ธามทศ ล่ากฎหลอน บทที่ 25 : หวนคืน

ธามทศ ล่ากฎหลอน บทที่ 25 : หวนคืน

โดย : ไข่เจียวหมูสับ

Loading

ธามทศ ล่ากฎหลอน โดย ไข่เจียวหมูสับ หรือ สรสิทธิ์ เลิศขจรสุข กับเรื่องราวของธามทศและเมืองสมมติที่เต็มไปด้วยกฎแปลกๆ ที่อันตรายถึงชีวิต เขาจะเอาชีวิตรอดจากกฎหลอนที่ว่าไหม ตัวแปรมากมายที่เข้ามาเกี่ยวข้องจะทำให้เขาต้องทิ้งลมหายใจในเมืองสมมติแห่งนี้หรือเปล่า อ่านนวนิยายออนไลน์จากอ่านเอาได้ใน anowl.co

ฝันร้ายของธุพาณ คอนเนอร์ยังคงตามติดชิดกว่าเงามืด

ทีแรกเขาไม่ทราบหรอกว่าทำไมของจึงเข้าตัว ทำไมตนจึงลืมตาขึ้นมาในความมืดที่แสนอ้าวว้างและเงียบงัน ได้เพียงจินตนาการไปต่างๆ นานา

จงระวังไว้ ว่าหากเด็กที่พวกมันคอยดูดกลืนความกลัวนั้นเสียชีวิตหรืออยู่ในสภาพที่ไม่อาจรู้สึกถึงความกลัวได้ เช่น เสียสติโดยสิ้นเชิง หรือมีอาการปางตาย โดยมิใช่ผลจากพวกผีทั้งสอง นั่นเท่ากับว่าพวกมันจะเสียแหล่งอาหารไป และจะส่งผลให้พวกมันโกรธและทำร้ายตัวท่านอย่างน่าสยดสยอง

เด็กพวกนั้นตายห่าไปแล้วหรือ หรือว่าแค่เสียสติกันนะ

ไอ้พวกเวรที่พึ่งพาไม่ได้เอ๊ย แน่นอนว่าต้องเป็นฝีมือคนนอก แต่ใครกันที่กล้าปองร้ายคนดีอย่างธุพาณถึงขนาดนี้ หากเขาไม่อยู่สักคน พวกพนักงานจะอยู่กันได้อย่างไร ต้องรีบออกไป ต้องรีบออกไป

แต่ความพยายามนั้นก็ไร้ผล ช่วงเวลาที่ถูกจองจำในจิตนั้นทารุณ ในขณะเดียวกันก็ไม่อาจหลบหนี เขารับรู้ทุกสิ่งในห้วงแห่งทรมาน

ของที่เข้าตัวนั้นนำพานักธุรกิจชั้นแนวหน้าของโลกเข้าสู่วัยเยาว์อีกครั้ง ร่างของเยาวชนอายุเพียงห้าขวบกำลังนั่งมองพ่อและแม่ทะเลาะกันอย่างรุนแรงในห้องนั่งเล่น

ค่อยๆ ระลึกได้ว่าตนเกิดมาในช่วงที่พ่อแม่มั่งมี แต่พออายุครบครึ่งปี  ริชาร์ด คอนเนอร์ ผู้เป็นบิดาก็พ่ายแพ้ในสงครามธุรกิจ สินทรัพย์ออนไลน์อันไร้ตัวตนจากไปพร้อมเงินกว่าครึ่ง

เสียเงินนั้นยังพอทำใจและสร้างกลับคืนมาได้ แต่เสียหน้าและศักดิ์ศรีนั้นเกินทน เขาทะเลาะกับภรรยาชื่อ เนวา ต่างคนโยนความผิดใส่อีกฝ่ายอย่างไร้ซึ่งความรัก

‘คุณลงทุนไปทำไมกับที่ดินออนไลน์พวกนั้น’

‘แล้วทำไมคุณไม่ห้ามผม’

การโต้แย้งเริ่มเปลี่ยนเป็นหมัดเท้า และหัวเข็มขัด ทั้งหมดไม่ได้พุ่งใส่คู่ชีวิต แต่กลับพุ่งใส่ยอดอกและสีข้างของธุพาณในวัยเยาว์

