Mommy and Uan

Mommy and Uan

โดย : คุณนายฮวง

นอกจาก นิยายออนไลน์ สนุกๆ แล้ว อ่านเอา ยังมีคอลัมน์ ‘(เรื่องเล่า) 6,200 วันในไต้หวัน’ โดย คุณนายฮวง สาวไทยสุดไฮเปอร์ที่จับพลัดจับผลูมาอยู่ไทเปได้หลายปีดีดักกับเรื่องเล่าเกี่ยวกับการใช้ชีวิตต่างแดนที่เต็มไปด้วยสีสันและมุมมองหลากหลาย เรื่องราวดีๆ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์

***********************************

– Mommy and Uan –

คุยเรื่องคนให้ฟังไป เปลี่ยนบรรยากาศคุยเรื่องหมาแมวให้ฟังบ้างดีกว่านะคะ เราเคยมีลูกชายสี่ขา (มากกว่าลูกคนอื่นเค้าแค่สองขาเอง ฮิฮิ) ชื่อ ‘น้องอ้วน’ หรือ ‘อ้วน’ หรือ ‘ไอ้อ้วน!’ อันนี้แล้วแต่อารมณ์ของหม่ามี้ขณะนั้นค่ะ ^^ แต่ตอนนี้น้องอ้วนได้ทิ้งหม่ามี้กะป่าปี๊ไปอยู่บนสวรรค์ได้ 10 ปีแล้ว ตอนอ้วนเพิ่งจากไปใหม่ๆ พอดีกับที่หนังเรื่อง Marley and Me มาฉายในช่อง HBO  หม่ามี้กะป่าปี๊นั่งดูกันสองคน พอถึงตอนที่มาร์ลีย์จะตาย หม่ามี้ก็ร้องไห้โฮๆๆ ป่าปี๊แทนที่จะปลอบอย่างเคย กลับผสมโรงร้องไห้ไปด้วย เลยกอดกันกลมร้องไห้คิดถึงอ้วนด้วยกันไปนั่นเลย เฮ้อ! หลังจากนั้นฉันก็ไปเอาหนังสือเรื่องนี้จากห้องสมุดมาอ่าน อ่านจบก็เกิดความรู้สึกอยากเขียนเล่าเรื่องราวของอ้วน ก็แหม ในเมื่อมี Marley and Me ได้ ก็น่าจะมี Mommy and Uan มั่งนะ ถึงขั้นคิดชื่อหนังสือเสร็จสรรพทีเดียวเชียว ‘Mommy and Uan … How a Stray Dog has Changed My Life’

ขอบอกก่อนว่า ฉันเป็นคนกลัวหมามาตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะตอนอายุน่าจะประมาณ 4-5 ขวบได้มั้งคะ โดนหมาแม่ลูกอ่อนกัด พวกพี่ๆ เขาชวนไปดูลูกหมาเพิ่งคลอดแถวๆ บ้าน ก็เลยตามเค้าไป แม่หมาก็คงนึกว่าพวกเราจะไปทำร้ายลูกๆ เลยลุกขึ้นมาวิ่งไล่เห่าเสียงดัง ขบวนดูลูกหมาก็แตกกระเจิงไปกันคนละทิศละทาง คุณหนูเล็กที่ตัวเล็กสุด ขาสั้นกว่าใครเขา วิ่งอยู่ท้ายขบวน เลยโดนคุณหมาแม่ลูกอ่อนงับเข้าที่ต้นขา เป็นแผลเป็นมาจนทุกวันนี้ นี่ล่ะค่ะ ฉันถึงได้กลัวหมามาตั้งแต่ตอนนั้น จนกระทั่งมาเจอคุณชายเธอ ผู้ที่รักหมาเป็นชีวิตจิตใจ รักจริงๆค่ะ คือถ้ามีสาวสวยจูงหมาเดินสวนมา เธอมองจนเหลียวหลังเลยนะคะ มองหมานะไม่ได้มองสาว แถมตอนที่แต่งงานกันได้สักพักนึง มีอยู่วันนึงที่เธอกลับมาจากทำงาน เปิดประตูบ้านเข้ามา เจอเมียนั่งจ้องทีวีเป๋ง ไม่กระดุกกระดิก เธอก็บอกว่า เนี่ยสมัยก่อนที่บ้านเธอมีหมา พอเธอเปิดประตูเข้าบ้านมาปุ๊บหมาก็จะรีบวิ่งมาต้อนรับเธอ พร้อมทั้งกระโดดโลดเต้นดีใจที่เธอกลับมา แต่นี่เมียเธอ… อ้าว! เปรียบเมียกะหมาเลยเรอะ ฮ่าฮ่าฮ่า ก็จริงของเค้านะคะ พอฉันมีอ้วนแล้วถึงได้รู้ซึ้งถึงคำที่ว่า Dog is a man’s best friend นี่จริงแท้แน่นอนที่สุด

