Dolemite Is My Name

นอกจากนวนิยายออนไลน์สนุกๆ ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพจากนักเขียนมากมายแล้ว อ่านเอายังมีเรื่องหนังมาเล่าให้อ่านในคอลัมน์  “อ่านเอาเล่าหนัง” โดย โอ่ง – ภาสกร ศรีศุข ผู้มีความสนใจในเรื่องภาพยนตร์และมีความรักในการอ่านการเขียน เขาจึงเขียนมาเล่าให้ชาวอ่านเอาได้อ่านออนไลน์

************************

ผู้กำกับ : Craig Brewer

ผู้อำนวยการสร้าง : Eddie Murphy, John Davis, John Fox

ผู้เขียนบท : Scott Alexander, Larry Karaszewski

นักแสดง : Eddie Murphy, Da’Vine Joy Randolph, Keegan-Michael Key, Mike Epps, Craig Robinson, Tituss Burgess, Wesley Snipes

ดนตรีประกอบ : Scott Bomar

ผู้กำกับภาพ : Eric Steelberg

ผู้ตัดต่อ : Billy Fox

Dolemite is My Name หนัง Original Netflix หนังสร้างจากชีวประวัติ Rudy Ray Moore ที่ใช้ชื่อฉายาว่า ‘โดเลอไมต์’ ตลกนักร้องเดี่ยวไมโครโฟน เจ้าของฉายา ‘บิดาแห่งการแร็ป’ (Godfather of Rap) ซึ่งผันตัวเองมาทำหนัง เล่นเอง ลงทุนเองทั้งหมด แม้จะต้องเดิมพันทั้งชีวิตหมดตัวถึงขั้นล้มละลาย แต่เพื่อไล่ตามความฝันที่อยากให้ผู้คนได้จดจำชื่อของเขาไว้ตลอดไป

นี่เป็นหนังซ้อนหนังเกี่ยวกับการสร้างหนังยุค 70s ที่หน้าหนังอาจจะไม่ชวนดูจากความเชยหลายๆ อย่าง แถมตัวเนื้อเรื่องที่สร้างจากชีวประวัติ Dolemite ก็ไม่ได้เป็นคนดังที่คนไทยรู้จักกันเลยสักนิด แต่ก็ต้องการันตีกันเลยว่าหนังมีความน่าสนใจเมื่อ ‘เอ็ดดี้ เมอร์ฟี่’ กลับมาแสดง แถมเป็นบทที่เกือบหมือนกับชีวิตตัวเขาเองเสียด้วยซ้ำ จัดเป็นงานคุณภาพที่อยู่ในรายการต้นๆ ของหนังที่เขาเคยแสดงมา ประกอบกับเรื่องราวชีวิตโดเลอไมต์ก็มีอะไรหลายอย่างที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว

นี่เป็นเรื่องราวการไล่ตามความฝันของชายคนหนึ่งซึ่งทุกคนเคยบอกว่าเขาไม่ใช่ เขาเป็นไม่ได้ แม้แต่พ่อของเขาเอง แต่เขาไม่เคยย่อท้อต่อคำกล่าวเหล่านั้น และบุกเบิกสร้างทางให้ตัวเองมาตลอดชีวิตจนประสบความสำเร็จ และยังนำพาเพื่อนพ้องมาร่วมทีมสร้างฝันนี้ให้สำเร็จด้วยกัน แม้ว่าเขาจะไม่มีประสบการณ์ในการทำหนังเลยก็ตาม แต่ด้วยความเชื่อมั่นในมุมมองของตัวเองสุดโต่งว่าเนื้อเรื่องแนวแอ็กชัน นักฆ่ากังฟูคนดำบวกกับกองทัพกังฟูหญิง มันดี สนุก ฮา แบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน นี่จึงเป็นงานสร้างหนังนอกกระแสที่ใส่ความเป็นตัวเองลงไปทั้งหมด ซึ่งในสายตาคนนอกมีแต่คนส่ายหน้า หนังไม่ได้รับการยอมรับจากสตูดิโอจัดจำหน่าย หรือแม้จากตัวผู้กำกับเรื่องนี้เองก็ตาม แต่ด้วยความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าผลงานของตัวเองเจ๋งแน่นอน สุดท้ายความพยายามเขาก็ไม่สูญเปล่า และวงการฮอลลีวูดก็ต้องหันกลับมาทบทวนว่าพลาดไปอย่างแรงกับหนังจากลูกบ้าของโดเลอไมต์คนนี้

เอ็ดดี้ เมอร์ฟี่ ถอดแบบโดเลอไมต์ออกมาเหมือนช่วงที่ตัวเองเคยรุ่งเรืองจากนักแสดงแอ็กชันคอเมดี้แบบเดียวกัน นี่เป็นงานที่ไม่ใช่ เอ็ดดี้ เมอร์ฟี่ ก็คงหาใครมาเล่นได้ยาก ซึ่งเอ็ดดี้เองก็มีจุดเริ่มเข้าวงการจากการแสดงเดี่ยวไมโครโฟน แล้วกลายมาเป็นตลกแถวหน้าของวงการฮอลลีวูดที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งเช่นกัน ซึ่งเขาเล่นเป็นโดเลอไมต์ได้อย่างมีเสน่ห์ ไม่แปลกใจที่ว่าทำไมใครหลายคนที่เขาโน้มน้าวให้มาช่วยทำหนังตามฝันของเขาจึงตกลงร่วมหัวจมท้ายลูกบ้านี้ด้วยกันมากมาย

หนังมีมุกตลกในเรื่องที่เกิดจากโดเลอไมต์ดัดแปลงใส่ลงไปเอง โดยที่ผู้เขียนบทที่เขาดึงมาจากละครเวทีไม่ได้เขียนไว้ ซึ่งก็บ้าบอมากๆ อย่างเช่น ฉากเซ็กซ์กับสาวผิวขาวจนห้องถล่มเพดานพังลงมา รวมถึงมุกตลกเส้นทางธุรกิจที่มาจากเรื่องจริงอย่างสตูดิโอมาจากตึกร้างไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องขโมยไฟตึกข้างๆ มาแทน

นี่เป็นหนังที่ดูแล้วสร้างแรงบันดาลใจให้มีชีวิตไล่ตามฝัน แม้จะมีอุปสรรคมากแค่ไหน ขอแค่ไม่ท้อถอย สักวันก็มีโอกาสทำฝันให้เป็นจริงได้ และก็ไม่ต้องไปสนใจคนนอกที่มาวิจารณ์ความฝันของเรา อย่างที่โดเลอไมต์ถูกนักวิจารณ์สับเละก่นด่าหนังก่อนฉายไม่มีชิ้นดีว่า “มีแต่คนตาบอดกับหมาเท่านั้นที่ดูสนุก” แต่สุดท้ายอย่างที่โดเลอไมต์บอกทีมงานว่ากาารที่สร้างหนังออกไปฉายได้สำเร็จ นั่นก็คือชัยชนะที่แท้จริงของพวกเราแล้ว

ฉากจบของหนังยังแสดงให้เห็นถึงแก่นแท้ของความสำเร็จที่โดเลอไมต์มีนอกจากพรแสวง นั่นคือความจริงใจที่เขามอบให้แก่ทุกคนไม่ว่าใคร สิ่งนั้นเองจับใจผู้คนให้มาร่วมติดตามสนับสนุนผลงานเขา จนกลายเป็นหนึ่งในดารานักแสดงตลกที่ผู้คนจดจำชื่อเขาได้จริงๆ