และเมื่อหมอดูจอมปลอมทายทักว่าเขาเกิดมามีดวงที่จะหล่นร่วงยามขึ้นสูงสุด พ่อแม่จึงเชื่อและจงเกลียดจงชัง

ที่ผ่านมาเขาพยายามเป็นลูกที่ดี ทำผลการเรียนได้วิเศษกว่าเด็กทั่วไป ประหยัดอดออมและไม่เคยงอแง แต่นั่นไม่สำคัญกับพวกท่านสักนิด

ในเวลาต่อมา พินธา ปีศาจตัวน้อยหลุดไหลออกจากช่องคลอด มาพร้อมกับลาภนับร้อยล้าน ริชาร์ดและเนวากลับคืนสู่ความมั่งคั่ง ยกความดีชอบทั้งหมดให้กับน้องสาวที่ไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากส่งเสียงร้องอุแว้ อุแว้

ส่วนตัวเขาที่ตั้งใจเรียนและเป็นเด็กดีมาตลอด คือวายร้ายที่ฉุดดวงของทุกคนให้ตกต่ำ แม้เมื่อเติบใหญ่พอจะพิสูจน์ตัวเองถึงความสามารถและได้ตำแหน่งใหญ่โตในบริษัท แต่ก็ไม่เคยได้รับเครดิตอะไร ต่างกับพินธาที่นั่งเฉยๆ ก็ได้รับคำยกยอปอปั้น เพื่อนร่วมงานของพ่อแม่ก็ต่างเอ็นดูน้องสาวคนนี้

ธุพาณน้อยต้องใช้ชีวิตวัยเยาว์อันแสนทุกข์ทรมานซ้ำแล้วซ้ำเล่าแทบจะชั่วนิรันดร์ มันไม่เจ็บปวดเหมือนการถูกผีฉีกเนื้อหนัง แต่เจ็บในจุดที่เรียกว่าจิตวิญญาณ

 

อยากจะเริ่มใหม่ อยากจะทำสัญญาใหม่ มันมีกฎข้อนี้อยู่ กูเสนอสิ่งที่ยิ่งใหญ่และอร่อยเอร็ดกว่าความกลัวเล็กๆ น้อยๆ ของพวกเด็กๆ ได้นะ เขาพยายามจะบอกออกไป แต่พอคิดจะทำเช่นนั้น ก็พบว่าตนในวัยเยาว์ถูกโซ่ล่ามที่แขนขา ตาถูกบังคับให้เปิด ปากถูกอะไรบางอย่างมัดไว้ไม่ให้บอกกล่าวสิ่งใด

กระทั่งธามทศและดิวาห์จัดการเอาชนะกฎข้อแรกได้ ปากของธุพาณจึงเริ่มออกเสียงได้ นั่นแสดงว่าพวกเด็กไม่ได้ตาย แต่อาจอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถหวาดกลัวได้เท่านั้น และบัดนี้หนึ่งในพวกนั้นคงคืนสติกลับแล้ว ไม่เช่นนั้นตนคงยังเป็นใบ้อยู่ในโลกแห่งจิตนี้

เมื่อพูดได้ก็ต้องใช้ลิ้นให้เป็นประโยชน์สิวะ และอย่างที่เคยเป็นมาตลอด ลิ้นของเขานั้นมีสมองมากกว่าคนสิบคนรวมกันเสียอีก เส้นทางการทำสัญญากับผีสองตัวจึงราบรื่นราวกับโรยด้วยกลีบกุหลาบบนดวงจันทร์

ไม่ช้าธุพาณก็หวนคืนสู่โลกภายนอก ยังไม่สมบูรณ์ดี แต่อย่างน้อยก็ขยับตัวได้แล้ว เขากลับมาพร้อมคำสัญญาใหม่ คำสัญญาที่ควรจะตราไว้ตั้งนานแล้ว

‘ผีทั้งสองจะเป็นดั่งแขนขาและดวงตาของธุพาณ คอนเนอร์ ปกป้องจากภยันตรายถึงชีวิต แลกกับการที่เขาจะหาทางให้พวกมันได้รับความกลัวและความทรมานจากเด็กผู้ทำสัญญามากกว่าเก่า จะทรมานถึงขั้นสาหัสหรือเสียชีวิตก็สุดแล้วแต่

