The Firm

The Firm

โดย : ภาสกร ศรีศุข

นอกจากนวนิยายออนไลน์สนุกๆ ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพจากนักเขียนมากมายแล้ว อ่านเอายังมีเรื่องหนังมาเล่าให้อ่านในคอลัมน์  “อ่านเอาเล่าหนัง” โดย โอ่ง – ภาสกร ศรีศุข ผู้มีความสนใจในเรื่องภาพยนตร์และมีความรักในการอ่านการเขียน เขาจึงเขียนมาเล่าให้ชาวอ่านเอาได้อ่านออนไลน์

************************

ผู้กำกับ : Sydney Pollack

ผู้อำนวยการสร้าง : John Davis, Sydney Pollack, Scott Rudin

ผู้เขียนบท : David Rabe, Robert Towne, David Rayfiel

อ้างอิงจากนวนิยายเรื่อง The Firm โดย John Grisham

นักแสดง : Tom Cruise, Jeanne Tripplehorn, Gene Hackman, Ed Harris, Holly Hunter, Hal Holbrook,

David Strathairn

ดนตรีประกอบ : Dave Grusin

ผู้กำกับภาพ : John Seale

ผู้ตัดต่อ : William Steinkamp, Fredric Steinkamp

 

มิตช์ แม็คเดียร์ คือนักศึกษากฎหมายฮาร์วาร์ดที่ทำคะแนนได้อย่างโดดเด่น จนเขาได้รับการทาบทามจากบริษัทกฎหมายชื่อดังอย่าง Bendini, Lambert & Locke ด้วยข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธ เรียกว่าเพียงเขาเซ็นสัญญาเข้าทำงานแค่ทีเดียว ทั้งเงินทอง บ้าน รถ และลาภยศสารพัดจะประดังมาสู่ชีวิตเขาทันที

และมิตช์ก็เซ็นสัญญา พร้อมพาภรรยาย้ายมาอยู่เมืองเมมฟิส (ที่ซึ่งบริษัทตั้งอยู่) แล้วการทำงานก็เริ่มต้น เขาได้รับการดูแลจาก เอเวอรี โทลาร์ พี่เลี้ยงมือโปรที่สอนกลเม็ดในการเป็นทนายให้กับเขา เรียกว่าทุกอย่างดูไปได้สวยมากๆ จนทำนายได้เลยว่าอนาคตของเขาจะต้องไปได้ไกลแน่ๆ

แต่แล้วก็มีเจ้าหน้าที่ของบริษัทประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตกลางทะเลอย่างเป็นปริศนา และในนาทีที่มิตช์ได้ทราบข่าวนั้นเอง  เขาพบว่าเพื่อนร่วมงานของมิตช์ท่าทีแปลกไป เหมือนหวาดผวาอะไรสักอย่าง แล้วยังมีเจ้าหน้าที่หน่วยสืบของทางการมาติดต่อเขาเพื่อให้เป็นสายในองค์กรนี้ อีกทั้งยังบอกเขาว่าบริษัทที่เขาอยู่มีความลับอยู่มากมาย และการตายที่เกิดนั้นไม่ใช่ครั้งแรก

เมื่อเงื่อนงำมีมากขนาดนี้ มิตช์จึงตัดสินใจลองสืบหาความจริงว่าบริษัทที่เขาทำอยู่นี้มีเบื้องหลังอะไรซ่อนอยู่กันแน่

ถือเป็นหนังระทึกขวัญว่าด้วยโลกแห่งกฎหมายที่แจ้งเกิด จอห์น กริสแฮม ให้เป็นที่จดจำบนโลกภาพยนตร์ เพราะก่อนหน้านี้กริสแฮมคือนักเขียนนิยายแนวลึกลับผสมกับเรื่องของกฎหมาย ซึ่งเขาก็ได้รับความนิยมมากอยู่แล้ว ยิ่งพอหนังเรื่องนี้โด่งดังทั้งในแง่คำชมและรายได้ (ทำเงินสูงเป็นอันดับ 4 ของปี 1993) ชื่อของเขาเลยกลายเป็นของร้อนไปทันที

ต้องยอมรับว่าเรื่องราวที่กริสแฮมประพันธ์นั้นมีดี มีประเด็นเงื่อนไขในการสร้างความระทึกได้อย่างพอเหมาะ สำหรับฉบับหนังนี่ก็ถือว่าน่าติดตามไม่เลว ส่วนสำคัญที่ทำให้หนังออกมาดีต้องยกให้การแสดงของเหล่าดาราอย่าง ทอม ครูซ นี่ถือว่าไม่เลว ลื่นไปกับบทมิตช์ได้ดี แต่กระนั้นหากว่ากันตามจริงแล้ว หนังคงจืดไปหลายนาทีหากไม่มีดาราสมทบเยี่ยมๆ ไล่มาตั้งแต่แฮ็กแมน, ทริปเปิลฮอร์น ต่อด้วยดาราคุณภาพอย่าง ฮัล โฮลบรูก  ในบท โอลิเวอร์ แลมเบิร์ต หนึ่งในผู้บริหารบริษัท วิลฟอร์ด บริมลีย์ แสดงเป็น วิลเลียม เดวอชเชอร์ หัวหน้า รปภ. ของบริษัท เอ็ด แฮร์ริส เป็นเจ้าหน้าที่เทอร์เรนซ์ คนที่มาติดต่อ (แกมขู่) ให้มิตช์เป็นสายให้ทางการ เดวิด สเตรทธาร์น เป็นเรย์ พี่ชายของมิตช์ แกรี บูซีย์ เป็น เอ็ดดี้ โลแม็กซ์ ทนายจอมกะล่อนที่ช่วยมิตช์อย่างลับๆ และ ฮอลลี ฮันเตอร์ ในบท แทมมี เลขาหน้าสวยของเอ็ดดี้

