The Last Five Years

The Last Five Years

โดย : ภาสกร ศรีศุข

Loading

นอกจากนวนิยายออนไลน์สนุกๆ ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพจากนักเขียนมากมายแล้ว อ่านเอายังมีเรื่องหนังมาเล่าให้อ่านในคอลัมน์  “อ่านเอาเล่าหนัง” โดย โอ่ง – ภาสกร ศรีศุข ผู้มีความสนใจในเรื่องภาพยนตร์และมีความรักในการอ่านการเขียน เขาจึงเขียนมาเล่าให้ชาวอ่านเอาได้อ่านออนไลน์

*************************

The Last Five Years

ผู้กำกับ : Richard LaGravenese

ผู้อำนวยการสร้าง : Janet Brenner, Kurt Deutsch, Richard LaGravenese, Lauren Versel

ผู้เขียนบท : Richard LaGravenese

อ้างอิงจากละครเวทีเรื่อง The Last Five Years โดย Jason Robert Brown

นักแสดง : Anna Kendrick, Jeremy Jordan

ดนตรีประกอบ : Jason Robert Brown

ผู้กำกับภาพ : Steven Meizler

ผู้ตัดต่อ : Sabine Hoffman

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

เรื่องราวความสัมพันธ์ในระยะเวลา 5 ปีของนักเขียนหนุ่มดาวรุ่ง เจมี่ (เจเรมี จอร์แดน) และนักแสดงละครเวทีสาว เคธี ในขณะที่เรื่องราวความรักของเจมี่จะเดินหน้าจากจุดเริ่มต้น แต่ในทางกลับกันแง่มุมความรักของเคธีจะถูกเล่าย้อนกลับจากจุดจบ สุดท้ายแล้วความทรงจำแห่งความรักของหนุ่มสาวคู่นี้จะได้กลับมาบรรจบกัน และเชื่อมต่อกันอีกครั้งหรือไม่ ร่วมค้นหาจุดเริ่มต้นแห่งจุดจบพร้อมกับพวกเขาได้ใน The Last Five Years

เราควรจะทำความรู้จักของ The Last Five Years กันก่อนว่าจุดเริ่มต้นของหนังมันมาจากละครเพลงที่เปิดแสดงในกลุ่ม ‘ออฟ บรอดเวย์’ ซึ่งละครออฟ บรอดเวย์นั้นเป็นโรงละครพาณิชย์ที่อยู่ในย่านนิวยอร์กซิตี้ แต่ที่เรียกแตกต่างจากบรอดเวย์อยู่ตรงที่ว่า ‘ขนาดของโรงละคร’ ออฟบรอดเวย์นั้นจะเล็กกว่า มีที่นั่งประมาณ 100-499 ที่นั่งเท่านั้น และโปรดักชันของละครนั้นจะครอบคลุมทั้งบทละครพูด มิวสิคัลและการอ่านบทละครสด เช่นเดียวกัน

The Last Five Years เป็นละครเพลงที่เกิดจากการเขียนบทเพลงของ เจสัน โรเบิร์ต บราวน์ เปิดแสดงครั้งแรกในโรงละครชิคาโก นอร์ทไลต์ เธียเตอร์ ในปี 2001 ก่อนที่จะย้ายโปรดักชันมาแสดงในออฟบรอดเวย์ในปี 2002

เช่นเดียวกันกับในเวอร์ชันภาพยนตร์ หนังเลือกใช้วิธีการนำเสนอแบบเดียวกับเวอร์ชันละครเพลงด้วยการให้นักแสดงร้องเพลงต่อกันทั้งเรื่อง (แต่อาศัยวิธีการตัดต่อเอา) โดยเรื่องราวของฝ่ายหญิงจะเล่าจากจุดสิ้นสุดของความสัมพันธ์ ในขณะที่ในมุมของฝ่ายชายกลับถูกเล่าจากจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ไปสู่จุดสิ้นสุด

ชีวิตของเจมี่ เขาฝันว่าจะเป็นนักเขียนนิยายชื่อดัง ในขณะที่เคธีก็ฝันว่าสักวันเธอจะได้โลดแล่นในวงการละครเวทีเช่นกัน อย่างไรก็ตามคนดูที่ไม่ได้ทำการบ้านมาก่อนอาจจะงงเป็นไก่ตาแตกว่าหนังเล่าเรื่องอะไรอยู่ แล้วทำไมเหตุการณ์มันถึงไม่มีความสัมพันธ์กัน อย่างแรกที่คนดูต้องจับสังเกตให้ได้ก็คือการโฟกัสว่าเรื่องที่กำลังถูกเล่าอยู่นั้นเป็นเรื่องของ ‘ใคร’ และเมื่อเรื่องราวเป็นของใคร ตัวละครนั้นจะเป็นผู้ร้องเพลงออกมา

ความสนุก (และความเหนื่อย) อย่างหนึ่งในการดูภาพยนตร์เรื่องนี้คือผู้ชมต้องทำหน้าที่คอยเก็บชิ้นส่วนของตัวละครและเรื่องราวที่พวกเขาเล่าเอามาค่อยๆ ปะติดปะต่อกันทีละเล็กทีละน้อย แล้วเราจะได้เข้าใจถึงความร้าวฉานในความสัมพันธ์ของทั้งคู่

ภาพ : https://www.theatlantic.com/

อย่างไรก็ตามจุดบอดของภาพยนตร์เรื่องนี้คือกว่าที่คนดูจะปรับความเข้าใจในเรื่องราวให้เข้ากับตัวละครได้ก็ปาเข้าไปเกือบครึ่งค่อนเรื่อง และแน่นอนว่าคนที่ความอดทนไม่ถึงคงจะเบื่อไปตั้งแต่ฉากแรกๆ (เพราะงง ดูไม่รู้เรื่องทำไมตัวละครเดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิก ปวดหัว) ประกอบกับด้วยความที่ผู้เขียนเข้าใจว่าในเวอร์ชันละครเพลงนั้น ผู้เล่นน่าจะสามารถส่ง ‘อารมณ์’ ได้จากบทเพลง ‘สดๆ’ บนเวที น่าจะทำให้ผู้ชม ‘มีอารมณ์ร่วม’ ไปกับชะตากรรมของตัวละครได้ดีกว่าในเวอร์ชันหนังที่มีการจัดวางทั้งวิธีการร้องและการส่งสารมาถึงคนดู ซึ่งหลายครั้งคลุมเครือและคนดูก็ถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปจากตัวละครด้วยพร็อพ-บริบทแวดล้อมมากมาย จนคนดูเริ่มจะหมดความอดทนในการติดตามชีวิตตัวละครไปเลย

ข้อดีอย่างมากของหนังเรื่องนี้คือการแสดงที่ ‘เอาอยู่’ ของ แอนนา เคนดริก ที่เฉียบคมทั้งการร้อง การแสดง การรับส่งอารมณ์ที่คุกกรุ่นอยู่ข้างใน ในขณะที่ เจเรมี่ จอร์แดน ถึงจะร้องเพลงบัลลาดได้เพราะแค่ไหน แต่การแสดงในหลายครั้งหลายตอนก็ดูออกจะ ‘น่ารำคาญ’ พอสมควรทีเดียว

ถ้าใครอยากจะลองเสพงานหนังเพลง ‘ที่ไม่ได้ตามขนบ’ หนังเพลงทั่วไป The Last Five Years ถือเป็นตัวเลือกที่ท้าทายไม่น้อยเลยทีเดียว

Don`t copy text!