The Conjuring : The Devil Made Me Do It

The Conjuring : The Devil Made Me Do It

โดย : ภาสกร ศรีศุข

Loading

นอกจากนวนิยายออนไลน์สนุกๆ ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพจากนักเขียนมากมายแล้ว อ่านเอายังมีเรื่องหนังมาเล่าให้อ่านในคอลัมน์  “อ่านเอาเล่าหนัง” โดย โอ่ง – ภาสกร ศรีศุข ผู้มีความสนใจในเรื่องภาพยนตร์และมีความรักในการอ่านการเขียน เขาจึงเขียนมาเล่าให้ชาวอ่านเอาได้อ่านออนไลน์

************************

The Conjuring: The Devil Made Me Do It

ผู้กำกับ : Michael Chaves

ผู้เขียนบท : David Leslie Johnson-McGoldrick

ผู้ประพันธ์ : James Wan, David Leslie Johnson-McGoldrick

อ้างอิงจากตัวละครโดยนักเขียนบทที่ชื่อว่า Chad Hayes, Carey W. Hayes

ผู้อำนวยการสร้าง : James Wan, Peter Safran

นักแสดง : Patrick Wilson, Vera Farmiga, Ruairi O’Connor, Sarah Catherine Hook, Julian Hilliard

ผู้กำกับภาพ : Michael Burgess

ผู้ตัดต่อ : Peter Gvozdas, Christian Wagner

ดนตรีประกอบ : Joseph Bishara

เป็นเรื่องราวอันน่าสลดใจในความหวาดกลัว การฆาตกรรม และความชั่วร้ายที่พวกเขายังไม่เคยรู้จักที่จะสร้างประสบการณ์หวาดผวาให้กับเอ็ด และ ลอร์เรน วอร์เรน ในการสืบสวนเรื่องราวเหนือธรรมชาติ หนึ่งในกรณีการเจอผีที่น่าตื่นเต้นมากที่สุดของครอบครัววอร์เรน เมื่อจำเลยเด็กในคดีฆาตกรรมให้การว่าเขาถูกปีศาจเข้าสิงและทำไปโดยไม่รู้ตัว

มรดกที่ทำไว้ใน ‘The Conjuring’ ทั้งสองภาคก่อนหน้าได้วางรากฐานพัฒนาการของคู่สามีภรรยาวอร์เรนมาอย่างดี เรารู้จักความนึกคิดจิตใจและความสัมพันธ์ระหว่างสองสามีภรรยาวอร์เรนมาดีมาก ผู้ชมพร้อมที่จะรักตัวละครนำทั้งคู่ตั้งแต่ก่อนดูหนังแล้ว ทำให้สามารถไปเน้นเรื่องราวความน่ากลัวที่ต้องเผชิญได้อย่างเต็มที่ เรียกว่าเบาภาระของผู้กำกับไปไม่น้อย

แต่ดูเหมือนว่าผู้กำกับเองก็ติดกับดักของการแบกรับงานสำคัญอยู่ดี ทำให้เขาพยายามเติมนู่นนี่นั่นให้สมหน้าที่ผู้สานต่อมากเกินไป ถ้าให้นิยามคือเขาติดกับดักความเป็นหนังภาคที่ 3 ที่ต้องยิ่งใหญ่ที่สุดในไตรภาคไปอย่างน่าเสียดาย

เมื่อมิติตัวละครนั้นหาที่สอดแทรกใหม่ๆ ยากแล้ว ในภาคนี้ตัวเอ็ดจึงต้องประสบปัญหาโรคหัวใจเข้ามาเป็นอุปสรรคแทน เพราะเมื่อเอ็ดไม่สามารถดูแลลอร์เรนได้เต็มที่ ปีศาจร้ายก็เล่นงานภรรยาผู้มีสัมผัสพิเศษของเขาได้ง่ายขึ้น ในแง่หนึ่งก็เป็นการสร้างสถานการณ์บีบคั้นที่ดีเหมือนกัน

