Still Human

Still Human

โดย : ภาสกร ศรีศุข

Loading

นอกจากนวนิยายออนไลน์สนุกๆ ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพจากนักเขียนมากมายแล้ว อ่านเอายังมีเรื่องหนังมาเล่าให้อ่านในคอลัมน์  “อ่านเอาเล่าหนัง” โดย โอ่ง – ภาสกร ศรีศุข ผู้มีความสนใจในเรื่องภาพยนตร์และมีความรักในการอ่านการเขียน เขาจึงเขียนมาเล่าให้ชาวอ่านเอาได้อ่านออนไลน์

ผู้กำกับ : Oliver Siu Kuen Chan
ผู้อำนวยการสร้าง : Fruit Chan
ผู้เขียนบท : Oliver Siu Kuen Chan
นักแสดง : Anthony Wong Chau-Sang
ดนตรีประกอบ : Austin Chau
ผู้กำกับภาพ : Derek Siu
ผู้ตัดต่อ : Oliver Siu Kuen Chan

 

เมื่อคนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในแทบทุกด้านแต่ต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ส่งผลให้เปิดมุมมองใหม่ๆ ที่ไม่เคยคิดมาก่อน ‘เหลียงจงหวิง’ เป็นชายสูงอายุที่ป่วยเป็นอัมพาต เขาเคยต้องใช้ชีวิตอย่างสิ้นหวัง จนกระทั่ง ‘เอเวอลีน ซานโตส’ สาวผู้ดูแลชาวฟิลิปปินส์ที่พักความฝันจากการเป็นช่างภาพมาทำงานหาเงินที่ฮ่องกงเข้ามาในชีวิต

เมื่อคนแปลกหน้าทั้งสองต้องมาอยู่ร่วมชายคา ผ่านฤดูกาลแล้วฤดูกาลเล่า พวกเขาจึงได้รู้จักกันมากขึ้น พร้อมกับเข้าใจในตัวตนของตัวเอง และรับรู้รสชาติของชีวิตที่มีสีสันแตกต่างออกไป เกิดเป็นมิตรภาพอันอบอุ่นระหว่างมนุษย์สองคนที่ไม่มีข้อจำกัดของเชื้อชาติหรือสถานะเข้ามาเกี่ยวข้อง

ด้วยหน้าหนังและตัวอย่างหนังที่ได้ชมไปก่อนหน้านี้สารภาพตามตรงเลยว่า Still Human ไม่ได้อยู่ในโฟกัสของผู้เขียนสักเท่าไหร่ ด้วยตัวอย่างหนังที่ตัดออกมาเป็นดราม่าเลี่ยนๆ อีกทั้งภาพของหนังที่มาทางวิดีโอดิจิทัลแบบโจ่งแจ้งมากๆ จนเข้าใจไปเองเลยว่านี่คงเป็นหนังนักศึกษาทำส่งจบอาจารย์แน่ ๆ โดยสิ่งเดียวที่ดึงดูดสายตาเด็กยุค 90s อย่างผู้เขียนคงหนีไม่พ้นเฮียหวงซิวเซิง หรือ Anthony Wong ผู้เคยรับบทสารวัตรสุดเท่ใน Infernal Affair และหนังฮ่องกงดังๆ ที่ดูมาตลอดในวัยเด็ก มารับบทคนพิการนี่แหละ

แต่พอได้สาวเท้าเข้าโรงและหนังได้มีโอกาสปรากฏบนจอ ผู้เขียนแทบอยากเขกหัวตัวเองแรงๆ สัก 100 ที นี่หรือหนังที่เรากำลังจะปล่อยมันผ่านไป เพราะตลอด 115 นาทีของหนัง ไม่มีซักนาทีที่หัวใจและกรามคนดูจะไม่ทำงาน เพราะเรื่องราวมิตรภาพของทั้งอีฟวลีนและชงวิงเหลียงคือความงดงามและเต็มได้ด้วยอารมณ์ขันทั้งที่หลายฉากมันเอื้อให้หนังฟูมฟายหรือเรียกน้ำตาคนดูมาก แต่ฉานสิวกุน ผู้กำกับสาวหน้าใหม่กลับเอาหนังและคนดูอยู่หมัด มันน่ารัก มันตลก และแน่นอนในที่สุดมันก็ทำคนดูร้องไห้แบบเต็มใจให้น้ำตานองหน้า

