พิมล กาฬสีห์

พิมล กาฬสีห์

โดย : พงศกร

Loading

อ่านคลาสสิก โดย พงศกร อีกหนึ่งคอลัมน์ที่อ่านเอาภูมิใจนำเสนอกับการถ่ายทอดเรื่องราวของนักเขียนรุ่นเก่า ซึ่งมีผลงานเป็นตำนานและหาอ่านได้ยากยิ่งในยุคปัจจุบัน  เพื่อให้นักอ่านที่รักทุกเพศวัยจะได้สัมผัสกับความลึกซึ้งของงานเขียนและได้รับรู้เรื่องราวดีๆ มากมายในแวดวงวรรณกรรม

หากหนูนิด หนูไก่ หนูหน่อยและหนูแจ๋วเป็นคนจริงๆ วันนี้พวกเขาน่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่า 50 ปีแล้ว

เหมือนกับนักอ่านรุ่นเยาว์ในวันนั้น ที่พากันแก่ตัวไปตามๆ กัน

แต่เพราะหนูนิด หนูไก่ หนูหน่อยและหนูแจ๋ว เป็นเพียงคาแรกเตอร์การ์ตูนในนิตยสารสำหรับเด็กที่ชื่อ ‘ตุ๊กตา’ ถึงวันนี้ สี่พี่น้องก็ยังคงเป็นเด็กและอมตะอยู่ในใจนักอ่านไม่เปลี่ยนแปลง

หนูนิดเป็นพี่คนโต บุคลิกกล้าหาญ แก่น ทะโมนตามประสาเด็กชาย เขาจะมีหนังสติ๊กอันหนึ่งพกติดตัวเสมอ หนูไก่เป็นพี่คนรอง เธอเป็นเด็กที่มีความสุขุมรอบคอบช่างคิด เอกลักษณ์ของหนูไก่คือเธอจะผูกโบขนาดใหญ่ ส่วนหนูหน่อยนั้นเป็นคนร่าเริง ออกจะบุ่มบ่าม ลุยๆ ทอมๆ หนูหน่อยจะสวมกางเกงยีนส์และไว้ผมทรงน้ำพุ ส่วนหนูแจ๋วน้องสุดท้องนั้นไม่เหมือนใคร เพราะเธอจะมาพร้อมกับคาแรกเตอร์ที่ผู้คนจดจำ คือผมทรงหญ้าแพรก สวมกระโปรงลายจุด และเวลาพูดอะไรมักจะเริ่มต้นประโยคด้วยคำว่า ‘ฮึ’ ทุกครั้ง จนได้รับสมญานามว่า หนูแจ๋วจอมฮึ

พี่น้องทั้งสี่มีเรื่องราวโลดโผน โศกซึ้ง ตื่นเต้น ผจญภัย ให้นักอ่านได้ติดตามในนิตยสาร ตุ๊กตา กันอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี

นอกจากตัวละครหลักทั้งสี่ ในการ์ตูน ตุ๊กตา ยังมีตัวละครสำคัญอีกหลายตัว ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ของเด็กๆ, เด็กชายอั๊นและเด็กชายเอี๊ยงแห่งแก๊งจอมเกเรที่ชอบหาเรื่องกับเด็กอื่นๆ เป็นประจำ, ลุงอ้วน เพื่อนบ้านที่ชอบโผล่มาอย่างผิดจังหวะเสมอๆ, หนูลูกกวาดคนสวย ที่เป็นหวานใจของหนูนิด และที่ขาดไม่ได้คือเจ้าด่างและนังเหมียว สุนัขและแมวแสนรู้ประจำบ้าน

การ์ตูน ตุ๊กตา เป็นผลงานของ พิมล กาฬสีห์

พิมลเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2468 ปีสุดท้ายในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว คุณปู่ของพิมลเป็นชาวอิตาลีที่เดินทางมารับราชการทหารในสมัยรัชกาลที่ 5 มีนามสกุลว่า Gallassi ต่อมาเมื่อชาวไทยมีนามสกุล จึงได้ใช้เป็นนามสกุลไทยว่ากาฬสีห์