แต่ที่ทำให้ทุกอย่างผิดเพี้ยนไปจากหนังในจักรวาล The Conjuring เดิมค่อนข้างมาก น่าจะเป็นการเลือกศัตรูตัวใหม่ที่เป็นรูปลักษณ์ของผู้บูชาซาตาน และการอิงคดีฆาตกรรมที่โด่งดังมากๆ ในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเรื่องเหนือธรรมชาติในอเมริกาอย่าง ‘The Devil Made Me Do It’ มาเป็นตัวโฆษณาหลัก แต่พอเอาเข้าจริงก็ให้ความสำคัญและการใช้แง่มุมดราม่าในคดีนี้ไม่หนักแน่นพอ แถมช่วงกลางเรื่องจนกระทั่งถึงท้ายเรื่องยังเสียทรงเทน้ำหนักไปเรื่องอื่นๆ แทนเสียอีก ทำให้หนังแปรรูปจากหนังผีชวนขนหัวลุกไปเป็นหนังแบบหมอผีสู้ด้วยคุณไสยกันแทน ซึ่งคงผิดใจนักดูหนังเดิมอยู่ไม่น้อย

และจะว่าไปในมุมของคนดูหนังที่โตมาแบบวัฒนธรรมไทย เรื่องพวกนี้มันดูธรรมดาเจนตาไปหน่อย แต่คงน่าตื่นเต้นสำหรับฝั่งตะวันตกหรือเปล่าอันนี้ก็ตอบยาก ผู้สร้างถึงได้เลือกเส้นเรื่องแบบนี้มาเล่า แต่สิ่งที่เสียหายไปแน่นอนคือความชั่วร้ายที่นำเสนอเป็นคนที่มีชีวิตชัดเจนหรือโผล่มาเป็นสัตว์ประหลาดไปเลยแบบในเรื่องนี้ มันขาดความน่ากลัวอย่างที่เคยเจอกับผีแม่ชีหรือผีแอนนาเบลลงไปเยอะทีเดียว

ในภาคนี้ การออกแบบความสยองผ่านความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่เปราะบางแบบฉลาดๆ และสร้างสรรค์อย่างในภาคก่อน ยังถูกเติมเต็มด้วยความตื่นเต้นและรูปแบบการพึ่งพาซีจีที่มากเกินไป ทั้งฉากที่ต่อสู้มาถึงหน้าผา หรือในห้องเก็บศพ แม้ดูจะมีฉากใหญ่ๆ ให้เล่นบ้าง แต่ยังไม่ต่อเนื่อง มีการเว้นพักอารมณ์นานเกินไป และภาพรวมที่ก็ต้องยอมรับว่าหนังไม่ได้ดูโดดเด่นแตกต่างกับหนังเรื่องอื่นๆ นัก จะมีที่ดูตื่นตาเป็นเอกลักษณ์ได้หน่อยก็มีไม่กี่ฉาก เช่น ฉากที่ป่าเปลี่ยนจากกลางวันเป็นกลางคืน หรือฉากที่ลอร์เรนวิ่งหนีพร้อมภาพสะท้อนของตนเองที่ใช้เทคนิคการเอานักแสดงแทนมาประกอบฉากได้อย่างสร้างสรรค์

และไม่ใช่ว่าหนังไม่ดีไปหมดหรือล้มเหลว เอาเข้าจริงคุณภาพของงานสร้างและการเล่าเรื่องยังมีกลิ่นอายและระดับที่ดีอย่างผลงานของวานอยู่ไม่น้อย ทั้งการใช้การโคลสอัพเข้าไปในความมืด หรือการทำหนังย้อนยุคให้เนียนตา อีกประการที่สำคัญคือพลังของผีในหนังก็ต้องลดลงไปอย่างไม่ต้องสงสัย แถมจังหวะว่าภาค 3 นี้ ผีในหนังก็ออกแนวปีศาจมากกว่าผีหรือวิญญาณที่บ้านเราจะกลัวได้มากกว่าอยู่แล้วด้วย

งานนี้จึงสรุปได้เพียงว่า ทำดีแล้วล่ะ แต่มันคล้อยตามไม่สุดเพราะเลือกโครงเรื่องที่มีพลังน้อยอย่างน่าเสียดาย

Don`t copy text!