Tom and Jerry

Tom and Jerry

โดย : ภาสกร ศรีศุข

Loading

นอกจากนวนิยายออนไลน์สนุกๆ ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพจากนักเขียนมากมายแล้ว อ่านเอายังมีเรื่องหนังมาเล่าให้อ่านในคอลัมน์  “อ่านเอาเล่าหนัง” โดย โอ่ง – ภาสกร ศรีศุข ผู้มีความสนใจในเรื่องภาพยนตร์และมีความรักในการอ่านการเขียน เขาจึงเขียนมาเล่าให้ชาวอ่านเอาได้อ่านออนไลน์

************************

Tom and Jerry

ผู้กำกับ : Tim Story

ผู้อำนวยการสร้าง : Chris DeFaria

ผู้เขียนบท : Kevin Costello

อ้างอิงจาก : Tom and Jerry โดย William Hanna, Joseph Barbera

นักแสดง : Chloë Grace Moretz, Michael Peña, Colin Jost, Rob Delaney, Ken Jeong, Pallavi Sharda

ดนตรีประกอบ : Christopher Lennertz

ผู้กำกับภาพ : Alan Stewart

ผู้ตัดต่อ : Peter S. Elliot

เมื่อเจอร์รี่ย้ายไปอยู่ที่โรงแรมที่หรูหราที่สุดในมหานครนิวยอร์ก ณ ช่วงเวลาที่กำลังจะมีพิธีการแต่งงานสำคัญ เป็นเหตุให้ผู้จัดงานจำเป็นต้องจ้างทอมมาเพื่อกำจัดเขาให้ออกไปให้พ้นตา เกิดเป็นสงครามระหว่างแมวกับหนูที่อาจทำลายอาชีพการงานของผู้จัดงานคนนั้นไปจนถึงพิธีแต่งงานและชื่อเสียงอันโด่งดังของโรงแรม แถมสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายไปกันใหญ่เมื่อมีพนักงานอีกหนึ่งคนที่พยายามเข้ามาเติมเชื้อเพลิงให้กับความวุ่นวายระหว่างพวกเขา

นับตั้งแต่ William Hanna และ Joseph Barbera หรือที่รู้จักกันในชื่อ Hanna-Barbera ให้กำเนิดแฟรนไชส์การ์ตูนอย่าง Tom and Jerry มาตั้งแต่ปี 1940 ถึงถ้านับเป็น พ.ศ. ก็คือปี พ.ศ. 2483 ซึ่งแน่นอนว่าด้วยความคลาสสิกของเนื้อเรื่องที่ไม่ได้มีอะไรนอกจาก ‘แมววิ่งไล่จับหนู’ แต่ดันเป็นแมววิ่งไล่จับหนูที่ขายมุกแบบที่เรียกกันว่า Slapstick comedy  คือเป็นพวกมุกตลกตีหัว มุกเจ็บตัว มุกผิดพลาดต่างๆ นานาที่พลิกแพลงไหลลื่นไปได้เรื่อยๆ มันก็เลยทำให้การ์ตูนเรื่องนี้กลายเป็นการ์ตูนที่อยู่รอดมาทุกยุคทุกสมัย มีภาคแยกหรือแตกภาคใหม่ มีตัวละครมาเสริมเพิ่มความป่วนในรูปแบบการ์ตูน หรือแม้แต่ย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กก็เคยมีมาแล้ว

แน่นอนว่าในเวอร์ชันภาพยนตร์ก็เคยมีมาแล้วเหมือนกัน ซึ่งในเวอร์ชันภาพยนตร์นั้นมีมาแล้ว 14 ภาค ภาคแรกฉายมาตั้งแต่ปี 1993 โน่น แน่นอนว่าคนไทยอาจจะไม่ได้คุ้นเคยกับการผจญภัยของเจ้าแมวทอมกับเจ้าหนูเจอร์รี่ในเวอร์ชันภาพยนตร์กันสักเท่าไหร่ อาจจะเพราะว่า 14 ภาคก่อนหน้านั้นก็ยังเป็นเพียงแอนิเมชันภาคแยกที่จับเอานิทาน หนังดัง หรือนิยายดังแล้วให้ทอมไปวิ่งไล่จับเจอร์รี่ในนั้นซะมากกว่า