เมื่อพิมลอายุได้ 12 ปี บิดาของเขาเดินทางไปอิตาลีกับปู่ ฝากพิมลไว้กับ อาจารย์ศิลป์ พีระศรี พิมลเข้าเรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญ และจบการศึกษาที่โรงเรียนเพาะช่าง หลังเรียนจบพิมลเริ่มทำงานวาดภาพประกอบให้กับหนังสือพิมพ์ สยามสมัย แสนสุข ชาวกรุง และ สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ โดยใช้นามแฝงว่า ‘ตุ๊กตา’

ต่อมาพิมลได้เริ่มทำหนังสือเป็นของตัวเอง ชื่อนิตยสาร ตุ๊กตา เน้นเนื้อหาเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน ในเล่มนอกจากการ์ตูนเรื่องยาวแล้ว ภายในเล่มยังมีเรื่องสั้นและนวนิยายที่น่าสนใจมากมาย

ความโด่งดังของการ์ตูน ตุ๊กตา มีมากขนาดสถานีโทรทัศน์ช่องสามนำไปผลิตเป็นละครชุดตุ๊กตา ฉายในช่วงเกือบสามสิบปีก่อน ดาราที่เล่นเป็นหนูไก่ตอนนั้นคือ ขวัญฤดี กลมกล่อม และ จ๋า ยศสินี รับบทเป็นหนูหน่อย ละครประสบความสำเร็จไม่ใช่น้อย

นิยายภาพหลายเรื่องที่พิมลแต่งขึ้นมาเอง อย่างเช่น ห้องสีชมพู ก็ได้ถูกนำไปสร้างเป็นละครมาแล้วเช่นกัน กล่าวกันได้ว่าในเวลานั้นไม่มีเด็กคนไหนไม่รู้จักการ์ตูน ตุ๊กตา

พิมลเป็นคนทันสมัยมาก การ์ตูนตุ๊กตาไม่ได้มีแค่เด็กๆ บนปกเท่านั้น แต่ดาราและคนดังในเวลานั้นได้มีโอกาสขึ้นปกตุ๊กตาและร่วมแสดงบทบาทในการ์ตูนมาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น พิศมัย วิไลศักดิ์, มาร์ลอน แบรนโด, ภาวนา ชนะจิตร และอีกมากมายหลายท่าน พิมลจับเขาเหล่านั้นมาขึ้นปกและวาดภาพร่วมอยู่ในเล่ม นับเป็นการ์ตูนไทยเพียงเล่มเดียวที่ทำแบบนั้น นับเป็นบุคลิกอันโดดเด่นไม่มีการ์ตูนเล่มไหนทำได้เหมือน

แต่โลกของเราก็มีวัฏจักรอันเป็นธรรมชาติของสรรพสิ่ง เมื่อการ์ตูน ตุ๊กตา ผ่านช่วงรุ่งเรืองถึงขีดสุด ก็มาถึงช่วงเวลาที่ตกต่ำที่สุด เมื่อปี พ.ศ. 2509 พิมลตกเป็นข่าวเสียหายเชิงชู้สาว และถูกศาลตัดสินจำคุก เขาเปลี่ยนชื่อใหม่จากพิมล เป็นพิมน และการ์ตูนตุ๊กตาก็สะดุดไปพักหนึ่งก่อนจะกลับมาวางจำหน่ายเหมือนเดิม

พิมลมีลูกสองคนคือหนูไก่และหนูหน่อย หนูนิดกับหนูแจ๋วนั้นไม่มีตัวจริง เป็นเพียงตัวละครที่พิมลจินตนาการขึ้นมาเท่านั้น

การ์ตูนตุ๊กตายุติการวาแผงลงเมื่อสุขภาพของพิมลเริ่มไม่ดี ประกอบกับการเข้ามาของการ์ตูนญี่ปุ่น ทำให้ความนิยมของการ์ตูนไทยลดลงไปอย่างน่าใจหาย

และในวันนี้ ถึงแม้ว่า พิมล กาฬสีห์ ได้จากไปนานหลายปีแล้ว เขาทิ้งการ์ตูน ตุ๊กตา หนูนิด หนูไก่ หนูหน่อยและหนูแจ๋วให้เป็นอมตะอยู่เหนือกาลเวลา

 

หมายเหตุ – ขอขอบคุณเจ้าของภาพทั้งหมดที่นำมาประกอบในบทความนี้

Don`t copy text!