และเมื่อเด็กผู้สัญญานั้นเสียชีวิตจากน้ำมือของผีทั้งสอง ไม่ว่าตนไหนจะเป็นผู้ลงมือก็ตาม พวกมันจะได้วิญญาณของเด็กคนนั้นเป็นของขวัญ จะฉีกกินหรือยึดครองดวงวิญญาณนั้นอย่างไรก็ได้ตามสะดวก

แต่หากเด็กคนดังกล่าวเสียชีวิตจากปัจจัยอื่น ไม่ถือว่าเป็นการผิดสัญญาแต่อย่างใด และไม่ส่งผลให้ของเข้าตัวแม้แต่น้อย

ความกลัวที่มันได้รับจากวินิมัยกับธามทศเพียงสองคนคงทำให้หิวโหยมาโดยตลอด พวกมันจึงรับคำสัญญานี้ทันที ที่จริงอยากจะตรากฎให้ง่ายกว่านี้ แต่ก็ไม่ไหว กฎที่ไม่สมดุลเกินไปจะไม่บังเกิดผล

แม้พันธะเดิมยังคงผูกมัด ร่างกายจะยังไม่รับอิสระ แต่ที่ต้องทำก็แค่รอให้ธามทศกับดิวาห์ช่วยกันเอาชนะกฎให้ครบสี่ เขาจะได้ใช้พลังที่ได้รับอย่างเต็มที่ ใช้พวกผีดั่งแขนขาได้อย่างอิสระกว่านี้

ต่อให้ธามทศรู้เรื่อง ‘กฎใหม่’ นี้ มันก็คงไม่กล้าให้เพื่อนวัยเยาว์นอนนิ่งไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดไปตลอด และคงเต็มใจให้โดนทรมานทั้งที่ยังมีชีวิตเสียดีกว่า ดิวาห์เองเขาก็กำชับไม่ให้บอกรายละเอียดธามทศมากเกินไป และเมื่อทุกอย่างจบลง ก็แค่เก็บธามทศกับวินิมัยทิ้ง เล่นให้สาหัสแล้วจับวางยาให้ผีเปรตกินความกลัวไปตลอดชีวิตก็พอ

และหากเหตุผลที่วินิมัยถูกผีสองตัวตามหลอกหลอนเป็นจริงตามที่ดิวาห์เคยอธิบาย ก็ยิ่งเป็นเรื่องดีสำหรับเขา

วันเวลาแห่งความสุขกำลังจะมาถึงแล้ว ต่อให้พวกมันคิดสู้ก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อถึงคราวฉุกเฉินถึงตาย ผีทั้งสองจะทิ้งทุกอย่างและมาปกป้องเขาแน่นอน ว่าแล้วธุพาณก็รู้สึกตื่นเต้นและตื่นตันในอัจฉริยภาพของตนเอง

ธุพาณอนุญาตให้ตัวเองพักผ่อนจากเรื่องของน้องสาวชั่วคราว นั่งจิบน้ำเมารสโปรดภายในห้องส่วนตัวบนบ้านแห่งความรัก พลางกวักมือเรียกลูกชายผู้จะได้รับสืบทอดทุกอย่าง

“ผมอายุยี่สิบสามแล้วนะครับ” ดิวาห์ทำท่าลังเล

ธุพาณเคาะที่เข่า เงยหน้ามองดิวาห์ที่ยืนหลังตรงเกือบสุดมุมห้อง กวักมือให้มาตรงที่นั่งอีกครั้ง “ตามกฎหมายสากล เยาวชนคืออายุต่ำกว่ายี่สิบสี่ แกยังถือว่าเด็กอยู่สำหรับฉัน”

ลูกเลี้ยงคนโตจากล็อตล่าสุดได้ยินแล้วเดินเข้ามา คุกเข่าลงข้างเก้าอี้สีทอง เขาลูบที่หัวดิวาห์เบาๆ เป็นรางวัลที่มันคุ้นเคย ห้องนี้เคยเป็นที่ทำงานของมัน บัดนี้คืนกลับมาให้พ่อที่แสนดีอย่างเขาแล้ว ใช้เวลาปรับตัวเล็กน้อยก็คุ้นชินกับงานที่มันจัดการไว้ให้

