同性婚姻 – ถงซิ่งฮุนอิน

同性婚姻 – ถงซิ่งฮุนอิน

โดย : คุณนายฮวง

นอกจาก นิยายออนไลน์ สนุกๆ แล้ว อ่านเอา ยังมีคอลัมน์ ‘(เรื่องเล่า) 6,200 วันในไต้หวัน’ โดย คุณนายฮวง สาวไทยสุดไฮเปอร์ที่จับพลัดจับผลูมาอยู่ไทเปได้หลายปีดีดักกับเรื่องเล่าเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในต่างแดนที่เต็มไปด้วยสีสันและมุมมองหลากหลาย เรื่องราวดีๆ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์

同性婚姻 – ถงซิ่งฮุนอิน หรือ Same-Sex Marriage คือการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน ซึ่งก็หมายถึงชาวสีรุ้งน่ะ ฉันเคยเล่าไปแล้วว่าเมื่อประมาณปี ค.ศ. 2019 สภานิติบัญญัติไต้หวันผ่านร่างกฎหมายอนุญาตให้ชาวสีรุ้งแต่งงานกันได้เป็นชาติแรกในเอเชีย แล้วเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมปี 2023 นี้เองก็ได้ผ่านร่างกฎหมายที่ให้สิทธิแก่คู่รักเพศเดียวกัน สามารถร่วมกันรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม โดยที่เด็กไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดได้ ก็ถือได้ว่าไต้หวันได้บรรลุเรื่องความเท่าเทียมในการแต่งงาน (Marriage Equality) อย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นเพศใดก็ตามกฎหมายรับรองครอบคลุมทั่วถึงหมด

แต่ที่ฉันจะเล่าให้ฟังวันนี้คือมุมมองของฉันที่มีต่อเรื่องนี้ ตลอดมาฉันสนับสนุนเรื่องความเท่าเทียมในการแต่งงานเพราะ รู้สึกว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมาควรมีสิทธิ์เท่าเทียมกันในทุกด้าน แม้กระทั่งเรื่องของการสร้างครอบครัว เนื่องจากเคยเห็นเคสที่ชาวสีรุ้งสูงวัยไม่สามารถเซ็นยินยอมให้คู่ชีวิตของตัวเองรับการผ่าตัดได้ เนื่องจากไม่ใช่คู่สมรสตามกฎหมาย แล้วทั้งคู่ก็ไม่มีญาติพี่น้องเหลืออยู่เลย มันคงปวดใจมากนะคะที่ต้องเห็นคนที่เรารักเจ็บป่วยโดยที่เราทำอะไรไม่ได้

แต่แล้วเมื่อประมาณอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เอง มีข่าวนึงในไต้หวันที่ฉันดูข่าวทีวีแล้วก็ปวดใจกว่า เริ่มไม่แน่ใจว่ากฎหมายเกี่ยวกับ 同性婚姻 – ถงซิ่งฮุนอินจะเป็นสิ่งที่ดีเสมอไปรึเปล่า คือมีข่าวเด็กผู้ชายชั้น ม.6 ตกจากตึกลงมาเสียชีวิต มันอาจจะไม่เป็นข่าวติดต่อกันหลายวัน ถ้าไม่ใช่เพราะว่า เด็กคนนี้เพิ่งจดทะเบียนสมรสกับผู้ชายคนนึงก่อนหน้าที่จะตกลงมาแค่สองชั่วโมง แล้วเด็กคนนี้เป็นทายาทของกองมรดกมูลค่า 500 ล้านหยวน! ฉันเห็นข่าววันแรกแล้วก็ร้องโอย🥴 ตามข่าวที่รายงานนั้น แม่ของเด็กบอกว่า ลูกของนางเคยเจอผู้ชายคนนี้แค่สองครั้ง เพราะนายคนนี้เป็นผู้ช่วยของ 代書 – ไต้ซู ตรงนี้ขออธิบายนิดนึง ไต้ซูคือคนที่มีใบอนุญาตจากรัฐให้ดำเนินการทางด้านกฎหมายใดๆ ได้ (ถ้าให้ฉันเทียบก็น่าจะคล้ายกับ notary public ของทางอเมริกาน่ะค่ะ) แต่ไม่ใช่ทนายความนะคะ ไต้ซูบางรายอาจจะเรียบจบนิติศาสตร์ แต่ไม่สามารถผ่านการสอบเป็นทนายความได้ ก็จะมาทำอาชีพไต้ซูหรือทำงานในฝ่ายนิติกรรมของบริษัทเอกชน ยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆ ดีกว่า สมมติถ้าคนไต้หวันจะทำการซื้อขายบ้านกัน ก็จะมีการจ้างไต้ซูให้เข้ามาจัดการร่างสัญญาซื้อขาย แล้วไต้ซูก็จะเป็นคนวิ่งไปจัดการเรื่องยื่นเอกสารต่างๆ กับทางหน่วยงานราชการต่างๆ ตามที่ได้รับมอบอำนาจมาจากผู้ซื้อและผู้ขาย ให้การโอนกรรมสิทธิ์สำเร็จลุล่วง ประมาณนี้ล่ะค่ะ