ฉันไม่เคยคิดจะเลี้ยงหมาเลยค่ะชีวิตนี้ ถึงสามีจะรักหมาแค่ไหนก็ตาม เพราะ หนึ่ง ไม่เคยมีความรู้เกี่ยวกับหมาใดๆทั้งสิ้น สอง รู้สึกว่าหมาต้องทำบ้านสกปรกเลอะเทอะแน่ๆ และสาม ก็กลัวหมานี่คะ ต่อให้กลัวน้อยลงตั้งแต่มาเจอกะคุณชายเธอก็เถอะ ยังไงๆ ก็ไม่เอาด้วยหรอก แต่ก็นะ คงเป็นเพราะเราผูกพันกันมาแต่ปางก่อน เลยทำให้อ้วนกลายมาเป็นลูกรักของเราจนได้

dogs for adoption at Farmer’s market

วันหนึ่งของเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 2004 ขณะที่เราสองคนไปเอารถที่จอดรถตรงสถานีรถไฟฟ้าซินผู่เพื่อขี่กลับบ้าน ฉันขึ้นนั่งซ้อนท้ายเรียบร้อย คุณชายกำลังจะออกรถ ก็พอดีมีเด็กสาวสองคนเดินผ่านหน้าสกู๊ตเตอร์เราไป พร้อมกับมีหมาตัวน้อยกระปุกกระปุยเดินตามดุ๊กดิ๊กๆ อยู่ข้างหลัง เราสองคนก็ยังว่า เออ ไอ้ตัวเล็กนี่มันเดินย้ายก้นน่าเอ็นดูดีจัง มองตามไป อ้าว ไหงแม่หนูสองคนนั่นเดินข้ามถนนไปลิ่วๆ อย่างไม่คิดหันกลับมาอุ้มเจ้าสี่ขาปุกปุยไปด้วยล่ะ พอดีมีสกู๊ตเตอร์อีกคันแล่นออกมาโดยไม่ดูตาม้าตาหมาที่ไหนทั้งสิ้น เกือบจะเฉี่ยวเอาเจ้าตัวเล็ก มันก็รีบมุดเข้าไปหลบอยู่ใต้สกู๊ตเตอร์อีกคันที่จอดอยู่ตรงนั้น เท่านั้นล่ะ คุณชายผู้พิทักษ์หมาก็ขี่รถตรงรี่ไปหาเลยค่ะ แล้วก็พยายามเรียกเจ้าสี่ขาที่ตัวสั่นพึ่บๆให้ออกมา คุณชายเรียกให้มันขึ้นสกู๊ตเตอร์ของเรา มันก็พยายามตะกายขึ้นมาค่ะ เลยมองตากันว่าจะเอาไงดีเนี่ย ฉันก็นึกขึ้นได้ว่า ทางผ่านกลับบ้านของเรามีคลินิกสัตวแพทย์นี่นา เราเอาไปถามเค้าดีมั้นว่า ที่นี่มีไหม ประเภทสถานที่ของเทศบาลที่เราจะเอาไปฝากไว้เผื่อเจ้าของจะมาตามหา พอเราเอาไปที่ร้านหมอหมา เขาก็บอกว่ามี แต่ถ้าไม่มีใครมารับไป ครบ 7 วันเขาก็กำจัดหมาซะ เฮ้ย! อะไรวะ! เล่นแบบนี้เลยเรอะ โหดไปหน่อยมั้ง คงไม่ต้องบอกนะคะว่าคุณชายผู้รักหมา (ยิ่งกว่าเมียอีกมั้งน่ะ ^^) เธอจะตัดสินใจยังไง (หมายเหตุ: นี่คือเมื่อตอนปี 2004 นะคะ ตอนนี้ได้ข่าวว่ารัฐบาลไปหาที่สร้างใหม่ที่ใหญ่กว่าเก่า เพื่อให้บรรดาหมาจรจัดที่จับมาได้มีที่อยู่อาศัยตราบเท่าอายุขัยของเขา)

