวตั้งแต่ยังไม่เริ่ม หัวตันไปหมดเพราะอย่างน้อยก็เป็นพ่อตนเอง และแผนที่พอจะคิดออกก็ไม่น่าจะสำเร็จหรอก

 



Don`t copy text!