ริชาร์ด แมทธีสัน

อ่านคลาสสิก โดย พงศกร อีกหนึ่งคอลัมน์ที่อ่านเอาภูมิใจนำเสนอกับการถ่ายทอดเรื่องราวของนักเขียนรุ่นเก่า ซึ่งมีผลงานเป็นตำนานและหาอ่านได้ยากยิ่งในยุคปัจจุบัน  เพื่อให้นักอ่านที่รักทุกเพศวัยจะได้สัมผัสกับความลึกซึ้งของงานเขียนและได้รับรู้เรื่องราวดีๆ มากมายในแวดวงวรรณกรรม

*************************

เห็นนามนี้ แฟนคอลัมน์อ่านคลาสสิกคงร้องอิหยังวะอีกแล้ว

ริชาร์ด แมทธีสัน คือใคร เหตุใดจึงควรค่าแก่การเอ่ยถึง

ถ้าบอกว่าเขาคือเจ้าของบทประพันธ์นวนิยายเรื่อง Somewhere in Time อันลือลั่น ทุกคนคงร้องอ๋อ

Somewhere in Time หรือชื่อในพากษ์ไทยว่า ‘ลิขิตรักข้ามกาลเวลา’ เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากบทประพันธ์ชื่อ Bid Time Return ของ ริชาร์ด แมทธีสัน

ต่อมาเมื่อภาพยนตร์ดังมาก ริชาร์ดได้นำ Bid Time Return กลับมาพิมพ์ซ้ำ เปลี่ยนชื่อหนังสือให้เป็นชื่อเดียวกันกับหนัง คนอ่านจะได้ไม่สับสน

Somewhere in Time เรื่องราวของ ริชาร์ด คอลเลียร์ นักเขียนบทละครหนุ่มได้รับนาฬิกาพกโบราณเรือนหนึ่งจากหญิงชรา ผู้ขอให้เขาสัญญาว่าจะเดินทางกลับไปหาเธอ และหลังจากนั้นไม่นานหญิงชราก็เสียชีวิตลง ต่อมาในปี ค.ศ. 1980 ริชาร์ดเดินทางไปพักผ่อนที่โรงแรมแกรนด์โฮเทล เกาะแมกคินแน รัฐมิชิแกน เขาได้เห็นภาพถ่ายของ เอลีส แมกแคนนา ซึ่งถ่ายไว้เมื่อปี ค.ศ. 1912  ซึ่งเธอเป็นคนเดียวกับหญิงชราที่เคยมอบนาฬิกาพกให้เขาเมื่อ 8 ปีก่อนนั่นเอง

Somewhere in Time ประสบความสำเร็จอย่างสูง หลายคนจดจำ คริสโตเฟอร์ รีฟ จากบทของ ริชาร์ด คอลเลียร์ ได้ดีกว่าบทซูเปอร์แมนที่เขาได้รับ

เจน ซีมัวร์ ผู้รับบท เอลีส แมกเคนนา ได้รับการกล่าวขานถึงความงามที่ยากจะหานางเอกคนใดมาเทียบ เพลงประกอบภาพยนตร์ก็โด่งดังและยังฟังกันอยู่จนถึงทุกวันนี้

ลิขิตรักข้ามกาลเวลา กลายมาเป็นต้นแบบของนวนิยายรักโรแมนติกผสมผสานการเดินทางข้ามกาลเวลาให้กับนักเขียนมากมายหลังจากนั้น และเป็นนวนิยายที่สร้างชื่อเสียงให้กับ ริชาร์ด แมทธีสัน เป็นอย่างมาก

