Monster Hunter

Monster Hunter

โดย : ภาสกร ศรีศุข

Loading

นอกจากนวนิยายออนไลน์สนุกๆ ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพจากนักเขียนมากมายแล้ว อ่านเอายังมีเรื่องหนังมาเล่าให้อ่านในคอลัมน์  “อ่านเอาเล่าหนัง” โดย โอ่ง – ภาสกร ศรีศุข ผู้มีความสนใจในเรื่องภาพยนตร์และมีความรักในการอ่านการเขียน เขาจึงเขียนมาเล่าให้ชาวอ่านเอาได้อ่านออนไลน์

************************

Monster Hunter

ผู้กำกับ : Paul W. S. Anderson

ผู้อำนวยการสร้าง : Jeremy Bolt, Paul W. S. Anderson, Dennis Berardi, Robert Kulzer, Martin Moszkowicz

ผู้เขียนบท : Paul W. S. Anderson

อ้างอิงจากเกม Monster Hunter โดย Capcom

นักแสดง : Milla Jovovich, Tony Jaa, Tip “T. I.” Harris, Meagan Good, Diego Boneta, Josh Helman, Jin Au-Yeung, Ron Perlman

ดนตรีประกอบ : Paul Haslinger

ผู้กำกับภาพ : Glen MacPherson

ผู้ตัดต่อ : Doobie White

เบื้องหลังโลกของเรา ยังมีอีกโลกหนึ่ง โลกของสัตว์ประหลาดที่อันตรายและทรงพลัง ผู้ครองอาณาเขตของพวกมันด้วยความดุดัน ในตอนที่พายุทะเลทรายที่คาดไม่ถึงได้พาร้อยโทอาร์เทมิส และลูกน้องของเธอไปสู่โลกใหม่ เหล่าทหารก็ต้องตกตะลึงเมื่อได้ค้นพบว่าสภาพแวดล้อมที่โหดเหี้ยมและพวกเขาไม่รู้จักนี้เป็นที่อยู่ของสัตว์ประหลาดยักษ์ที่น่าสะพรึงกลัว และพวกมันก็ไม่สะดุ้งสะเทือนต่ออาวุธปืนของพวกเขาด้วย ในการต่อสู้อย่างสิ้นหวังเพื่อเอาชีวิตรอด พวกเขาได้พบกับฮันเตอร์ผู้ลึกลับ ผู้ซึ่งทักษะเฉพาะตัวของเขาทำให้เขาอยู่เหนือสัตว์ประหลาดที่ทรงพลังเหล่านี้ไปอีกก้าวหนึ่ง ขณะที่อาร์เทมิสและฮันเตอร์กำลังค่อยๆ เกิดความไว้วางใจซึ่งกันและกัน เธอก็ค้นพบว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่นำโดยพลเรือเอก ในการเผชิญหน้ากับอันตรายที่ยิ่งใหญ่จนอาจเป็นภัยคุกคามต่อโลกของพวกเขาได้ นักรบผู้หาญกล้าจะต้องผสานความสามารถพิเศษของพวกเขาเพื่อรวมใจเป็นหนึ่งสำหรับการต่อสู้ครั้งสุดท้าย

