The Poseidon Adventure

The Poseidon Adventure

โดย : ภาสกร ศรีศุข

Loading

นอกจากนวนิยายออนไลน์สนุกๆ ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพจากนักเขียนมากมายแล้ว อ่านเอายังมีเรื่องหนังมาเล่าให้อ่านในคอลัมน์  “อ่านเอาเล่าหนัง” โดย โอ่ง – ภาสกร ศรีศุข ผู้มีความสนใจในเรื่องภาพยนตร์และมีความรักในการอ่านการเขียน เขาจึงเขียนมาเล่าให้ชาวอ่านเอาได้อ่านออนไลน์

************************

The Poseidon Adventure

ผู้กำกับ : Ronald Neame

ผู้อำนวยการสร้าง : Irwin Allen

ผู้เขียนบท : Stirling Silliphant, Wendell Mayes

อ้างอิงจากนวนิยายเรื่อง The Poseidon Adventure โดย Paul Gallico

นักแสดง : Gene Hackman, Ernest Borgnine, Red Buttons, Carol Lynley, Shelley Winters, Roddy McDowall, Stella Stevens, Jack Albertson, Pamela Sue Martin, Arthur O’Connell, Eric Shea, Leslie Nielsen

ดนตรีประกอบ : John Williams

ผู้กำกับภาพ : Harold E. Stine

ผู้ตัดต่อ : Harold F. Kress

ภาพยนตร์แนวภัยพิบัติระดับตำนาน เมื่อเรือสำราญลำหนึ่งต้องเผชิญกับคลื่นขนาดยักษ์จนทำให้เรือทั้งลำพลิกคว่ำ ทำให้ผู้โดยสารที่เหลือรอดต้องหาทางหนีจากเรือนรกที่กำลังจมลงสู่ก้นทะเล

สิ่งที่ชอบมากคือการจัดฉาก แต่ละฉากเหมือนจะทำง่ายแค่ให้ดูเหมือนเกิดความวินาศสันตะโร แต่จริงๆ แล้วต้องทำให้ทุกอย่างดูกลับหัวกลับหาง ไม่มีอะไรแน่นอนและคงที่เหมือนเดิม ซึ่งเข้ากับสถานการณ์เรือล้ม ที่ไม่ใช่แค่เอียง แต่เป็นคว่ำบนลงล่าง เท่ากับว่าใต้ท้องเรือจะขึ้นมาอยู่ข้างบนเสียแทน การไปจากเรือจึงไม่ใช่เรื่องง่ายและออกได้ตามปกติ เมื่อหนทางรอดถูกปิดตายอยู่ใต้ทะเล

เรือสำราญโพไซดอนต้องเผชิญคลื่นยักษ์จนพลิกคว่ำพาใต้ท้องเรือขึ้นมาอยู่ข้างบน ทำให้หนทางรอดมีเพียงหนึ่งเดียวคือการไปท้องเรือที่ตอนนี้ลอยเหนือน้ำ ซึ่งบาทหลวงสก็อตต์เชื่อว่านั้นคือทางรอดทางเดียวในตอนนี้ ทว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเชื่อและเห็นด้วยในความคิดนี้ ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างคนที่รอเพราะเชื่อว่าอยู่เฉยๆ ก็มีกู้ภัยมาช่วย แต่ตรงกันข้ามกับคนที่ดิ้นรนที่ไม่อาจรออยู่เฉย เนื่องจากจุดที่บอบบางอยู่ใต้น้ำที่พร้อมจะทะลักเข้ามาได้ตลอดเวลา

The Poseidon Adventure มาพร้อมกับประเด็นความเชื่อที่แตกต่าง ไม่มีใครถูกและผิดซะทีเดียว แต่ละคนต่างมีความคิดที่สมเหตุสมผล โดยแบ่งออกเป็นสองฝั่งที่เด่นชัด

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

กลุ่มที่หนึ่งคือกลุ่มบาทหลวงสก็อตต์ที่เลือกจะหาทางออก เนื่องจากไม่อาจรออยู่เสี่ยงความตายจากน้ำทะเลที่เข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้ แล้วต้องรออีกนานแค่ไหนถึงหน่วยกู้ภัยจะมาช่วย ซึ่งเป็นไปได้ที่จะมาไม่ทันเพราะเรือคว่ำ ความพยายามหาทางรอดมีความเป็นไปได้ที่ช่วยให้พ้นวิกฤต แน่นอนว่าเป็นความคิดที่น่าเห็นด้วย อย่างน้อยดีกว่านั่งอยู่เฉยๆ เพราะอาจมีวิธีรอดโดยไม่ต้องรอหน่วยกู้ภัย กระนั้นการทำอะไรแบบนี้ไม่ต่างกับเข้าหาความเสี่ยง ไม่รู้ว่าการไปต่อจะเจออะไรบ้าง ซึ่งอาจเลวร้ายยิ่งกว่าเก่า