“แอบภูมิใจนะ ในช่วงที่ไม่อยู่ แกชั่วได้มากกว่าที่ฉันเป็นเสียอีก”

ดิวาห์อึกอัก แต่เขาเอ่ยปลอบมัน “ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าแกต้องทำเรื่องบัดซบมากมายเพื่อปกป้องอาณาจักร มันไม่ใช่ความผิดของแกหรอก อันที่จริงเป็นความผิดของพินธาและธามทศ และก็ไอ้ตาเฒ่าเฟดที่ดูแลบ้านไม่ได้เรื่อง”

“นอกจากสิทธิ์ในบอร์ดบริหารแล้ว ตาแก่นั่นยังรู้อะไรอีกเยอะ จะเก็บมันก็ได้นะครับ”

ธุพาณส่ายมือ “ในช่วงที่แกยังเด็ก ก็ยืมใช้ชื่อของมันในการบริหารจากเบื้องหลังไม่ใช่หรือ เอาน่า อย่าใจร้ายกับคนแก่นักเลย”

มืออีกข้างหยิบเนื้อไก่ดิบเข้าปาก กลืนเข้าไปโดยไม่เคี้ยว

พ่อแม่เข้าใจผิด เขาอาจจะตกต่ำลงทุกครั้งที่พุ่งสูง แต่เขาก็จะเด้งกลับขึ้นไป สูงขึ้น สูงขึ้น…ยิ่งเสี่ยง ยิ่งได้ผลตอบแทนสูง ยิ่งมีจุดอ่อน ยิ่งสร้างรอยแผล และทุกรอยแผล คือฐานสู่ความยิ่งใหญ่

เหมือนกับตอนนั้นในป่าลึก ตัวเขาก็รอดมาได้แม้จะใกล้ตายก็ตาม

“เรื่องยาที่ต้องฉีดใส่พวกเด็กๆ ล่ะ”

“เตรียมไว้แล้วครับ มีเหลือเฟือไปอีกนาน ถ้าลดเกินครึ่งจะทำการสั่งเพิ่ม”

“ดี” ธุพาณครางในลำคอ และบรรจงกัดเนื้อไก่ต่อ

“รู้ใช่ไหมว่าทำไมถึงยังไม่ฆ่าอีน้องสาวของฉัน”

“รู้ครับ”

เมื่อกำลังคุยกันอย่างออกรส มือถือที่วางบนโต๊ะก็สั่น เป็นตาเฒ่าเฟดที่โทร.เข้ามา เขาคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของพินธาที่สลบอยู่ในอีกสามห้องถัดไป

แต่เมื่อกดเปิดลำโพง ก็ได้ยินเสียงที่ดุดันของธามทศ กล่าวว่า ‘กำลังจะไปหา’

 

“ผมไม่ยิงคุณหรอก อย่างน้อยคุณก็ทำงานกับพ่อเลี้ยงมานาน แต่อาจเปลี่ยนใจถ้าคุณยังปิดปากเงียบอยู่อย่างนี้”

เมื่อถูกปืนพกเงาวับจ่อที่ขมับ ตาเฒ่าเฟดทำหน้านิ่ง แต่เขาทราบว่าที่จริงเหงื่อกำลังท่วมชุดสูทสไตล์พ่อบ้านอยู่ พอทำท่าจะเหนี่ยวไกมันก็เริ่มตัวสั่นงันงก ปลายนิ้วกระตุกพลางขยับชี้ไปที่ประตูบานสีดำด้านขวามือ ปากหงึกๆ บอกรหัสง่ายๆ จำนวนหกตัว

ธามทศไม่ออกแรงที่ไกปืน ผละเดินไปที่หน้าประตูนั่น กดรหัสแล้วก้าวเดินเข้าไป ก่อนจะลังเล…มองย้อนกลับมาทางเดิม เลยจากตาเฒ่าที่สั่นกลัว มีเตียงทั้งสี่ที่พี่น้องปลอมๆ นอนทอดกายนิ่งอยู่ และหนึ่งในนั้นยังมีคนที่เขาไม่ได้คิดเพียงแค่พี่น้องด้วย

