Walkabout

Walkabout

โดย : ภาสกร ศรีศุข

Loading

นอกจากนวนิยายออนไลน์สนุกๆ ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพจากนักเขียนมากมายแล้ว อ่านเอายังมีเรื่องหนังมาเล่าให้อ่านในคอลัมน์  “อ่านเอาเล่าหนัง” โดย โอ่ง – ภาสกร ศรีศุข ผู้มีความสนใจในเรื่องภาพยนตร์และมีความรักในการอ่านการเขียน เขาจึงเขียนมาเล่าให้ชาวอ่านเอาได้อ่านออนไลน์

************************

Walkabout

ผู้กำกับ : Nicolas Roeg

ผู้อำนวยการสร้าง : Si Litvinoff

ผู้เขียนบท : Edward Bond

อ้างอิงจากนวนิยายเรื่อง Walkabout โดย James Vance Marshall

นักแสดง : Jenny Agutter, Lucien John, David Gulpilil

ดนตรีประกอบ : John Barry

ผู้กำกับภาพ : Nicolas Roeg

ผู้ตัดต่อ : Antony Gibbs, Alan Pattillo

อะบอริจิน ชนเผ่าพื้นเมืองของออสเตรเลีย มีประเพณีชื่อ ‘Walkabout’ เมื่อเด็กชายอายุครบ 16 ปี จะถูกส่งไปใช้ชีวิตท่ามกลางทะเลทราย เรียนรู้วิถีธรรมชาติ ต่อสู้ดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยตนเอง แล้วถ้าเด็กชาย-หญิงจากสังคมเมืองชนชั้นกลางมีเหตุให้ต้องไปใช้ชีวิตแบบนั้นบ้างล่ะ พวกเขาจะสามารถต่อสู้ดิ้นรนเอาตัวรอดได้หรือไม่

Walkabout เป็นภาพยนตร์ที่โดยส่วนตัวทั้งรักและเกลียด ชื่นชอบมากๆ กับแนวคิดมนุษย์กับธรรมชาติ ถ้าให้คนจากสังคมเมืองยุคสมัยนี้ไปใช้ชีวิตต่อสู้ดิ้นรนเผชิญหน้าต่อธรรมชาติ น้อยนักจะสามารถเอาตัวรอดกลับมาได้ และที่รังเกียจสุดๆ คือพฤติกรรมของเด็กชาย-หญิงที่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นยังทำตัวไร้เดียงสา เย่อหยิ่ง จองหอง ทะนงตน อวดดี ไม่เผชิญหน้าและยินยอมรับความจริงเสียที!

ในความผลงานชิ้นโบแดงของภาพยนตร์เรื่องนี้ ต้องยกให้ Nicolas Roeg ผลงานฉายเดี่ยวเรื่องแรก ควบการกำกับและถ่ายภาพ เพราะเจ้าตัวเคยเป็นตากล้องมาก่อน จึงสามารถถ่ายทอดความงดงามของผืนทะเลทรายในออสเตรเลีย ไม่ย่อหย่อนไปกว่า Lawrence of Arabia และมุมมองเรื่องราวผ่านภาษาภาพได้อย่างบริสุทธิ์

เรื่องราวในนวนิยาย Walkabout เกี่ยวกับสองพี่น้องสัญชาติอเมริกัน ปีเตอร์ และแมรี่ รอดชีวิตจากเหตุการณ์เครื่องบินตกที่ออสเตรเลีย ทั้งคู่ตัดสินใจออกเดินเท้าข้ามทะเลทราย เพื่อไปหาญาติที่อะเดเลด, เซาท์ออสเตรเลีย แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าทิศไหนอะไรยังไง จนกระทั่งได้พบเจอชายหนุ่มจากชนเผ่าอะบอริจินแม้พูดคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่ก็ใช้ชีวิตผจญภัย นำพาพวกเขาหวนกลับสู่ผืนแผ่นดินแดนอารยธรรมมนุษย์ ถึงกระนั้นเพราะร่างกายไร้ภูมิต้านทานโรคใดๆ หลังจากนั้นติดไข้หวัดใหญ่ ล้มป่วยหนัก และเสียชีวิตก่อนวัยอันควร