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

ดาราแน่นมาก และพวกเขานี่แหละที่ทำให้รสชาติหนังออกมาเข้มข้น มีความลุ้น มีจังหวะตื่นเต้นและน่าติดตาม แค่ดูนักแสดงเทพๆ มาเฉือนฝีมือกันก็โอเคในระดับหนึ่งแล้วล่ะ

ด้านเนื้อหาก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนหรอกนะ ตามจริงแล้วครึ่งแรกออกจะเรื่อยๆ ไปสักนิด หนักไปทางเล่าเรื่องชีวิตของมิตช์เป็นหลัก ระหว่างนั้นก็มีการทิ้งปมให้คนดูสงสัยบ้างเล็กๆ น้อยๆ ก่อนครึ่งหลังหนังจะเข้าสู่ช่วงลงมือตามล่าหาความจริงเกี่ยวกับบริษัทของมิตช์ อันทำให้มิตช์ต้องเสี่ยงภัยสารพัด และนั่นล่ะ ความสนุกตื่นเต้นมันอยู่ตรงครึ่งหลังนี่แหละ ซึ่งก็ต้องขอชื่นชม ซิดนีย์ พอลแล็ก ด้วย รายนี้ทำหนังแนวระทึกตื่นเต้นได้น่าติดตามเสมอ และยังเป็นความระทึกที่เป็นไปได้ ไม่โม้สะบัดจนเกินไป

อีกส่วนที่เติมพลังความน่าติดตามให้หนังได้อย่างเจ๋งเกินคาดก็คือดนตรีประกอบที่มาพร้อมทำนองเปียโนที่ไม่เหมือนใคร ให้อารมณ์ครึกครื้นยามบรรยากาศสบาย และให้อารมณ์ชวนคิ้วขมวดเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากล ซึ่งผู้เขียนเองก็รู้สึกว่าทำนองดนตรีแบบในหนังเรื่องนี้เป็นเอกลักษณ์จริงๆ

หนังมีดีตรงดาราสมทบ ดนตรีเยี่ยม และความลุ้นเป็นระยะ ในขณะที่สาระเด็ดๆ นั้นอาจมีไม่มาก เพราะหนังเน้นความระทึกชวนติดตามเป็นหลัก ตัวเอกของเรื่องก็เป็นคนดีแท้ บริษัทแห่งนี้ก็มีลับลมคมในเหลือแหล่ หลายๆ อย่างในเรื่องเลยดำเนินไปตามน้ำ คนดีก็สู้ไป คนไม่ดีก็หาทางปกปิดไป เลยทำให้ไม่ได้มีปมขัดแย้งให้เราเกิดคำถามหรือจุดประเด็นความคิดอะไรนัก อันนี้ออกจะต่างจากหนังที่สร้างจากนิยายของกริสแฮมหลายๆ เรื่องที่มักมีประเด็นชวนให้เราคิดและไตร่ตรองเกี่ยวกับแง่มุมแห่งกฎหมายค่อนข้างมาก

หากจะมีอะไรสะกิดให้คิด ก็คงเป็นการพิจารณากระบวนการทางกฎหมายให้ดี อย่างในเรื่องนั้นกฎหมายกลายเป็นเครื่องมือทำเงิน เป็นอาวุธทำลายกัน หรือการทำคดีให้กับลูกค้านั้นก็อาจมีการล่อหลอกให้ลูกค้าต้องเสียเงินมากกว่าปกติ หรือไม่ก็ถือโอกาสหักหลังลูกค้า ฯลฯ

ต้องยอมรับว่ากฎหมายที่มนุษย์สร้างขึ้นมานั้นมีคุณและมีโทษพอๆ กัน แต่น่ากลัวตรงที่ระยะหลังเราชักจะเห็นคนใช้กฎหมาย (หรือใช้ช่องโหว่ทางกฎหมาย) ในทางที่สร้างเงินให้ตน แต่สร้างทุกข์ทนให้สังคม… คนทำแบบนี้อยากให้มีน้อยๆ เหลือเกิน ไม่มีเลยยิ่งดี เพราะแค่นี้โลกก็วุ่นวายพอแล้ว

เป็นหนังเก่าอีกเรื่องที่ดูได้ตื่นเต้นกำลังดี

Don`t copy text!