บัดนี้ทุกคนอยู่ในสภาพยิ่งกว่าตายเพราะตัวเขาเอง

เมื่อกลั้นใจเดินไปด้านหลังประตู ก็พบทางเดินยาวปูพรมที่ย้อมด้วยสีแดงคล้ายเลือดตัวอะไรสักอย่าง เป็นการย้อมอย่างลวกๆ และยังไม่แห้ง เดินแต่ละก้าวราวกับเลือดจะซึมเปรอะมาที่รองเท้ากีฬาสีขาว

อีกฟากเป็นทางแยก เขาเดินไปทางขวามือ สุดทางคือประตูสีเดียวกันกับที่เข้ามา

ไม่ต้องรอรหัสหรอก เตะเปรี้ยงเดียวประตูก็เปิดออก ภายในนั้นเห็นธุพาณที่สวมชุดนอนผ้าไหมแดง กำลังนั่งจิบไวน์ขาวอยู่บนโต๊ะยาวปูผ้าสีเทาเงาวับ บนโต๊ะมีปลาและไก่สดจานใหญ่ จำได้ว่าห้องทำงานนี้ปรับการใช้งานไปมาได้อย่างอเนกประสงค์

บอดี้การ์ดร่างบึ้กในชุดเสื้อยืดสีดำสองคนเดินเข้ามาจากซ้ายขวา คนหนึ่งยกปืนขึ้นจ่อมาทางนี้ด้วยมือข้างเดียว

ลั่นไก แต่ไม่โดน

นั่นเพราะธามทศเอี้ยวหัวหลบฉาก กระสุนเฉียดใบหูซ้าย ก่อนจะเตะเข้าที่ชายโครงชายเสื้อดำ

ไม่มีนัดต่อไป มันกุมท้องอยู่กับพื้น อีกคนฉายแววตกใจ มีปืนในมือแต่กลับสั่นเป็นเจ้าเข้า ก่อนจะยกมาเล็งแบบเงอะงะ ท่าทางจะถูกบังคับมาทำหน้าที่

และแล้วมันก็ตัดสินใจจะยิง แต่ธามทศคว้าปืนจากกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ต แล้วยิงที่หัวไหล่ ร่างหนาลงไปนอนกองกับเพื่อนมันในเวลาไม่กี่วินาที

ธุพาณไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย

“สวัสดียามบ่ายนะฤทธิ์ ไม่ได้เจอกันเสียนาน ที่ผ่านมามีแต่คุยกันผ่านดิวาห์” มันทำท่าไม่ยี่หระ “ว่าแต่เล่นทักทายกันอย่างนี้เลยหรือ”

“พวกนี้จ้างมาแค่พอเป็นพิธีหรือครับ”

ธุพาณหัวเราะกับคำถาม คว้าเนื้อปลาสีขาวเข้าปากด้วยมือ แล้วกลืนดังเอื้อก

“มาวันนี้เพราะจะคุยเรื่องยาที่ใช้กับพวกโมนาใช่ไหม” มันยืนขึ้นมองหน้า “ใครบอกเรื่องนี้กับแกล่ะ ดิวาห์ หรือเฟด”

“พี่ดิวห์ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ แต่พอเดาได้ เลยมาถามจากเฟด…”

“แล้วมันตอบว่าอย่างไรล่ะ”

ธุพาณเย้า ส่วนเขามองรอบห้องแต่ไม่พบดิวาห์

“พ่อวางยาเด็กคนที่ฟื้นขึ้นมาแล้วทั้งสองคน เพื่อให้พวกเขาอยู่ในสภาพหลับฝันร้าย เพื่อให้พวกผีเข้าฝันไปหลอกได้สะดวกขึ้น หวาดกลัวมากขึ้น”

