Midnight Cowboy

Midnight Cowboy

โดย : ภาสกร ศรีศุข

Loading

นอกจากนวนิยายออนไลน์สนุกๆ ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพจากนักเขียนมากมายแล้ว อ่านเอายังมีเรื่องหนังมาเล่าให้อ่านในคอลัมน์  “อ่านเอาเล่าหนัง” โดย โอ่ง – ภาสกร ศรีศุข ผู้มีความสนใจในเรื่องภาพยนตร์และมีความรักในการอ่านการเขียน เขาจึงเขียนมาเล่าให้ชาวอ่านเอาได้อ่านออนไลน์

************************

Midnight Cowboy

ผู้กำกับ : John Schlesinger

ผู้อำนวยการสร้าง : Jerome Hellman

ผู้เขียนบท : Waldo Salt

อ้างอิงจากนวนิยายเรื่อง Midnight Cowboy โดย James Leo Herlihy

นักแสดง : Dustin Hoffman, Jon Voight

ดนตรีประกอบ : John Barry

ผู้กำกับภาพ : Adam Holender

ผู้ตัดต่อ : Hugh A. Robertson

ดัดแปลงจากนิยายชื่อเดียวกัน แต่งโดย James Leo Herlihy ตีพิมพ์เมื่อปี 1965 นี่ถือเป็นหนึ่งในเรื่องราวแบล็กลิสต์ของฮอลลีวูดในขณะนั้น เพราะมีเรื่องราวที่โดดเด่น ขณะเดียวกันก็มีความหมิ่นเหม่ด้านจริยธรรมสูงมาก

เรื่องราวของคนสองคนที่อาศัยอยู่ในด้านมืดของนิวยอร์ก Joe Buck เดินทางมาจากเทกซัสเพื่อแสวงโชค ชอบแต่งชุดสไตล์คาวบอย พกวิทยุและเคี้ยวหมากฝรั่งตลอดเวลา Enrico Salvatore “Ratso” Rizzo เป็นคนขี้โกงขาเป๋ที่อาศัยอยู่ในนิวยอร์กมานาน มีความฝันอยากไปฟลอริดาแต่ไม่เคยเห็นทำงาน ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ

การพบเจอกันของทั้งสองถือเป็นเรื่องของความบังเอิญและการได้พบกันอีกครั้งถือว่าบังเอิญยิ่งกว่า ราวกับโชคชะตากำหนดมาให้ทั้งสองอยู่ด้วยกัน แม้จะไม่ถูกกันก็เถอะ แต่เพราะบัคทำให้รัตโซนึกถึงตัวเองตอนที่มาอยู่นิวยอร์กใหม่ๆ และรัตโซก็ทำให้บัคนึกถึงตนเองที่เคยมีความฝันอยากมาอยู่นิวยอร์กเช่นกัน (เพราะรัตโซก็ฝันอยากไปฟลอริดา) ในอีกมุมหนึ่งของหนัง ผู้เขียนเห็นรัตโซคือตัวแทนทัศนคติ หรืออีโก้ของบัคที่อ่อนปวกเปียก ขาเป๋ (ไม่มีเป้าหมายชีวิต) ป่วยหนักใกล้ตาย (ถ้าจะมโนแบบเพ้อๆ รัตโซเปรียบได้กับเพื่อนในจินตนาการของบัค ด้านมืดของหัวใจ ก่อนที่เขาจะค้นพบตัวเองว่าชีวิตมันไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่มีกลีบกุหลาบที่ไหนโรยไว้) การแสดงของทั้ง จอน วอยต์ และ ดัสติน ฮอฟฟ์แมน ต้องบอกว่าโดดเด่นมาก แม้ว่าวอยต์จะมีบทมากกว่า

วัยรุ่นหนุ่มออกจากบ้านนอกต่างจังหวัดเข้าเมืองหลวง ด้วยความฝันจะร่ำรวยมีชื่อเสียงเงินทอง แต่เมื่อได้พบกับโลกแห่งความจริงมันไม่ได้สวยงามดั่งความฝัน พล็อตแบบนี้คุ้นไหมล่ะ มันมีหนังแบบนี้เยอะม้ากกก จนผู้เขียนไม่รู้จะยกตัวอย่างเรื่องอะไรมาเปรียบเทียบเลยล่ะ นี่เป็นหนังแนว ‘ค้นหาตัวเอง’ เริ่มต้นจากไม่รู้อะไร พอได้เข้าใจโน่นนี่นั่น ก็จะเริ่มซึมซับ และปรับตัวอาศัยอยู่ได้ กระนั้นสิ่งที่หนังเรื่องนี้แตกต่างคือนำเสนอเฉพาะมุมมืดของเมืองใหญ่ ถ้าคุณไม่ต้องการทำงานที่สุจริต อะไรบ้างที่จะทำได้ ขายตัว, ขโมยของ, หลอกลวง ฯลฯ นี่ก็เพื่อบอกว่า “โลกมันไม่ได้สวยงามอย่างที่ใครๆ วาดฝันไว้”