เป็นไปตามที่คาดการณ์ หนังมาเพื่อมอบฉากแอ็กชันตลอดชั่วโมงครึ่งล้วนๆ เนื้อเรื่องแทบไม่ไปไหนเลย เรื่องราวทั้งหมดก็ตามที่ผู้เขียนเล่าตั้งแต่ต้นนั่นแหละ สำหรับคนที่เล่นเกมมาบ้างก็พอเข้าใจเรื่อง มันไม่ได้ห่วย แต่ปัญหาคือ เนื้อเรื่องมันบาง ทำให้องก์ของหนังมันยืดมากๆ ช่วงองก์ที่ 1 กับ องก์ที่ 2 คือวนอยู่กับแนวสยองขวัญหนีตายเสริมด้วยดราม่าของตัวละครที่ชวนหลับและแทบจะไม่ไปข้างหน้าเลย โชคดีที่ตัวอย่างหนังเอาองก์ต้นมาทำเป็นตัวอย่างแล้ว 80 เปอร์เซ็นต์ ทำให้พอเข้าสู่องก์ที่ 3 จะเป็นช่วงที่ใครเล่นเกมมาน่าจะชอบขึ้นมาบ้าง เพราะมันเป็นฉากที่น่าจะมีความใกล้เคียงกับในเกมมากที่สุด ฉากแอ็กชันระทึกดีไหม อยู่ในระดับที่พอว้าว พอตกใจ พอระทึกอยู่ โดยเฉพาะอสูรกายที่เอามาจากเกมและดัดแปลงให้น่าสะพรึง ตั้งอยู่บนโลกภาพยนตร์ และมีบทบาทที่ชัดเจน ตัวละครที่เด่นสุดอยู่ในโปสเตอร์แล้วอย่างมิลล่ากับ จา พนม คือเด่นที่สุดแล้ว มีมุกตลกตบกันไปมา เคมีก็เข้ากันมากแบบไม่น่าเชื่อ ในขณะที่ตัวละครที่เหลือเอามาเพื่อให้รู้ว่านี่เป็นกองทัพสหรัฐฯ นะ หนังขายมอนสเตอร์กับภรรยาผู้กำกับตามเคย

ด้วยความที่ดูสนุก อสูรกายที่ออกมาจึงยิ่งใหญ่และน่าตกตะลึงมาก และอีกกว่าสิบชนิดที่แฟนเกมจะได้เห็นในหนังเรื่องนี้ ยังไม่รวมกับตัวละครจากในโลกเกมที่ได้มามีชีวิตในหนังด้วย แต่หนังก็มีความไม่สมเหตุสมผลของพล็อตมากมาย ตั้งแต่ในตัวอย่างที่ดูท่าจะตัดออกไม่ได้แล้ว ใส่ความฉับไวของเรื่องเข้าไป เราจึงได้หนังที่เรารู้สึกอิหยังวะในแง่ของฉากต่อสู้ระยะประชิดที่ไม่รู้มันจะตัดไปตัดมาอะไรของมัน ตัดฉึบไปมาให้เท่ๆ แต่แทบจับต้องอะไรไม่ได้เลย ไม่รวมกับการที่ตัวละครหลักอย่างอาร์ทีมิสที่แบกทั้งเรื่อง แบกฉากแอ็กชัน แบกฉากตลก เด่นที่สุดในเรื่อง เด่นแบบ… เอ้อ ถ้าเป็นคนอื่นคือไม่น่ารอด การวางท่วงท่าการต่อสู้ที่ไม่มีศิลปะแบบในเกมที่มีท่วงท่าสวยงาม กลับมีเพียงกระโดด ฟาด ฟัน ยิง แบบหนังมอนสเตอร์ทั่วไป ที่พอจะอุ่นใจได้บ้างคือการที่ได้เห็นสถานที่หรือวัตถุดิบจากเกมบางส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมในเนื้อเรื่อง

สิ่งที่หนังทำได้ดีมากๆ คือดนตรีประกอบและงานสร้างที่จัดเต็ม ตั้งแต่ซีจี เสียงฟัน เสียงยิง ดนตรีฉากระทึกและเศร้าก็ทำออกมาได้เข้ากับโทนอารมณ์ ยังไม่รวมกับการเนรมิตโลกของมอนสเตอร์ให้ออกมามีชีวิตจริง มีสังคมของมัน จนเหมือนได้ไปสำรวจในดินแดนดังกล่าวด้วยตัวเอง ซึ่งทำให้คนที่ไม่เล่นเกมมาจะมีอารมณ์ร่วมราวกับเป็นหนังแฟนตาซีเรื่องหนึ่ง ในขณะที่คนเล่นเกมก็จะได้เห็นสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับในเกมมากที่สุด เรียกได้ว่าเอาใจกันแบบสุดๆ เอาใจจนลืมเกลาบทที่เบาบางยิ่งกว่าผืนทรายในเรื่องอีก เรียกได้ว่าหนังขายความบันเทิงที่ไม่ได้บันเทิงมากมายแบบที่หนังพยายามจะเป็นเลย