คราวนี้ธุพาณส่ายหัว ทำท่าเหมือนกำลังสอนลูกโง่ๆ

“ผิดแล้ว…ที่วางยาน่ะ ตอนนี้มีทั้งหมดสามคน คนที่สามเพิ่งฟื้นขึ้นมาจากกฎลิฟต์ประตูสนิมเมื่อไม่นานมานี้เอง” มันกระดกเครื่องดื่มสีใสซ่าหมดแก้ว ก่อนจะว่าต่ออย่างกับสอนเลกเชอร์ “ยาพวกนี้ยังมีฤทธิ์ในการคุมสารเคมีในสมองมิให้เตลิดกระทั่งเสียสติ พร้อมทั้งทำให้เกิดความหวาดกลัวแม้กระทั่งเวลาหลับ เป็นอาหารชั้นดีเลิศสำหรับพวกผีสองตัว บวกกับทุกครั้งที่พวกมันดูดกลืนความกลัว วิญญาณของสี่คนนั้นจะถูกแดกเข้าไปด้วยทีละน้อยๆ”

พอธามทศหน้าถอดสี ธุพาณก็ร่ายเรื่องร้ายๆ ต่ออย่างสะใจ

“พวกผีเปรตจะยิ่งทรงพลัง เดิมทีที่ทำได้เพียงตอดเล็กตอดน้อยเพื่อกินความกลัวไปวันๆ คราวนี้มีตัวตนพอจะบีบหรือหักคอคนได้ ในทางกลับกัน ฉันก็ควบคุมพวกมันได้คล่องขึ้นไม่ต่างกับแขนขา ต้องขอบคุณแกจริงๆ ที่ช่วยให้ฉันตัดสินใจเรื่องที่ควรทำได้

และต่อให้พวกที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาเสือกตายหรืออยู่ในสภาพไม่อาจรู้สึกอะไรได้อีกรอบ ผลร้ายก็จะมาไม่ถึงตัวฉันเหมือนคราวก่อน นั่นหมายความว่าตราบใดที่ฉันไม่อนุญาต เด็กพวกนั้นก็จะไม่มีวันหลุดพ้นจากกฎนี้”

เทเพิ่มและลิ้มรสไวน์หมดไปอีกแก้ว จากนั้นจึงมองยั่วมาที่เขา

“ทั้งหมดเพื่อล้างแค้นผมใช่ไหมครับ”

“หึ” เสียงหัวเราะในลำคอยังน่ารำคาญดังเช่นที่จำได้ไม่ผิด “ไม่มีใครสนใจแกขนาดนั้นหรอก จริงอยู่ที่สาเหตุส่วนหนึ่งมันมาจากแก แต่ฉันก็ไม่โง่พอจะโทษได้ลงคอหรอก คนโง่ๆ อย่างแกก็แค่ถูกน้องสาวโง่ๆ ของฉันหลอกและติดกับอย่างไร้ความคิด รู้ไว้เสียว่าแกมันโง่เกินกว่าที่ฉันจะโกรธได้ลงเสียอีก”

ธุพาณลุกขึ้นจ้องหน้าลูกชายที่ไม่เคยรัก “ที่ทำไปตอนนี้ก็เพื่อความยิ่งใหญ่ และเมื่อถึงเวลา ฉันก็จะเอาเฮลป์เปอร์มาใช้งานเล่น เหมือนที่น้องสาวทำกับกระดาษแห่งกฎของฉัน…และไม่ต้องห่วง ฉันจะดูแลวินิมัยเป็นอย่างดีเอง ฉันจะ…”

ธามทศไม่รอกล่าวจบก็เล็งปืนไปที่ธุพาณ ลั่นไกไปที่ส่วนหัว

แต่กระสุนไปไม่ถึงเป้าหมาย มันค้างกลางอากาศ นั่นเพราะผีเปรตปรากฎตัวออกมาบัง ดูท่าพอเป็นเรื่องคอขาดบาดตายระยะประชิด พวกมันจะเร็วเป็นพิเศษ

เขาปามีดคัตเตอร์ปักที่อกมัน คราวนี้ลงไปกองร้องอย่างน่าเวทนา เสียงเหมือนอะไรสักอย่างที่ถูกถลกหนังทั้งเป็น