แต่ Tom and Jerry เวอร์ชันปี 2021 นี้ถือว่าเป็นเวอร์ชั่นแรกในโลกที่ผสมผสานแอนิเมชันสามมิติกับคนแสดงเข้าไว้ด้วยกัน เนื้อเรื่องเริ่มต้นด้วยเจ้าหนู ‘เจอร์รี่’ ที่มีโอกาสย้ายเข้าไปอยู่ในโรงแรมสุดหรูใจกลางนิวยอร์กที่กำลังจะกลายเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานสำคัญใหญ่โตของคนดังคนสำคัญให้บังเอิญจังหวะเดียวกันกับ ‘เคย์ลา’ สาวเจ้าเล่ห์แต่ตกอับที่เพิ่งจะตกงานจากร้านซักรีดมาหยกๆ ได้มีโอกาสใช้ความเจ้าเล่ห์เพทุบายจนได้มีโอกาสเข้าไปเป็นพนักงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้ดูแลงานอีเวนต์งานแต่งงานสำคัญนี้โดยเฉพาะ

จนกระทั่งเธอได้ไปเจอกับเจอร์รี่ที่ไม่ใช่แค่มาอยู่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมาป่วนโรงแรม ขโมยของ ขโมยอาหารสารพัดไปสร้างวิมานรูหนูของตัวเองซะงั้น จนกระทั่งเธอได้ไปเจอและมีโอกาสจ้าง ‘ทอม’ แมวคู่ปรับตลอดกาลมารับหน้าที่กำจัดเจอร์รี่ออกไปให้พ้น เพื่อไม่ให้งานแต่งงานสำคัญและชื่อเสียงของโรงแรมต้องมีอันต้องพังพินาศไปเสียก่อน

สิ่งที่หลายคนน่าจะห่วงกันในฐานะของหนังไลฟ์แอ็กชันที่เอาแอนิเมชันคลาสสิกขึ้นหิ้งที่คนทั้งโลกชื่นชอบมาสร้างก็คือจะทำได้ถึงไหม จะคงกลิ่นอายความเป็นต้นฉบับไว้ได้แค่ไหน จะมีปัญหาว่าจากการ์ตูนสองมิติพอเอามาขึ้นเป็นสามมิติมักจะเกิดอาการ ‘ไม่มีความปะติดปะต่อทางด้านภาพ’ เหมือนในแอนิเมชันหลายๆ เรื่องหรือไม่ ซึ่งก็ต้องขอบอกเลยว่า Tim Story ผู้กำกับ (ที่แอบไปรับบทเจ้านกพิราบในเรื่องด้วย) สามารถเก็บรักษากลิ่นอายของความเป็นต้นฉบับเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน เอาตั้งแต่ลักษณะของตัวละครทอมและเจอร์รี่ในรูปแบบสามมิติที่ทำออกมาได้ดูดีและไม่ผิดจากต้นฉบับสองมิติมาก

จนไปถึงแต่ละฉากที่ทั้งคู่ต้องวิ่งไล่จับกัน (ก็แหง นี่มัน Tom and Jerry) ก็ยังคงเอกลักษณ์มุก Slapstick comedy เอาไว้ได้อย่างครบถ้วน คือตอนเปิดเรื่องมาก็มีฉากวิ่งไล่จับกันให้ดูก่อนเลย 1 ยก แถมยังแทบจะไม่เกี่ยวกับเส้นเรื่องหลักด้วยซ้ำ เข้าใจว่าเพื่อดึงผู้ชมกลับไปสู่กลิ่นอายของความเป็น Tom and Jerry ที่คุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็กๆ ส่วนในเนื้อเรื่อง ก็สามารถเอากลิ่นอายวิ่งไล่จับในรูปแบบ Tom and Jerry มาผสมผสานและต่อยอดให้เล่นใหญ่ขึ้น มีฉากที่ไม่ใช่เพียงบ้านเล็กๆ แต่เป็นโรงแรมทั้งโรงแรมและในเมืองนิวยอร์กแทบทั้งเมือง โดยใช้โลเกชันและพร็อพต่างๆ เอามาคิดต่อยอดกลยุทธ์ไล่จับได้สนุกสนาน ตอนท้ายๆ เรื่องนี่ถึงขั้นมีสเกตบอร์ดและโดรนมาเข้าฉากด้วย!