ในเรื่องการแสดง ต้องยอมรับ มิลล่า โจโววิช เอาอยู่ อาจจะไม่ใช่ระดับเก่งกาจอะไร ได้เห็นความเข้มแข็งและอ่อนแอที่มีมิติ และมีชีวิตชีวาของอาร์ทีมิสมาก แถมตัวละครเธอก็เจ็บหนักที่สุดตั้งแต่เล่นหนังมาแล้ว ใครอยากเห็นเธอเป็นกระสอบทรายก็น่าจะถูกใจกันนะ แต่ที่ต้องยอมรับเลยคือ โทนี่ จา ที่บทพูดมีไม่มาก แถมไม่ใช่ภาษาอังกฤษด้วย เพราะเป็นคนต่างโลก แต่ก็มาสร้างมิติความเท่ของตัวละครฮันเตอร์ที่มีปมที่น่าเห็นใจและเอาใจช่วยได้ ไม่รวมกับคิวบู๊ที่เอาอยู่แทบทุกฉาก โดดเด่นไม่แพ้ภรรยาผู้กำกับ มีมุมตลกเคมีเข้าขากับมิลล่ามาก ยิ่งฉากแท็กทีมกันสู้คือบันเทิงใช้ได้เลย เรียกได้ว่าคัดเลือกนักแสดงออกมาได้ดีเลย ถึงจะยังติดกรอบขายภรรยาอยู่ก็เถอะ แต่ โทนี่ จา ก็กลายเป็นนักแสดงชาวไทยที่ได้ไปสร้างผลงานในวงการโลกได้อย่างสวยงาม คิดว่าต่อไปถ้าฝึกฝนภาษาน่าจะไปได้ไกลในกว่านี้บนเวทีโลกแน่นอน

ถ้าใครอยากดูหนังมันๆ เรื่องนี้ให้ได้ แต่ถ้าใครคาดหวังเนื้อเรื่องดีๆ สไตล์ผู้กำกับคนนี้ ผู้เขียนไม่แนะนำ มิหนำซ้ำหนังยังจบเหมือนกับภาคแรกเป็นแค่ปฐมบทน้ำจิ้มเล็กๆ ภาคสองคือของจริง ซึ่งนี่คือสิ่งที่ผู้เขียนหงุดหงิดมานานแล้วกับเรื่องแบบนี้ ถึงจะทำรายได้ไม่ดี แต่ตอนนี้ทางผู้กำกับก็เขียนบทเตรียมทำภาคต่อเรียบร้อยแล้ว แต่ค่ายโซนี่จะโอเคหรือไม่นะกับรายได้ที่เรียกว่าขาดทุนในตอนนี้ที่ทำไปได้เพียง 13 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 60 ล้านเหรียญ คงไม่เจ็บตัวหนักเท่าไหร่นัก แต่ถึงอย่างนั้นผู้เขียนก็ยังอยากเห็นภาคต่ออยู่นะว่ามันจะไปสุดแค่ไหน ออกทะเลอีกไหมและเราจะได้เห็นว่าอสูรกายตัวไหนในเกมจะได้ปรากฏตัวในจอเงินอีก

ถือเป็นหนังที่นานาจิตตังแล้วกัน พูดเท่านี้ ซึ่งผู้เขียนอยู่ในทางกลางๆ ไปทางชอบ แต่มันไม่ใช่หนังดีตั้งแต่มันจั่วหัวแล้ว มันเป็นหนังจากเกมที่ใส่ร้ายป้ายสีเกมกับความอิหยังวะของผู้กำกับในเวลาเดียวกัน เพราะงั้นแล้วแต่เลยว่าจะชมหรือจะข้าม

Don`t copy text!