กลับเข้ามาเรื่องข่าวกันต่อนะ แม่ของผู้ตายบอกว่า เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม นายคนนี้ได้นัดลูกชายของนางออกไปเพื่อปรึกษาหารือเรื่องที่จะจัดการเกี่ยวกับกับอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับมรดกมา แต่การณ์กลับกลายเป็นว่า สองคนไปจดทะเบียนสมรส แล้วสองชั่วโมงให้หลัง ลูกชายของเธอก็ตกตึกลงมาตาย โดยนางยืนยันว่าลูกชายของนางถูกฆาตกรรม และไม่ใช่เกย์แน่นอน เคยมีแฟนผู้หญิงด้วยซ้ำ นอกจากนี้แล้วลูกชายของนางก็ไม่มีเหตุผลที่จะฆ่าตัวตาย เขาเพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขายังวางแผนที่จะโชว์สกูตเตอร์คันใหม่ที่เขาซื้อให้แม่ของเขาดูอีกตะหาก และตามกฎหมายของไต้หวัน เมื่อบุคคลคนหนึ่งเสียชีวิตลง ทรัพย์สินทุกอย่างของผู้นั้นจะตกเป็นของคนในครอบครัวตามกฎหมายทันที แบ่งกันไปตามจำนวนสมาชิกในครอบครัวเท่าๆ กันทุกคน ดังนั้นเคสนี้ผู้มีสิทธิ์รับมรดกก็คือผู้ช่วยไต้ซูกับแม่ของเด็ก