ผีสาวอยู่ที่มุมห้องคงหวาดกลัวมีดคัตเตอร์นี้มาก ถึงกับตัวสั่นไม่กล้าขยับ เขาก้มลงดึงมีดออกจากอกของผีเปรต เลือดและหนองกระเซ็นเข้าหน้าและดวงตา ก่อนจะยืนตรงแล้วใช้มืออีกข้างเล็งยิงธุพาณอีกครั้ง

ปัง! กระสุนเข้ากลางหัว

ปัง! กระสุนเข้าที่อก เยื้องไปทางซ้าย

ไม่มีนัดที่สาม นั่นเพราะธุพาณยิ้มแสยะยาวถึงใบหู แผลที่หัวและอกค่อยๆ สมาน ก่อนจะเดินเข้ามาหาอย่างช้าๆ ทว่าเพียงพริบตาก็มาถึงตรงหน้าแล้ว ไม่มีเวลาจะขยับคัตเตอร์ด้วยซ้ำ

ธามทศที่รู้ว่าไม่มีทางหนีจึงยืนนิ่ง ก่อนจะถูกมันตบหน้าหันร่วงไปกองกับพื้น ส่วนฟันกรามหลุดกระเด็นไปโดนกำแพง มีดหล่นกระเด็นไปไกลแล้ว

จากนั้นจึงถูกธุพาณยกหัวขึ้นด้วยมือข้างเดียว ตาแทบจะถลนออกมาจากแรงบีบ ความเจ็บปวดกระจายไปทั้งร่าง เขาหวีดร้องออกมาอย่างหมดมาด

“ถ้ามึงไม่ต้องไปทำภารกิจที่เหลืออยู่ กูคงไม่ปล่อยเอาไว้”

“ฆ่ากูสิ แล้วหาคนมาทำสัญญาแทน” นั่นคือสิ่งที่คิดแต่ไม่อาจพูดออกมาเป็นภาษาได้ มืออีกข้างของมันบีบมาที่ปาก เสียงกรามลั่นกร๊อบ “หาเด็กมาทำสัญญาใหม่ตอนนี้ก็คงไม่ทัน ต้องรบกวนมึงแล้วละ” จากนั้นสะบัดมือ ขว้างร่างเขาลงกระแทกพื้น

ธุพาณจัดแจงเสื้อของตนให้เข้าที่ ยิ้มออกมาอย่างปรานีมีเมตตา

“จำไว้ว่าที่พวกเฮลปเปอร์ยังไม่วอดวาย ก็เพราะผลงานที่ผ่านมาของมึง และอีกอย่าง…จงสำนึกไว้ว่าที่มึงยังมีชีวิตอยู่ นั่นเพราะช่วงที่กูโคม่า…มึงอุตส่าห์ไม่ตามมาซ้ำ จงถือเสียว่าที่หายใจอยู่ตอนนี้เป็นรางวัลตอบแทนจากกูก็แล้วกัน”

ธามทศที่ลุกไม่ขึ้นได้แต่หัวเราะแล้วสบถคำหยาบคายในใจ

ไม่ช้าเขาก็ถูกลูกกระจ๊อกของธุพาณลากมาทิ้งที่หน้าบ้านแห่งความรักพร้อมมีดคัตเตอร์และปืน เจ็บปวดทรมานแทบจะสิ้นสติ แต่ยังมีบางอย่างที่โคตรจะสงสัย ตัวไอ้ธุพาณกลายมาเป็นอมตะเช่นนี้ได้อย่างไรกัน

การถูกของเข้าตัวจะส่งผลให้ร่างกายกลายเป็นอย่างนี้งั้นหรือ…

เสียงเตือนจากสมารต์วอชดังขึ้น วันนี้คือวันที่ ๑๔ ธันวา

ธามทศเอาสองมือกุมหน้าทั้งที่ยังนอนบนพื้น วันที่เขาเขียนกฎสำหรับผู้ยังไม่บรรลุนิติภาวะคือวันที่ ๑๙ ธันวาคม

เหลืออีกแค่ห้าวันก่อนจะครบสิบสองปีที่เขียนกฎ หากเลยจากนี้ โมนา…เด็กน้อยคนสุดท้ายจะไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีก

ไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นแล้ว

 



Don`t copy text!