Closer

นอกจากนวนิยายออนไลน์สนุกๆ ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพจากนักเขียนมากมายแล้ว อ่านเอายังมีเรื่องหนังมาเล่าให้อ่านในคอลัมน์  “อ่านเอาเล่าหนัง” โดย โอ่ง – ภาสกร ศรีศุข ผู้มีความสนใจในเรื่องภาพยนตร์และมีความรักในการอ่านการเขียน เขาจึงเขียนมาเล่าให้ชาวอ่านเอาได้อ่านออนไลน์

*************************

ผู้กำกับ : Mike Nichols

ผู้อำนวยการสร้าง : Mike Nichols, Cary Brokaw, John Calley

ผู้เขียนบท : Patrick Marber

อ้างอิงจากนวนิยายเรื่อง Closer โดย Patrick Marber

นักแสดง : Julia Roberts, Jude Law, Natalie Portman, Clive Owen

ผู้กำกับภาพ : Stephen Goldblatt

ผู้ตัดต่อ : John Bloom, Antonia Van Drimmelen

แดน นักเขียนผู้ทะเยอทะยานที่กำลังประสบปัญหาในการเขียนใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในรังไหม เป็นนักเขียนนิยายที่เกิดความผิดหวังจนกระทั่งเขาได้พบอลิซ ผู้กลายเป็นเสมือนเทพธิดาผู้ให้แรงบันดาลใจเขาสามารถที่จะเบ่งบานผ่านเธอได้

สำหรับเขาแล้วความสัมพันธ์คือความรับผิดชอบที่เกิดมาจากตัวเขา กระตุ้นให้เขามีความเชื่อมั่นมากพอที่จะค้นพบผู้หญิงที่เขาคิดว่าเขารักจริงๆ นั่นก็คือแอนนา ช่างภาพที่ประสบความสำเร็จและเพิ่งผ่านการหย่าร้างมา เธอแต่งงานกับแลร์รี แพทย์ผู้ชำนาญเรื่องโรคผิวหนังที่ทั้งหล่อและมีความเชื่อมั่นในตัวเองผู้ซึ่งหัวใจต้องแหลกสลาย และตั้งใจไว้ว่าจะไม่ยอมเจ็บปวดอีก และเพื่อปกป้องตัวเอง เขาจึงลงเอยด้วยการทำให้คนอื่นเจ็บปวด ซึ่งในขณะเดียวกันแอนนาได้แอบคบและมีความสัมพันธ์ลับๆ กับแดน จากคนแปลกหน้าทั้งสี่คนนี้มาเจอกันต่างตกหลุมรักและเลิกรัก และแสดงให้เห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นสามารถโหดร้ายและร้ายกาจแค่ไหน

Closer เป็นหนังดราม่าที่มีแต่การแสดงและบทพูด หนังมีคนเล่นอยู่แค่ 4 คนจริงๆ ไม่มีฉากเลิฟซีนแต่บทสนทนามีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์ค่อนข้างลึกจึงไม่เหมาะกับเด็ก ทั้งเรื่องมีแต่การพูดๆๆ และพูดเหมือนละครเวทีที่มีการเคลื่อนไหวในจอภาพยนตร์ ไม่มีการเร้าอารมณ์หรือจุดไคลแมกซ์ ทั้งหมดนี้คือข้อควรรู้ก่อนที่คุณจะเข้าไปดูเพราะคุณอาจหลับหรือพลิกตัวด้วยความเบื่อหน่าย ถ้าคาดหวังหนังรักหักสวาทเฉือนคมหรือเพียงเข้าไปชมดารานำทั้ง 4 คน

ถ้าความรักมีรูปทรงหรือรูปร่าง หนังเรื่องนี้ก็เหมือนกับการเอาความรักออกมาให้เห็นทุกมุมทุกแง่ แกะเปลือกออกทีละชั้น โดยตัวละครเป็นเสมือนเครื่องมือในการสำรวจความรัก

แทบทั้งเรื่องหนังจะเล่าผ่านตัวละครทีละคู่ ผ่านฉากทีละฉาก และแต่ละตัวละครจะค่อยๆ สำรวจเข้าไปในใจของตัวละครอีกตัวหนึ่งผ่านสายตาของคนดูที่มีส่วนร่วมด้วยโดยไม่รู้ตัว ผ่านสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป พร้อมกับแง่มุมความรักที่กลายมาเป็นคำถามมากมายให้ผู้เขียนเองอดคิดตามไม่ได้ว่าความรักและความหลอกลวง… การพูดความจริงทุกเรื่องเป็นสิ่งที่แสดงออกถึงรักแท้ ถ้าคุณรู้ว่าคุณถูกหลอกเพราะความหวังดีคุณจะยังรักคนรักคุณหรือไม่ (แดนและแลร์รีผู้ไม่เคยหยุดหาความจริง) ความรักและเซ็กซ์ …เป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่ ถ้าคนรักคุณมีเซ็กซ์กับคนอื่นโดยไม่ได้รักแต่เขายังรักคุณ คุณยังจะรักเขาหรือไม่ (แดนกับแอนนา) ความรักและความเป็นเจ้าของ… การครอบครองคือส่วนหนึ่งของความรักหรือไม่ ถ้าคุณรักใครสักคนคุณพร้อมที่จะปล่อยเขาไปหรือไม่ (แลร์รีกับแอนนา) หรือคุณครอบครองเพียงเพื่อไม่อยากสูญเสีย (แดนกับอลิซ) ความรักคือคำคำหนึ่ง… ถ้าคุณเอ่ยปากว่ารักเป็นพันครั้งแต่คนฟังไม่รู้สึกว่ารัก นั่นคือความรักหรือไม่ (อลิซกับแดน)

ถ้าสำรวจลึกลงไปจะพบว่า ตัวละครทั้ง 4 คนไม่มีใครแตกต่างกัน ทุกคนมีความรัก ทุกคนมีความใคร่ ทุกคนต่างอยากได้ความเป็นเจ้าของ ทุกคนต่างก็หลอกลวงและเคยถูกหลอก จะต่างกันก็เพียงนักแสดงและพื้นหลังกับบุคลิกเท่านั้นเอง

‘ความรัก’ ที่หนังพูดถึง… มันเผยแง่มุมที่เราอาจเคยเห็นเคยรู้มาก่อน แต่เรื่องนี้พาเราให้เห็นชัดกว่าความเป็นนามธรรม เพราะมันถ่ายทอดผ่านตัวละครและลงลึกเข้าไปในจิตใจเหมือนแกะกลีบหัวหอมทีละชั้นๆ พร้อมกับมีคำถามให้ขบคิดตลอดเวลา

หนังเรื่องนี้ไม่ได้ให้ความบันเทิงกับผู้เขียนเท่าไหร่นักในช่วงเวลาที่ดู แต่ผู้เขียนชอบหนังเรื่องนี้ค่อนข้างมาก มันไม่ได้น่าติดตามแบบหยุดไม่ได้ แต่มันก็ไม่อยากที่จะหยุดตามเข้าไปสำรวจตัวละครที่หนังค่อยๆ เลาะเปลือกออกมาทีละส่วน เหมือนเราได้ดูการนำบทเรียนเรื่อง ‘ความรัก’ มาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ให้เราเรียนรู้แบบไม่ยัดเยียด แต่เป็นหนังที่ชวนให้ค้นหาและทึ่งไปกับการแสดงที่น่าประทับใจ