มากาเร็ต มิตเชลล์
โดย : พงศกร
อ่านคลาสสิก โดย พงศกร อีกหนึ่งคอลัมน์ที่อ่านเอาภูมิใจนำเสนอกับการถ่ายทอดเรื่องราวของนักเขียนรุ่นเก่า ซึ่งมีผลงานเป็นตำนานและหาอ่านได้ยากยิ่งในยุคปัจจุบัน เพื่อให้นักอ่านที่รักทุกเพศวัยจะได้สัมผัสกับความลึกซึ้งของงานเขียนและได้รับรู้เรื่องราวดีๆ มากมายในแวดวงวรรณกรรม
*************************
“เถอะน่ะ… แล้วพรุ่งนี้ฟ้าก็จะสว่างอีกครั้ง”
ประโยคอมตะนี้ สกาเล็ตต์ โอฮาร่า นางเอกเรื่อง วิมานลอย กล่าวเอาไว้ในตอนอวสานของเรื่อง ต้นฉบับภาษาอังกฤษเขียนไว้ว่า “Tomorrow is another day” แต่แปลเป็นภาษาไทยเนื้อความคงจะเป็นประมาณนั้น
แต่ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าประโยคนั้นแปลอย่างไร ความสำคัญคือ วิมานลอย หรือ Gone with the Wind เป็นนวนิยายเรื่องยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษ เล่าถึงชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่งในช่วงสงครามกลางเมืองของสหรัฐอเมริกา ไม่เพียงแต่ตัวบทประพันธ์จะอมตะคลาสสิกตลอดกาล เมื่อมาสร้างเป็นภาพยนตร์ วิมานลอย ก็ขึ้นหิ้งคลาสสิกไปเรียบร้อย พร้อมกับชื่อเสียงของวิเวียน ลีห์ นางเอกสาวผู้สวมบทบาทสกาเล็ตต์ และ คล้าก เกเบิล พระเอกของเรื่อง ก็กลายเป็นดาราอมตะไปด้วยเช่นกัน
จะมีนักเขียนสักกี่คนในโลกนี้ ที่ทั้งชีวิตเขียนหนังสือแค่เรื่องเดียวแล้วประสบความสำเร็จชนิดที่เรียกว่าถล่มทลาย
ทันทีที่ออกวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2479 วิมานลอย ได้รับรางวัลใหญ่ๆ มากมาย รวมถึงรางวัลพูลิตเซอร์ที่ได้ชื่อว่าเป็นรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมของอเมริกา และ วิมานลอย ก็ยังเป็นที่ชื่นชอบของนักอ่านเป็นอย่างมาก นักอ่านคนแล้วคนเล่า รุ่นแล้วรุ่นเล่ายังอ่าน วิมานลอย มาจนถึงทุกวันนี้
ความสำเร็จของมากาเร็ตไม่ใช่ส้มหล่นหรือความฟลุกแต่อย่างใด
หากเป็นเพราะมากาเร็ตมีพื้นฐานครอบครัวที่ดี การศึกษาที่ดี จึงทำให้เธอเขียนงานได้อย่างมีพลัง
เธอเป็นสาวชาวใต้ เกิดที่มลรัฐจอร์เจีย เมื่อปี พ.ศ. 2443
ยูจีน มิตเชลล์ พ่อของมากาเร็ตเป็นทนายความชื่อดัง และเป็นนักการเมืองท้องถิ่นที่มีชื่อเสียง แมรี่ มิตเชลล์ มารดาของเธอก็เป็นสตรีหัวสมัยใหม่ เป็นนักกิจกรรมตัวยง แมรี่คือผู้หญิงคนแรกๆ ที่ออกมาพูดถึงสิทธิสตรี และพยายามรณรงค์ให้ผู้หญิงมีสิทธิ์เลือกตั้ง พ่อของเธอก็เป็นนักการเมืองที่ออกมารณรงค์ให้โรงเรียนเลิกทำโทษเด็กๆ ด้วยการตี
นี่คือครอบครัวมิตเชลล์!