สำหรับฉัน ทุกชีวิตมีค่าค่ะ จะเป็นสัตว์หรือคนก็เป็นชีวิตหนึ่งเหมือนกัน จากหมาที่ถูกเจ้าของทิ้งเพราะทนเห็นอ้วนชักบ่อยๆ ไม่ได้และอาจจะไม่มีเงินจ่ายค่ายา (อันนี้หมอเขาสันนิษฐานนะคะ เพราะว่าตรวจดูแล้วไม่มีไมโครชิปฝัง แล้วก็มารู้กันวันรุ่งขึ้นว่าอ้วนเป็นโรคลมบ้าหมูแถมโรคหัวใจอีกด้วย ตอนนั้นเราจ่ายค่ายาเพื่อควบคุมการชักและยาบำรุงหัวใจให้อ้วนเดือนละประมาณ 2,500 หยวน) อ้วนก็ได้กลายมาเป็น ‘หวาง เสี่ยว อ้วน’ ลูกชายสี่ขาของ ‘ใต้เท้ากับฮูหยิน หวาง’ ด้วยประการฉะนี้แล ^_^

ใบสมัครเป็น foster parents ฝึกสุนัขสำหรับนำทางคนตาบอด มีทุกช่องทางให้เข้าถึงได้ง่ายๆ สแกน QR code ปื๊ดเดียวก็ยังได้

ไม่ไกลจากบ้านที่ฉันอยู่ตอนนี้ มี shelter ของเทศบาลนครไทเป ซึ่งถ้าคนไปรับหมาจากที่นี่มาเลี้ยง โดยเฉพาะพวกลูกหมาที่เพิ่งเกิด เขาจะบริการฉีดวัคซีนที่ลูกหมาจำเป็นต้องฉีดให้ฟรีจนครบคอร์สเลยค่ะ แล้วมีการโพสต์รูปหมาบนเว็บไซต์เพื่อให้คนไปรับมาเลี้ยงได้ด้วย ฉันเคยคิดจะไปเป็นอาสาสมัครพาหมาออกมาเดินออกกำลังข้างนอกบ้าง แต่เนื่องจากเป็นของราชการ ก็มีกฎเกณฑ์ยุ่งยากเล็กน้อยตามประสาราชการคือ ฉันต้องไปเข้าคอร์สอบรมว่าด้วยการเป็นอาสาสมัครของเทศบาลนครไทเป (กี่วันจำไม่ได้แล้วค่ะ) เสียก่อนจึงจะมาอาสาพาหมาไปเดินได้ โอ้โฮ! มันจะอะไรกันนักหนา ว่าแล้วฉันกับสามีเลยขับรถไปประมาณชั่วโมงนึง ไปพาหมาที่อยู่ในการดูแลของมูลนิธิ Animals Taiwan เดินออกกำลังดีกว่า ไปถึงก็พาหมาออกมาเดินได้เลย ไม่ต้องไปโดนอบโดนรมให้หมดอารมณ์ซะก่อน