และอีกข้อที่อยากเขกหัวตัวเองแรงๆ คงหนีไม่พ้นสไตล์ภาพที่ดูวิดีโอมากๆ ในตัวอย่างที่ต้องบอกว่าพอได้ดูหนังถึงเพิ่งเข้าใจว่าผู้กำกับต้องการถ่ายทอดมันแบบสารคดี ซึ่งยังส่งผลให้หลายฉากดูสมจริงมากๆ โดยเฉพาะการพาเราไปสู่ลานปิกนิกแม่บ้านฟิลิปปินส์ที่เป็นกล่องกระดาษขนาดใหญ่เอามาทำเป็นเหมือนคูหาให้พวกเธอได้นินทาเจ้านายและเป็นที่ระบายทุกข์ให้เพื่อนร่วมชาติฟังไปจนถึงเรื่องราวในแฟลตปลาทองที่ชายพิการกับแม่บ้านฟิลิปปินส์กำลังจะได้เรียนรู้ถึงมิตรภาพและการเยียวยาจิตใจอันบอบช้ำ ก็ทำให้มันออกมาดูธรรมชาติและทำให้การแสดงเหมือนไม่ใช่การแสดงได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว

สำหรับนักแสดงนำ ตอนแรกอยากจะชื่นชมแค่เฮียหวงซิงเซิง แต่พอพิจารณาแล้วการแสดงของ คริเซิล คอนซุนจิ ต่างหากที่เป็นหัวใจของเรื่อง เธอเลือกจะใช้การแสดงแบบน้อยแต่มากแสดงออกทางสายตาและเก็บกดในความรู้สึกของเธอในการตอบโต้กับการแสดงแบบของหวงซิวเซิงที่มักจะแสดงออกทุกอย่างออกมาอย่างชัดเจน

ที่สำคัญสารของเรื่องที่ว่าด้วยชีวิตไร้อิสระและไร้ความฝันจะไปไม่ถึงคนดูเลยหากเธอไม่สามารถทำให้เชื่อได้ว่าเธอเป็นแค่สาวใช้ฟิลิปปินส์ที่ดูธรรมดาและยอมก้มหัวให้ชีวิตในตอนแรก ก่อนจะได้รับการโอบอุ้มจากจิตใจอันดีงามของชายพิการที่เธอให้คำจำกัดความเขาว่า ‘The Dream Giver’ และในทางกลับกันมันก็ทำให้บุคลิกแบบขวานผ่าซากของหวงซิวเซิง กลายเป็นน่ารักและเรียกน้ำตาคนดูได้ในช็อตที่เขาเสียน้ำตา

ข้อติติงเดียวของหนังที่เราพร้อมจะเถียงแทนคงหนีไม่พ้นข้อครหาว่ามันนำเสนอเรื่องราวในแง่ดี โลกสวยเกินเหตุ แต่หากเราพิจารณาความเป็นจริงของสภาพฮ่องกงอันตึงเครียดในปัจจุบันแล้วจะเข้าใจเลยว่าการมีหนังแบบนี้ฉายให้คนในประเทศที่กำลังตึงเครียดจากการประท้วงและสภาพเศรษฐกิจที่กำลังถดถอยรวมถึงอนาคตที่ดูมืดมนเร็วเกินเหตุจากมาตรการล่าสุดของจีนแล้วก็คงต้องยกประโยชน์ให้จำเลยไปล่ะนะ

Don`t copy text!