ไม่เพียงแต่พ่อและแม่ บรรพบุรุษตระกูลมิตเชลล์ทุกคนล้วนแต่มีบทบาททางการเมือง และมีอิทธิพลในแอตแลนตาอยู่ไม่น้อย แอนนี สตีเฟนส์ คุณยายของมากาเร็ตอาศัยอยู่ในคฤหาสน์สไตล์วิกตอเรียนหลังใหญ่ มีไร่หลายร้อยเอเคอร์ มีคนงานผิวดำทำงานให้เป็นจำนวนนับร้อย เล่าถึงตอนนี้ คงจะเริ่มเห็นเงาของคฤหาสน์ทาร่าและบ้านของสกาเล็ตต์กันแล้วใช่ไหมครับ
มากาเร็ตถูกส่งไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนเวสต์มินสเตอร์ ในเมืองหลวงแอตแลนตา ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนสำหรับคุณหนูไฮโซ ที่นั่น มากาเร็ตอ่านวรรณกรรมและวรรณคดีมากมาย เธอชอบงานของเชคสเปียร์เป็นที่สุด โดยเฉพาะ หรรษาราตรี หรือ A Midsummer Night’s Sream และมากาเร็ตก็เริ่มเขียนหนังสือตั้งแต่ตอนนั้น โดยงานในระยะแรกของเธอเป็นบทความสั้นๆ และนิทานสำหรับเด็กลงในวารสารโรงเรียนและวารสารท้องถิ่น โดยใช้นามปากกาว่า เพ็กกี้ มิตเชลล์
มากาเร็ตลาออกจากมหาวิทยาลัยโดยที่เรียนหนังสือไม่จบ เธอต้องกลับมาดูแลไร่และกิจการของครอบครัว หลังจากที่พ่อและแม่เสียชีวิตลง
มากาเร็ตแต่งงานสองครั้ง ครั้งแรกกับคนรักที่ชอบพอกันมาตั้งแต่ทั้งสองยังเป็นเด็กหนุ่มสาว ครอบครัวของมากาเร็ตไม่ค่อยชอบ เรด อัพชอว์ สามีคนแรกของเธอนัก เพราะชื่อเสียงเรื่องการดื่มหนักและเกกมะเหรกเกเร แต่มากาเร็ตก็ดึงดันจะแต่งงานกับเรดจนได้
เป็นงานแต่งงานที่แทบไม่มีคนในครอบครัวไปร่วมแสดงความยินดีด้วยเลย และเรดก็ได้สำแดงธาตุแท้ของความร้ายกาจออกมาให้เห็น เมื่อเขาเมาเหล้าแทบทุกวัน บางครั้งก็ลงไม้ลงมือทุบตีมากาเร็ต สุดท้ายความรักครั้งแรกของมากาเร็ตก็ลงเอยด้วยการหย่าร้าง หลังจากแต่งงานกันได้แค่เพียงสองปี
ตอนแรกเรดก็ไม่ยอมหย่าดีๆ มากาเร็ตได้ จอห์น มาร์ช ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของทั้งสองเข้ามาช่วยเหลือ
จอห์นเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ Atlanta Journal ที่มากาเร็ตร่วมงาน เขาต้องจ่ายเงินให้กับเรดไปจำนวนหนึ่ง สามีคนแรกของมากาเร็ตจึงยินยอมเซ็นหนังสือหย่าในที่สุด
จอห์นก็คือเพื่อนเจ้าบ่าวในงานแต่งงานครั้งแรกของมากาเร็ตและต่อมาก็คือสามีคนที่สองของเธอ เขาคือกำลังใจสำคัญของมากาเร็ตในการเขียน วิมานลอย
วิมานลอย เริ่มต้นขึ้นในวันหนึ่งมีมากาเร็ตออกไปทำงานแล้วเกิดหกล้ม ข้อเท้าหัก จอห์นให้ภรรยาลาออกจากงานไปพักผ่อนสบายๆ อยู่กับบ้าน เมื่อเห็นว่ามากาเร็ตเริ่มเบื่อการอยู่กับบ้านเฉยๆ เขาก็เลยซื้อเครื่องพิมพ์ดีดกลับมาให้เธอที่บ้าน และเชียร์ให้มากาเร็ตเริ่มเขียนนิยายโดยใช้ประสบการณ์ต่างๆ ในชีวิตที่เคยผ่านมา