น่าเสียดายที่ยังไม่มีใครแปลนวนิยายเรื่องนี้ออกมาเป็นภาษาไทย

ริชาร์ด แมทธีสัน เป็นนักเขียนอเมริกัน แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นคนนอร์เวย์ พ่อและแม่ของเขาย้ายจากนอรเวย์มาอยู่ที่นิวยอร์ค และริชาร์ดเกิดที่นิวเจอร์ซี หลังจากพ่อและแม่แยกทางกัน ริชาร์ดก็อยู่ในความดูแลของผู้เป็นมารดา เขาเรียนหนังสือที่บรูคลิน เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ริชาร์ดก็สมัครเป็นทหารออกรบร่วมกับเด็กหนุ่มชาวอเมริกันอีกมากมาย

เมื่อสงครามสงบลง เขาเริ่มทำงานเขียนบทละครเวทีและบทภาพยนตร์อย่างจริงจัง ริชาร์ดเริ่มเขียนนวนิยายหลังจากนั้น นั้นนิยายเรื่องแรกของเขาชื่อ Someone is Bleeding แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก

ริชาร์ดเริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักจากนวนิยายกึ่งอัตชีวประวัติเรื่อง The Beardless Warriors ซึ่งเป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มชาวอเมริกันที่อาสาไปออกรบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นวนิยายเรื่องนี้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อ The Young Warriors ซึ่งประสบความสำเร็จทั้งรายได้และรางวัลเป็นอย่างมาก สร้างชื่อเสียงให้กับริชาร์ด และทำให้ผลงานของเขาเป็นที่จับตามองของนักอ่านและผู้กำกับภาพยนตร์

ริชาร์ดเริ่มต้นเขียนงานแนวแฟนตาซี เหนือจริง วิทยาศาสตร์ไซ-ไฟ ผลงานเรื่องแรกชื่อ Born of Man and Woman ซึ่งเป็นเรื่องสั้นได้รับการตีพิมพ์ และประสบความสำเร็จแทบจะทันที หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเขียนงานในแนวนี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น I am Legend, What Dreams May Come เกือบทุกเรื่องได้รับการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือแม้แต่ละครเพลง

ผลงานของริชาร์ดได้รับความนิยมอย่างมาก เขาได้รับเชิญไปเขียนบทให้กับซีรีส์ยอดนิยมอย่างเช่น แดนสนธยา (Twilight Zone) และซีรีส์อย่าง Star Trek มากมายหลายตอน บทภาพยนตร์หลายเรื่องทิ่ชาร์ดเขียน เช่น Jaws ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน

ตลอดเวลาของการทำงาน ริชาร์ดได้รับรางวัลเกียรติยศหลายรางวัล ไม่ว่าจะเป็นรางวัล Edgar สำหรับนักเขียนนวนิยายลึกลับ, รางวัลเกียรติยศ Bram Stroker, รางวัลเกียรติยศ World Fantasy award ทั้งหมดเป็นเครื่องการันตีถึงความสามารถของเขาเป็นอย่างดี

งานเขียนของริชาร์ดเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเขียนใหญ่อีกหลายคน

สตีเฟน คิง ก็เคยให้สัมภาษณ์ว่าอ่านงานของ ริชาร์ด แมทธีสัน มาตั้งแต่เด็กงานหลายเรื่องของริชาร์ดทำให้เขาอยากเขียนอะไรสนุกๆ ดีๆ ออกมาบ้าง นวนิยายหลายเรื่องของคิงเขาเขียนคำอุทิศให้กับริชาร์ด ผู้เป็นนักเขียนคนโปรดของเขา

ริชาร์ดแต่งงานและมีบุตรสี่คน

เขายังคงทำงานทุกวันจนถึงวาระสุดท้ายในชีวิต เขาเขียนเรื่องสั้นมากกว่าสองร้อยเรื่อง นวนิยายขนาดยาวไม่ต่ำกว่าห้าสิบเรื่อง บทภาพยนตร์และบทโทรทัศน์จำนวนมาก

ริชาร์ดเสียชีวิตด้วยโรคชราอย่างสงบที่บ้าน เมื่อปี พ.ศ. 2556 ท่ามกลางลูกหลาน เขามีอายุได้ 87 ปี ทิ้งผลงานอมตะไว้เบื้องหลังมากมาย