Walkabout คือเรื่องราวของการเอาตัวรอดด้วยตนเอง ตั้งคำถามว่าถ้ามนุษย์จากสังคมเมืองจับพลัดจับพลูต้องหวนกลับไปดำเนินชีวิตต่อสู้กับธรรมชาติ จะยังมีความสามารถมากพอเอาชนะได้หรือเปล่า… หนังนำเสนอออกมาอย่างชัดเจนมากๆ ว่าไม่มีทางอย่างเด็ดขาด

การมาถึงของสังคมเมืองและโลกาภิวัฒน์ทำให้มนุษย์มีความเย่อหยิ่ง จองหอง ทะนงตน อวดดี และกลับกลายเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสา เมื่อต้องต่อสู้กับธรรมชาติ กำแพงอิฐ/คอนกรีต/เสริมเหล็ก ได้สร้างภาพมายาที่ทำให้ใครๆ ครุ่นคิดว่าฉันอยู่รอดปลอดภัยดีแล้ว ไม่มีทางที่ใครไหนหรือภัยพิบัติไหนจะสามารถทำอันตรายให้บังเกิดขึ้นได้

อะไรๆ มันก็เกิดขึ้นได้ สึนามิ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟ หายนะต่างๆ พบเห็นเป็นข่าวหน้าหนึ่งอยู่แทบทุกเดือนทั้งปี แถมยังไม่สามารถพยากรณ์คาดการณ์ได้แม่นยำสักเท่าไหร่ คือมันก็ชัดเจนอีกเช่นกันว่ามนุษย์ยังอยู่ห่างไกลชัยชนะต่อธรรมชาติ จมปลักอยู่ภายใต้ชั้นบรรยากาศโลกที่ถ้าเกิดภัยพิบัติอะไรขึ้น ก็สามารถเข่นฆ่าล้างมวลชนได้มากโข

การรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ผู้เขียนเกิดความตระหนักขึ้นว่ามนุษย์ทุกวันนี้แทบจะอพยพสู่ป่าคอนกรีตกันเสียหมดแล้ว หาบุคคลที่ยังใช้ชีวิตหากิน ‘สื่อสาร’ กับธรรมชาติล้วนๆ นอกจากชาวเขา ชนเผ่าพื้นเมือง ก็คงไม่มีอีกแล้วล่ะ การจะอยู่ดีๆ ทอดทิ้งทุกอย่างแล้วไปอยู่ป่า โอกาสเอาตัวรอดแทบเป็นศูนย์ (แถมสมัยนี้ถ้าเข้าไปอาศัยอยู่ในอุทยาน หากโดนพบตัวอาจถูกลากคอออกมา จับปรับติดคุกติดตะราง รุกล้ำพื้นที่สงวนเสียอีก!)

เมื่อมนุษย์ยุคสมัยนี้ไม่สามารถ ‘สื่อสาร’ อยู่ร่วม เข้าใจธรรมชาติ/ชนเผ่าพื้นเมืองได้อีกต่อไป สิ่งเดียวที่หลงเหลือทำได้ในปัจจุบันคือการระลึกไว้ลึกๆ ภายในจิตใจ เราควรพยายามรักษ์ธรรมชาติให้มากกว่านี้ อาศัยอยู่อย่างกลมกลืนไม่ใช่สักแต่แสวงหาผลประโยชน์ กอบโกยทรัพยากรจนไม่หลงเหลือให้ลูกหลาน จะเร่งรีบให้โลกถึงกาลหายนะไปถึงไหน เมื่อตอนนั้นสำนึกได้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็สายเกินแก้

เอาเป็นว่าโดยส่วนตัวชื่นชอบหนังเรื่องนี้ก็แล้วกัน แค่งานภาพสวยๆ ก็ถือว่าอิ่มอกอิ่มใจมากๆ แล้ว

Don`t copy text!