เหตุผลส่วนใหญ่ของคนที่ออกจากบ้านนอกเข้าสู่กรุง แทบทั้งหมดเต็มไปด้วยความฝัน ความทะเยอทะยาน อยากร่ำรวย อยากมีชื่อเสียงเงินทอง อยากสุขสบาย ฯลฯ จนกว่าที่ตนจะได้ในสิ่งที่ปรารถนา ก็จะไม่มีวันกลับบ้าน ความน่ารักของคนประเภทนี้บางทีก็มีจุดประสงค์ที่ชัดเจน เช่น เข้ากรุงหาเงินเพื่อแต่งเมีย, ส่งเสียใช้หนี้ให้ที่บ้าน ฯลฯ สำหรับหนังเรื่องนี้ไม่เชิงอธิบายเหตุผลว่าทำไมในแฟลชแบล็กบอกแค่ว่าไม่มีใครเหลือที่บ้าน ย่าเสียไปแล้ว แฟนสาวก็ถูกจับไปไหนไม่รู้ ฯลฯ นี่ทำให้บัคไม่มีเป้าหมายอะไรเหลืออยู่ในชีวิต เขาจึงต้องการเริ่มต้นใหม่กับสถานที่ใหม่ๆ เป้าหมายคือขุดทองในนิวยอร์ก มหานครแห่งความฝัน

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

คาวบอยในยุค 60s ถือเป็นสิ่งตกยุค ล้าสมัย หมดความนิยมไปแล้ว แต่ถ้าใครสักคนแต่งตัวแบบนี้ เดินอยู่ในเมืองใหญ่ ผิดที่ผิดทางผิดยุคสมัย คนจะมองว่าเขาเป็นผู้ชายขายตัว (ที่บัคแต่งตัวเป็นคาวบอยเพราะย่าบอกว่าเท่ที่สุดในโลก) ผู้เขียนไม่รู้สมัยนั้นมีแนวคิดลักษณะนี้เกิดขึ้นหรือยังนะ แต่สมัยนี้นี่เป็นภาพติดตาตามคลับบาร์ ที่ไหนมีคาวบอย มันจะสื่อถึงสถานที่ควบม้าของผู้ชายขายตัว (นี่คือเหตุผลที่ผู้เขียนไม่กล้าดูหนังเรื่องนี้เสียเท่าไหร่) คงเพราะคาวบอยเป็นสัญลักษณ์แทนความหล่อเท่ห์ แมนๆ ของผู้ชายอกสามศอก ด้วยเหตุนี้มันจึงถูกตีความในลักษณะทางเพศที่ความรุนแรง ความตื่นเต้น กระบอกปืน ยิงกระสุน… อะไรประมาณนี้

สำหรับคำว่า Midnight คือช่วงเวลาที่ท้องฟ้ามืดมิด ในชนบทบ้านนอกอาจยังมีแสงส่องจากดวงดาว แต่ในเมืองหลวงคงมีแต่แสงไฟนีออนสว่างจ้าไปหมด จนไม่เห็นแสงดาว ชื่อหนัง Midnight Cowboy จึงหมายถึง คนหลงยุคที่อยู่ผิดที่ผิดทาง ในสถานที่ที่มืดมิดไร้เป้าหมาย (แสงจากดวงดาวมักแทนถึงความฝัน ความหวัง เป้าหมาย)

นี่คิดเล่นๆนะ หรือว่าความหมายของคาวบอยที่ผู้เขียนพูดถึงในย่อหน้าก่อนจะเริ่มต้นมาจากหนัง Midnight Cowboy เรื่องนี้

‘รัตโซ (Ratso)’ เป็นชื่อที่บ่งบองถึงตัวละครชัดมากๆ เหมือนหนูที่อาศัยเอาตัวรอดตามท่อน้ำ สถานที่สกปรกโสโครก (อาศัยอยู่ในบ้านที่ถูกทิ้ง) ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองเอาตัวรอด ขโมยของ หลอกลวง โดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น การที่บัคได้พบกับรัตโซถือได้ว่าเป็นการค้นพบสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในเมืองแห่งนี้ และการได้อาศัยอยู่ด้วยกันคือการเรียนรู้และค้นพบตัวเอง ถ้าเขายังขืนปล่อยตัวปล่อยใจ ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย ชีวิตคงลงเอยไม่ต่างจากรัตโซ

สำหรับตอนท้ายที่บัคและรัตโซเดินทางไปฟลอริดาเหมือนกับการได้ละทิ้งทิฐิที่อยู่ในใจของพวกเขากับเมืองที่เต็มไปด้วยแสงสว่าง พวกเขากำลังได้เริ่มต้นใหม่ บัคทิ้งชุดคาวบอยของเขา และตั้งใจจะเลิกเป็นคนหลอกลวง ส่วนรัตโซ … มันคงสายเกินไปสำหรับเขาที่จะเริ่มใหม่ แต่จุดสิ้นสุดของสิ่งสิ่งหนึ่งคือการเริ่มต้นใหม่ของอีกสิ่งหนึ่ง

ส่วนตัวผู้เขียนชอบหนังเรื่องนี้นะ โดยเฉพาะการแสดงเท่ๆ บ้าๆ ของทั้งฮอฟฟ์แมนและวอยต์อย่างไม่มีใครยอมใคร ความโดดเด่นเกินหน้าเกินตาหนังอย่างมาก แม้องค์ประกอบอื่นๆ อาทิ งานภาพที่แปลกแหวกแนว และลีลาการตัดต่อที่แสนพิสดารกลับไม่ได้ทำหนังดูน่าสนใจเสียเท่าไหร่

Don`t copy text!