Cr. https://www.taiwannews.com.tw/

แต่ความซับซ้อนของคดียังไม่จบแค่นี้ค่ะ แม่ของเด็กไม่สามารถรับมรดกได้เนื่องจากเป็นคนไม่มีสัญชาติ ทำไมถึงไม่มีสัญชาติ🤔 คำอธิบายคือแม่ของผู้ตายมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ ตรงนี้ตามความเห็นส่วนตัวของฉันขอใช้คำว่า ถูกซื้อตัวให้มาแต่งงานกับพ่อของผู้ตายละกันนะคะ เพราะดูเหมือนว่าคนเป็นพ่อนั้นจัดเป็นผู้ที่ต้องการได้รับการดูแลพิเศษ (ฉันไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรดีที่ฟังแล้วจะไม่เป็นการดูถูกน่ะค่ะ ถ้าคำศัพท์ในภาษากฎหมายน่าจะประมาณว่าเป็นบุคคลไร้ความสามารถมั้งคะ) และเมื่อพ่อของเด็กเสียชีวิตไปจากความเจ็บป่วย ปู่ของเด็กก็ได้ทำการจดทะเบียนรับหลานเป็นบุตรของตัวเอง เพื่อให้เด็กได้มีสิทธิ์รับมรดกจากปู่ ตานี้ผู้เป็นย่าเกิดสงสัยขึ้นมา เลยจัดการตรวจดีเอ็นเอของสามีตัวเองกับหลานชาย ปรากฏว่าหลานชายกลายเป็นลูกชายของสามี (ซึ่งก็คือปู่นั่นล่ะ) กับลูกสะใภ้ ย่าก็เลยลงดาบฟ้องร้องลูกสะใภ้ ทำให้ลูกสะใภ้ซึ่งได้สละสัญชาติจีนแผ่นดินใหญ่ไปแล้ว ไม่สามารถยื่นเรื่องขอสัญชาติไต้หวันได้เพราะมีคดีความฟ้องร้องอยู่ในศาล แล้วมาถึงตอนนี้ปู่และย่าก็เสียชีวิตไปหมดแล้ว ดังนั้นตามกฎหมายมรดก ห้าร้อยล้านนี้ก็จะต้องแบ่งกันระหว่างคู่สมรสกับแม่ของผู้ตาย แต่แม่ดันอยู่ในสถานะไม่มีสัญชาติอีก

มีคนสงสัยในแง่กฎหมายสำหรับคดีนี้หลายประเด็นเลยเกิดคำถามต่างๆ นานา เช่น  สงสัยว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานกันได้สองชั่วโมงก่อนผู้ตายเสียชีวิตมีสิทธิ์ได้รับมรดกหรือไม่ การแต่งงานถูกต้องหรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายให้ความเห็นประเด็นการแต่งงานถูกต้องหรือไม่ไว้ว่า การแต่งงานจำเป็นต้องมีคู่สามีภรรยาพร้อมพยานสองคนเพื่อลงนามในเอกสารต่อหน้าศาล แต่ก็รวมถึง ‘ความตั้งใจจริงที่จะแต่งงานด้วย – true intention to marry’ ในกรณีนี้มีพยานในการแต่งงานซึ่งเป็นคนแปลกหน้าของคู่สมรส โดยพยานทั้งสองถูกขอให้แสดงบทบาทดังกล่าวภายใต้ข้ออ้างว่าครอบครัวของทั้งคู่ไม่ยอมรับการอยู่ร่วมกัน พยานกล่าวว่าพวกเขารู้สึกเห็นใจทั้งคู่และแสดงบทบาทนี้โดยไม่รับเงิน สำหรับประเด็น ‘ความตั้งใจจริงที่จะแต่งงานด้วย – true intention to marry’ นั้น หากมารดาของผู้เสียชีวิตเชื่อว่าลูกชายของเธอไม่ได้ตั้งใจจะแต่งงานจริงๆ เธอสามารถยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งเพื่อตัดสินว่าการแต่งงานนั้นถูกต้องหรือไม่ โดยทั่วไปกรณีของการแต่งงานหรือการหย่าร้างปลอม มักเกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงเอกสารทางอาญา หรือการจดทะเบียนที่ไม่เหมาะสมโดยเจ้าหน้าที่ที่ทำการจดทะเบียนให้

เฮ้อ ฟังข่าวแล้วเจ็บหัวจริงๆ จะว่าไปเคสนี้เอาพล็อตไปเขียนนิยายต่อได้เลยนะเนี่ย😅 ตามความเห็นของเชอร์ล็อกฮวง😜 ฉันคิดว่าผู้ต้องสงสัยน่าจะต้องรู้เรื่อง+สภาพของครอบครัวนี้เป็นอย่างดีแหงๆ ไม่งั้นจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ยังไง ก็ต้องรอดูผลของการสืบสวนคดีว่าจะลงเอยยังไงกันล่ะนะ ฉันก็ได้แต่ขอให้กรรมทำหน้าที่ไปตามกฎแห่งกรรมค่ะ

 

Don`t copy text!