Gravity

Gravity

โดย : ภาสกร ศรีศุข

นอกจากนวนิยายออนไลน์สนุกๆ ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพจากนักเขียนมากมายแล้ว อ่านเอายังมีเรื่องหนังมาเล่าให้อ่านในคอลัมน์  “อ่านเอาเล่าหนัง” โดย โอ่ง – ภาสกร ศรีศุข ผู้มีความสนใจในเรื่องภาพยนตร์และมีความรักในการอ่านการเขียน เขาจึงเขียนมาเล่าให้ชาวอ่านเอาได้อ่านออนไลน์

*************************

ผู้กำกับ : Alfonso Cuarón

ผู้อำนวยการสร้าง : Alfonso Cuarón, David Heyman

ผู้เขียนบท : Alfonso Cuarón, Jonás Cuarón

นักแสดง : Sandra Bullock, George Clooney

ดนตรีประกอบ : Steven Price

ผู้กำกับภาพ : Emmanuel Lubezki

ผู้ตัดต่อ : Alfonso Cuarón, Mark Sanger

“Gravity” เป็นเรื่องราวของ ดร. ไรอัน สโตน วิศวกรอัจฉริยะด้านการแพทย์ที่อยู่ในภารกิจบนยานอวกาศเป็นครั้งแรกร่วมกับ แมตต์ โควัลสกี้ มนุษย์อวกาศที่มากประสบการณ์ แต่ช่วงที่เดินสำรวจอวกาศได้เกิดเหตุร้ายขึ้น ยานอวกาศพังสิ้นสภาพจนสโตนและโควัลสกี้ต้องอยู่อย่างเคว้งคว้าง ไม่สามารถยึดติดกับสิ่งใดได้นอกจากพวกเขาที่ต้องโคจรออกไปในความมืด

ความเงียบสงัดบอกกับพวกเขาว่าหมดทางติดต่อกับโลก… และโอกาสในการได้รับความช่วยเหลือแล้ว ขณะที่ความกลัวเปลี่ยนเป็นอาการขวัญเสีย ห้วงอวกาศที่กว้างใหญ่ก็ทำให้ออกซิเจนที่มีน้อยนิดค่อยๆ หมดลง แต่โอกาสเดียวที่จะได้กลับบ้านคือการเดินทางสู่ห้วงอวกาศที่น่ากลัวต่อไป

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

มีความแปลกใหม่ในแง่ของการจับประเด็นทางด้าน ‘เหตุผลของการมีอยู่ของชีวิต’ มาใส่ในพล็อตที่เป็นไซ-ไฟ ซึ่งเนื้อในแท้ๆ ของหนังไม่มีอะไรเกี่ยวโยงกับความเป็นไซ-ไฟมากนัก แต่ใช้ความเคว้งคว้าง เงียบงันของห้วงอวกาศเป็นจุดที่ทำให้คนดูสร้างอารมณ์ร่วมและเข้าถึงปรัชญา (ที่ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรนัก) หลายๆ ข้อที่หนังพยายามนำเสนอได้ง่ายขึ้น ต้องยอมรับว่า ห้วงอวกาศอันเคว้งคว้างสร้างอารมณ์ให้คนดูได้ดี การใช้จักรวาลอันหาที่สุดไม่ได้มาเป็นฉากของเรื่องราวต่างๆ ทำให้ผู้ชม (หรือผู้อ่านนิยาย)มี จินตนาการและ ‘คล้อยตาม’ กับมโนภาพในใจได้เอง แล้วนำไปสู่ความเชื่อในที่สุด ประกอบกับการถ่ายทำที่ดีพอ แถมบทดัดแปลงทำออกมาได้เข้าใจง่าย ตามง่าย ไม่งง ไม่มีความรู้สึกประเภท เอ๊ะ! เมื่อกี้มันอะไรนะ แบบนั้น แปลว่าหนังเรื่องนี้ ‘ดูง่าย’

ยอดเยี่ยมมาก ต้องยอมรับว่าผู้กำกับ Alfonso Cuarón เป็นพวกชอบเล่นมุมแปลกๆ เพราะหนังสร้างชื่อของเขาอย่าง Y Tu Mamá También และ Children of Men หรือแม้แต่การกำกับผลงานฮอลลีวูดเรื่องแรกๆ ของเขาอย่าง Great Expectations ก็มีมุมกล้อง การแพนภาพ และการนำเสนอรายละเอียดขององค์ประกอบในฉากที่ค่อนข้างแปลกตา มีจุดเล็กจุดน้อยให้ตาเราจับจ้องเสมอ ใน Gravity ก็เช่นกัน เล่นมุมมองหลากหลาย จนคนดูมีอารมณ์ร่วมไปกับฉากอย่างเนียนๆ ที่เด่นมากคือในช่วงต้นเรื่องที่เกิดเหตุ และช่วงท้ายเรื่องตอนสรุปจนจบเป็นสองช่วงของหนังที่ดึงเราเอาไปเป็นตัวละครเลยจริงๆ มันหวือหวาแต่น่าเชื่อถือมากแท้ๆ ครับ

ยิ่งใหญ่ สวยงาม สมจริง ผู้เขียนหมายถึงภาพทั้งหมดทั้งมวลในหนังดูสมจริงกำลังดี ไม่หวือหวาเกินจริงจนขาดความน่าเชื่อถือเหมือนอย่างที่หนังประเภทนี้โดยมากชอบทำกัน ทั้งอวกาศ โลก ดวงดาว ยาน ดาวเทียม ทุกอย่างดูใช่ดูจริงเหมือนภาพในสารคดี ไม่มีการระบายสี เพิ่มแสงให้ดูเยอะจนจับต้องไม่ได้ ระบบสามมิติช่วยให้ภาพดูสมจริงขึ้นมากๆ แต่ไม่หลอกจนปวดหัว ลงตัวดี

