Bird Box

Bird Box

โดย : ภาสกร ศรีศุข

Loading

นอกจากนวนิยายออนไลน์สนุกๆ ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพจากนักเขียนมากมายแล้ว อ่านเอายังมีเรื่องหนังมาเล่าให้อ่านในคอลัมน์  “อ่านเอาเล่าหนัง” โดย โอ่ง – ภาสกร ศรีศุข ผู้มีความสนใจในเรื่องภาพยนตร์และมีความรักในการอ่านการเขียน เขาจึงเขียนมาเล่าให้ชาวอ่านเอาได้อ่านออนไลน์

************************

ผู้กำกับ : Susanne Bier

ผู้อำนวยการสร้าง : Chris Morgan, Scott Stuber, Dylan Clark, Clayton Townsend

ผู้เขียนบท : Eric Heisserer

อ้างอิงจากนวนิยายเรื่อง Bird Box โดย Josh Maleman

นักแสดง : Sandra Bullock, Trevante Rhodes, John Malkovich, Vivien Lyra Blair, Julian Edwards, Danielle Macdonal, Lil Rel Howery, Jacki Weaver, Rosa Salazar, BD Wong, Tom Hollander, Sarah Paulson, Colson Baker

ดนตรีประกอบ : Trent Reznor, Atticus Ross

ผู้กำกับภาพ : Salvatore Totino

ผู้ตัดต่อ : Ben Lester

หนังเรื่องนี้จะบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพลังลึกลับที่ทำลายล้างประชากรโลก สิ่งเดียวที่ทุกคนรู้คือหากใครมองเห็นสิ่งลึกลับนี้ ต้องตาย! ในขณะที่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน มาโลรีได้พบกับความรัก ความหวัง และการเริ่มต้นครั้งใหม่ เธอตัดสินใจพาลูกทั้งสองหนีสิ่งลึกลับไปตามแม่น้ำที่เชี่ยวกราก เพื่อไปยังสถานที่แห่งเดียวที่เหลืออยู่ และเชื่อว่าเป็นที่ที่ปลอดภัย โดยทั้งหมดต้องเดินทางฝ่าฟันอันตรายเป็นเวลาถึง 2 วัน และต้องปิดตาไว้ตลอดเพื่อความอยู่รอด

Bird Box ถือเป็นงานที่ Netflix ภูมิใจนำเสนอเป็นอย่างยิ่ง โดยผู้เขียนได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้และต้องยอมรับว่าการได้ชมหนังบนจอของโทรทัศน์ทำให้เราได้รับประสบการณ์ร่วมจากหนังได้อย่างเต็มที่จริงๆ แต่หากเราพิจารณาจากตัวเนื้อหาก็คงต้องบอกว่า หนังเองดูจะเหมาะกับคนที่ชื่นชอบหนังดราม่ามากกว่าคอหนังทริลเลอร์ที่หวังความตื่นเต้นในการเอาชีวิตรอดของมาโลรี เพราะด้วยวิสัยทัศน์ของซูซาน เบีย จากเดนมาร์ก ก็ย่อมคุ้นเคยกับการมองโลกและสังคมอย่างลึกซึ้ง ที่สำคัญคือการนำเสนอตัวละครผู้หญิงที่ต้องเผชิญความโหดร้ายเพื่อก้าวผ่านไปสู่การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ที่อาจทำให้เราดูหนังด้วยความอึดอัดไม่สบายใจเท่าใดนัก

ซึ่ง Bird Box ก็ออกมาในแนวทางที่เธอถนัด เพราะการให้มาโลรีเป็นคนท้องก็ยิ่งแสดงให้เห็นภาวะที่ผู้หญิงต้องเผชิญกับสารพันมรสุมชีวิตเพื่อให้กำเนิดชีวิตใหม่ ยิ่งมาโลรีต้องเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวก็ยิ่งทำให้เห็นความแข็งแกร่งของผู้หญิงในการเผชิญโลกอันโหดร้ายได้อย่างเห็นภาพ ซึ่งหนังก็โหดร้ายมากพอที่จะโยนอุปสรรคในการเอาชีวิตรอดให้ตัวละครทั้งการต้องไปซูเปอร์มาร์เกตแบบมองอะไรไม่เห็นแถมยังมีคนติดเชื้อไวรัสซ่อนอยู่อีก หรือกระทั่งการที่ต้องใช้ชีวิตหลบภัยในบ้านแบบไว้ใจใครก็ตามที่มาเคาะประตูบ้านไม่ได้เลยก็ยิ่งทดสอบระดับมนุษยธรรมของตัวละครได้อย่างหนักหน่วงขึ้นไปอีก ซึ่งการมีตัวละครนำเป็นผู้หญิงก็ย่อมได้คะแนนความเห็นใจจากคนดูไม่ยากนัก แต่ที่ต้องชื่นชมจริงๆ คือการที่หนังไม่ได้ให้มาโลรีเป็นตัวละครแบนๆ เพราะเธอเองก็มีดีมีชั่วมีด้านมืดที่ต้องเอาชนะเพื่อความอยู่รอดของลูกๆ ของเธอ โดยจุดที่หนังสร้างความมืดหม่นสิ้นหวังมากๆ คือการที่มาโลรีไม่ยอมตั้งชื่อลูกของตัวเองเพียงเพราะไม่ต้องการสร้างความผูกพันหากเธอไม่สามารถเอาตัวรอดจากโลกาวินาศในครั้งนี้ได้ รวมถึงหนังยังมีฉากที่แสดงให้เห็นว่าบางครั้งความเมตตาปรานีก็นำมาซึ่งหายนะอันใหญ่หลวงได้เหมือนกัน ซึ่งทำให้หนังสามารถตั้งคำถามกับความเป็นมนุษย์ได้อย่างลุ่มลึกอีกด้วย

แต่ก็อย่างที่ได้เกริ่นไว้ว่าการที่หนังเน้นไปในทางดราม่าส่วนใหญ่ก็ส่งผลให้บางฉากที่หนังสามารถทำให้ตื่นเต้นได้ หนังก็กลับเพิกฉายในการสร้างความตื่นตระหนกไม่ไว้ใจ ทั้งที่มันอาจช่วยให้ตัวหนังเข้าถึงคนดูวงกว้างได้มากขึ้นจนอดเสียดายไม่ได้ว่าการที่หนังมีฉากหลังเป็นโลกล่มสลายและมีไวรัสแพร่ระบาดแต่คนดูกลับไม่ได้สัมผัสมันจากกลวิธีทางภาพยนตร์ของหนังเรื่องนี้แต่อย่างใดจนทำให้กราฟในการดูหนังเรื่องนี้อาจมีตกบ้าง แต่ก็ยังคงคุ้มค่าที่จะดูเพื่อความบันเทิงอยู่นะ

 

Don`t copy text!