อีกเรื่องที่ไม่ชื่นชมไม่ได้คือเรื่องพล็อต ต้องบอกเลยว่าเป็นพล็อตหนังที่ดูแล้วให้ความรู้สึกดีจริงๆ ดีต่อใจมากๆ โดยเฉพาะการหยิบเอาประเด็นเรื่อง ‘โอกาส’ และ ‘การพิสูจน์ตัวตน’ ของเคย์ลาที่ต้องรับบทเป็นสาวน้อยตกงานที่ไม่ค่อยได้รับโอกาสในการพิสูจน์ตัวตน รวมไปถึงเรื่องราวของความรักของคู่รักคนดังกับความรักที่เกิดปัญหาเพราะไม่ยอมที่จะหันมาฟังกันบ้าง

ที่ต้องชื่นชมเป็นอย่างมากนอกจากการเคารพและต่อยอดจากการ์ตูนต้นฉบับแล้ว อีกสิ่งที่ต้องพูดถึงก็คือบทและการวางพล็อตที่เรียกได้ว่ายอดเยี่ยม โดยเฉพาะการออกแบบมุกที่มีลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ ให้ได้ฮาเล็กฮาใหญ่สลับกันไป เป็นมุกที่แทรกเอาไว้ได้อย่างพอดีพอเหมาะ และที่สำคัญที่สุดคือเป็นการวางพล็อตแบบที่ว่าแอบวางพล็อตไว้ตรงไหน พล็อตก็ตามมาเก็บกลับได้อย่างฮามากๆ เรียกว่าเป็นหนังที่เสียพลังงานไปกับการฮาตลอดเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบเลย

ส่วนนักแสดงหลักอย่าง Chloë Grace Moretz มาถึงเรื่องนี้ก็ต้องชื่นชมว่าสามารถรับบทสาวน้อยตกอับได้ดูตกอับจริงๆ แถมในบางมุมที่เธอมีความเจ้าเล่ห์เพทุบายก็ยังทำออกมาได้มีเสน่ห์ น่ารักและน่าสนใจมากๆ รวมถึงการวางบทบาทให้เจอร์รี่เป็นหนูตัวป่วนโรงแรมที่มีความร้ายอยู่ สำหรับทอมแมวนักดนตรีที่แม้จะเจ็บตัวบ๊อยบ่อย แต่ก็มีความฉลาดเป็นกรด และดูน่าสงสารในบางจังหวะ ก็เป็นการต่อยอดจากต้นฉบับที่เรามักไม่ค่อยรู้เรื่องราวของพวกมันเท่าไหร่ (ก็เอาแต่วิ่งไล่จับกันทั้งเรื่อง) มาสู่การเป็นหนัง Live Action ที่ทำให้ Tom and Jerry ดูมีเสน่ห์และน่ารักขึ้นเป็นกอง

ถ้าอยากจะไปดู แนะนำนะว่าควรไปดูกันตั้งแต่หนังยังไม่ฉายและดูไปตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะนอกจากจะมี End Credits ท้ายเรื่องและลูกเล่นเล็กๆ (ที่ฮาแน่นอนถ้าใครสังเกตทัน) ด้วยความเคารพต้นฉบับและการต่อยอดที่ฉลาดสุดๆ ของหนังเรื่องนี้ เชื่อว่าน่าจะสามารถทำให้คุณย้อนวัยกลับไปตอนที่คุณนั่งดู ทอมแอนด์เจอร์รี่ หน้าทีวี รวมทั้งยังเป็นหนังที่เหมาะที่จะพาครอบครัวไปดูกันในวันหยุดที่รับประกันว่าจะได้ฮาก๊าก อารมณ์ดี เพลิดเพลิน และหายเครียดกันทั้งครอบครัวแน่นอน

Don`t copy text!