สามปีหลังจากนั้น วิมานลอย ก็สำเร็จออกมาเป็นรูปเล่มให้แฟนนักอ่านได้อ่านกัน ในตอนแรก สกาเล็ตต์ โอฮาร่า มีชื่อว่า แพนซี โอฮาร่า แต่จอห์นมองว่าชื่อนั้นยังไม่ทรงพลังพอสำหรับสุภาพสตรีผู้มีชีวิตอันสุดแสนโลดโผน เขาเลยเสนอให้เปลี่ยนชื่อเสียใหม่เป็นสกาเล็ตต์
และ สกาเล็ตต์ โอฮาร่า ก็ได้กลายมาเป็นตัวละครที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดตัวหนึ่งในโลกวรรณกรรมตราบจนทุกวันนี้
มากาเร็ต มิตเชลล์ เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2492 ขณะเดินข้ามถนนกับสามี
เขากำลังพาเธอไปชมภาพยนตร์ และแท็กซี่ก็ขับมาด้วยความเร็ว แน่นอน… คนขับเมาเหล้า และแท็กซี่คันนั้นก็พรากเธอไปจากโลกวรรณกรรม ทิ้ง วิมานลอย เอาไว้เป็นผลงานอมตะตลอดกาล
- READ ชินจิ วาดะ
- READ ชาร์ลส ดิกเกนส์
- READ แขไข เทวินทร์
- READ โรอัลด์ ดาห์ล
- READ ร.จันทพิมพะ
- READ กาญจนา นาคนันทน์
- READ เจน ออสเตน
- READ คำพูน บุญทวี
- READ เอ เอ มิลน์
- READ โกวเล้ง
- READ ดวงดาว
- READ สุริยฉัตร ชัยมงคล
- READ อกาธา คริสตี้
- READ บาร์บารา คาร์ทแลนด์
- READ บุษยมาส
- READ สรจักร
- READ เบียทริกซ์ พอตเตอร์
- READ วาณิช จรุงกิจอนันต์
- READ ริชาร์ด อดัมส์
- READ เจ้าฟ้ากุ้ง
- READ น้ำอบ
- READ เจ้าฟ้ากุณฑล – เจ้าฟ้ามงกุฎ
- READ เท็ตสุกะ โอซามุ
- READ ฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เนตต์
- READ เพ็ญพิมล ธัมมรัคคิต
- READ ท. เลียงพิบูลย์
- READ อี. บี. ไวต์
- READ ลพบุรี
- READ โดโรธี ดานีลส์
- READ คุณพุ่ม
- READ โดโรธี อีเดน
- READ จรัสพร
- READ ริชาร์ด แมทธีสัน
- READ สุภาว์ เทวกุลฯ
- READ วิลเลียม เชคสเปียร์
- READ กิมย้ง
- READ สุวรรณี สุคนธา
- READ เหม เวชกร
- READ ลิวอิส แครอล
- READ เพิร์ล เอส บั๊ค
- READ ศรีฟ้า ลดาวัลย์
- READ รัดยาร์ด คิปลิง
- READ พระนางเธอลักษมีลาวัณ
- READ ซี. เอส. ลิวอิส
- READ พิมล กาฬสีห์
- READ จินตนา ปิ่นเฉลียว
- READ มากาเร็ต มิตเชลล์
- READ สันต์ เทวรักษ์
- READ เอมิลี่ บรองเต้
- READ อ.ไชยวรศิลป์
- READ บรรจบ พันธุเมธา
- READ มารี คอเรลลี
- READ แอล แฟรงค์ โบห์ม
- READ ดอกไม้สด
- READ เอโดงาวะ รันโป
- READ น.ม.ส
- READ วิกตอเรีย โฮลต์
- READ อ็องตวน เดอ แซ็งเต็กซูว์เปรี
- READ อ.สนิทวงศ์
- READ จันตรี ศิริบุญรอด
- READ ลอรา อิงกัลส์ ไวล์เดอร์
- READ น้อย ชลานุเคราะห์
- READ ไอแซก ไดนีเสน
- READ ศุภร บุนนาค