ภาพ : space.com

รายละเอียดยิบย่อยเก็บมาดีมากทั้งเรื่อง แต่เด่นมากจนต้องยกถ้วยให้ต้องในฉากที่ตัวเอกกำลังหมุนเคว้งหลุนๆ กระแทกยานอวกาศ สมจริงเหมือนแสดงเองจนหายใจไม่ทั่วท้องเลย

ดีอีกแล้ว คือจังหวะเร่งเร้าก็ดังปรี๊ดขึ้นมาถูกจังหวะหนังมาก แต่ที่ประทับใจมากคือมันเป็นดนตรีที่แปลก! คือไม่เหมือนหนังอวกาศเรื่องอื่นๆ อธิบายยากแต่ลองนึกถึงหนังอย่าง Star Wars หรือ Star Trek มันจะมีเสียงดนตรีประกอบคล้ายๆ กัน อย่างเสียงกดคีย์บอร์ดลากยาว เสียงออร์แกนแหลมๆ เป็นต้น แบบรู้เลยว่าเสียงนี้ ยานแม่กำลังมา อะไรแบบนี้… แต่ใน Gravity ไม่เลย มันไม่มีเสียงแบบนั้นเลย ต้องไปดูเองแล้วลองสังเกต จะเข้าใจว่าผู้เขียนหมายถึงอะไร

Gravity เป็นหนังประเภทที่มีตัวเอกแค่คนเดียวเป็นตัวดำเนินเรื่องทั้งหมด ซึ่งก็คือ แซนดรา บูลล็อก บทของเธอคือวิศวกรการแพทย์ผู้ถูกฝึกมาเพื่อปฏิบัติหน้าที่บนอวกาศ เนื่องจากอุปกรณ์ที่ใช้ในกระสวยอวกาศหลายชิ้นพัฒนามาจากอุปกรณ์ทางการแพทย์ แปลว่าเธอไม่ใช่นักบินอวกาศนะ ส่วน จอร์จ คลูนีย์ ขอบอกว่าเป็นแค่ตัวประกอบ มาแบบหล่อๆ เล่นเป็นตัวเอง ไม่โดดเด่นอะไร แต่ไม่มีไม่ได้

แซนดราเอาคนดูอยู่จริงๆ กับการแสดงที่ทรงพลังแต่ไม่ดูเกินจริงมากจนลืมคำว่า แซนดรา บูลล็อก ไปเลย ตลอด 90 นาทีที่ดูหนัง เราเชื่อเลยว่านี่ไม่ใช่ แซนดรา บูลล็อก เพราะนางทิ้งบุคลิกของตัวเองไปจนแทบไม่เหลือ การพูด สีหน้า ท่าทาง ไม่ติดความเป็นตัวเองมาใช้ในหนังมากเกิน

ภาพ : https://www.newscientist.com/

ในวัย 49 ปี แซนดราดูมาถูกทางกับการเลือกบท (ที่ผสมโชค) การรับบทดร. ไรอัน ถือเป็นการพิสูจน์ว่า Oscar ปี 2009 ที่ได้มา ไม่ใช่เพราะนางเป็นขวัญใจชาวอเมริกันแบบยัย จูเลีย โรเบิร์ตส แต่เธอเป็นนักแสดงที่มีความสามารถจริงๆ ใน Gravity เธอดูหวาดกลัว สิ้นหวัง อ่อนแอ และกลับมาฮึดสู้ ทั้งๆ ที่มีความกลัวอยู่ล้นจริต… มันดูเป็นมนุษย์มาก มันดูเป็นคนข้างๆ เราคนหนึ่ง ดูเป็นใครก็ได้ ใครๆ ก็คงเป็นอย่างเธอถ้าต้องตกอยู่ในสถานะการณ์นี้ แซนดรา บูลล็อก มอบความสมจริงให้กับคนดูแบบไม่กระโชกโฮกฮาก ไม่กระชาก ไม่สุดโต่ง แต่จบแล้วสวยงาม… นานนานจะเจอคนเล่นได้แบบนี้ คงต้องชมผู้กำกับด้วยที่ควบคุมเธอให้อยู่ในความ ‘พอดี’

Gravity เป็นหนังที่ดีในแง่ของการเป็นภาพยนตร์ตลาด หนังสนุก ดาราแสดงดี ภาพเสียงดี และให้ข้อคิดดีๆ จบแล้วมีความรู้สึกดีๆ เกิดขึ้นในใจ เท่ากับครบทุกองค์ประกอบของความเป็นหนังดีเรื่องหนึ่ง

เราเป็นคน เกิดมามีคุณค่าต่ออะไรสักอย่าง หรือต่อใครสักคนแน่ๆ ถึงเราจะไม่มีใครให้เราใช้ชีวิตอยู่เพื่อเขาในตอนนี้ แต่อย่าดูถูกอนาคตของเรา เราไม่ได้มีแค่คนในอดีตและคนในปัจจุบัน พรุ่งนี้… สิ่งที่มีค่าพอที่จะทำให้เราอยากมีลมหายใจไปอีกนานๆ อาจจะมายืนอยู่ตรงหน้าเราก็ได้ อย่าดูถูกการมีชีวิตอยู่ในวันต่อๆ ไป… นะ

Don`t copy text!