กลุ่มที่สองคือกลุ่มคนที่รอหน่วยกู้ภัย เลือกที่จะอยู่เฉยๆ ไม่หาหนทางรอดทางอื่น เพราะคิดว่าจะทำให้เลวร้ายยิ่งกว่าเก่า การนั่งรอให้หน่วยกู้ภัยที่มีเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาจัดการเรื่องนี้คือวิธีที่ดีที่สุด ถ้าไม่ติดการเล่าเรื่องที่มีหนทางชัดเจน นี่อาจเป็นความคิดที่ดีที่สุดข้อหนึ่ง เนื่องจากการหาหนทางรอดด้วยตัวเองเป็นการนำตัวเองไปเสี่ยงจากสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ในหนทางข้างหน้า ทว่าการไม่ทำอะไรเลยภายใต้สถานการณ์ที่รู้ว่ายิ่งอยู่นานยิ่งอันตรายอาจเป็นความคิดที่แย่

ประเด็นทางความคิดที่แตกต่างและความเชื่อคนละมุมมองทำให้เห็นถึงความหนักแน่นของตัวละครที่มีมาตั้งแต่ต้นเรื่อง ความแตกต่างไม่ใช่ความผิดปกติหรือข้อคิดที่ทำลายธรรมเนียมเดิม แต่เป็นความจริงที่บางครั้งเราไม่ตระหนัก ฉากบาทหลวงสก็อตต์แสดงความคิดที่โลดแล่นในต้นเรื่องจนไม่เหมือนหลวงพ่อผู้ศรัทธาในพระเจ้า ฉากนี้เสมือนเสียดสีตัวเองที่แม้เป็นผู้รับใช้พระเจ้าก็ใช่จะเชื่อในพระเจ้าเสมอไป ดังเช่นการหาหนทางรอดชีวิตล้วนเกิดจากความพยายามของตัวเอง พระเจ้าไม่ได้ปรากฏกายเข้าช่วยเหลือแต่อย่างใด ความพยายามสู้ชีวิตต่างหากคือพระเจ้า เมื่อเช่นนั้นพระเจ้าจะเข้าข้างเรา

แม้จะแบ่งกลุ่มและแบ่งฝ่ายกันชัดเจนก็ใช่ว่าทุกคนจะคล้อยตามความคิดของบาทหลวงสก็อตต์ซะทุกคน โดยเฉพาะ มิค โลโก้ ที่เสมือนคู่กัดไม่ยอมรับและเห็นด้วยไปเกือบทุกข้อ กระนั้นยังคงตามไปด้วยเหตุผลที่อาจเป็นไปที่จะรอด ถึงจะชวนให้ย้อนแย้งในตัวเองหลายครั้ง ทว่าห้วงวินาทีสุดท้ายได้เผยธาตุแท้ในใจของเขาว่าลึกๆ แล้ว เขาเชื่อมั่นไม่ต่างกัน แค่วิธีการแสดงออกและนิสัยดูตรงข้ามก็เท่านั้นเอง ซึ่งเป็นตัวละครที่เกลียดและรักมากที่สุด ยิ่งมองในหลายๆ มุมมองจะเห็นถึงความสำคัญของตัวละครนี้มาก

การเดินผจญภัยในเรือที่พลิกคว่ำและอุปสรรคมากมายล้วนเนรมิตฉากได้ตื่นตาและสมจริง ความยากลำบากกลายเป็นประเด็นหลักสำคัญของความอยู่รอด สิ่งสำคัญคือกำลังใจที่ต่างช่วยส่งเสริมกันและกัน การอยู่เป็นกลุ่มไม่ทิ้งกันทำให้ตลอดทั้งเรื่องไม่ต่างกับดูหนังครอบครัว มีทะเลาะเบาะแว้ง มีความรักความอบอุ่น การดูแลซึ่งกันและกัน ให้กำลังใจไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง สิ่งเหล่านี้จากความผูกพันของคนแปลกหน้าที่เชื่อใจไปด้วยกัน นับเป็นหนังที่ให้อารมณ์ที่มีความสุขและโศกเศร้าในเวลาเดียวกันจากมิติตัวละครที่เข้าถึงในความรู้สึก

Don`t copy text!