Shelter นี้ได้รับเงินและการสนับสนุนจากพวกชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทเป (expat) เขามีเครือข่ายอาสาสมัครทั่วละแวกไทเป ที่จะนำหมาข้างถนนเข้ามา มีสัตวแพทย์ มีครอบครัวที่จะรับดูแลหมาแมวชั่วคราวก่อนที่จะมีผู้รับไปเลี้ยงถาวร ใครสนใจลองเข้าไปดูได้นะคะที่ www.facebook.com/animalstaiwan เราเคยเห็นจากเฟซบุ๊กมีโพสต์เพื่อให้รับเลี้ยงสุนัขพันธุ์เดียวกับน้องอ้วน (Yorkshire Terrier) ก็โทร.ไปติดต่อ นัดกันจะไปขอดูตัวกับทางผู้ที่รับดูแลชั่วคราว ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นเขาโทร.มาบอกว่าเจอเจ้าของแล้ว ดีใจด้วยจริงๆ จ้ะเจ้าหมาน้อยที่ได้กลับคืนสู่เจ้าของเดิม แต่ shelter นี้ถ้าจะรับหมาแมวไปเลี้ยงถาวรต้องจ่ายเงินให้มูลนิธิประมาณ 2,000 หยวน (นี่คือตอนโทร.ไปติดต่อ เขาบอกก่อนเลย) ถือว่าเป็นการบริจาคช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานฃองเค้าละกันนะคะ

รูปนี้ตอนปี 2006 พาอ้วนไปเที่ยวงานคริสต์มาสสำหรับสัตว์เลี้ยง จัดที่แหล่งช็อปปิ้งเขตซิ่นอี้

และด้วยความที่ได้รับการสนับสนุนจากพวก Expat จึงมีการกระจายข่าวไปถึงเมืองนอกด้วย ฉันเคยเห็นบางทีก็มีประกาศในเพจของทาง shelter ถามดูว่ามีใครจะบินไปอเมริกาช่วงนี้ๆไหม จะฝากพาหมาไปส่งให้ผู้ที่ขอรับหมาไปเลี้ยง เพื่อนฉันคนนึงอยู่ที่แคลิฟอร์เนียก็เคยโทรมาถามฉันเกี่ยวกับ shelter นี้ว่าเชื่อถือได้ไหม เพราะเธอและสามีกำลังคิดจะรับหมาตัวนึงจากที่นี่ไปเลี้ยง ฉันก็ให้ข้อมูลไป เพื่อนก็เลยตอบตกลงรับเลี้ยงหมาตัวนั้น หลังจากนั้นคุยกันอีก เพื่อนก็เล่าให้ฟังขำๆดีว่า ช่วงแรกๆต้องใช้เวลากว่าจะสอนหมาตัวนั้นให้เข้าใจภาษาอังกฤษ บางทีต้องใช้ Google translate ช่วย แถมทีต้องสอนกันหนักคือ ห้ามวิ่งไล่ตามเห่าคนขี่จักรยาน ฉันฟังแล้วก็ขำตามเพื่อน ยังบอกเพื่อนเลยว่า ที่ไต้หวันสกูตเตอร์เยอะ มีหมาข้างถนนบางตัวชอบวิ่งไล่กวดสกูตเตอร์(คงมีความหลังฝังใจที่ไม่ดีกับสกูตเตอร์มั้ง) แต่ตอนนี้แฮปปี้กันดีทั้งเพื่อนฉันและหมาตัวนั้น😊

ฉันรู้ว่ามีอีกหลาย shelter ที่คอยดูแลหมาแมวข้างถนน ที่เป็นของพวกคนไต้หวันดำเนินการก็เยอะอยู่ เพราะเคยเห็นมาออกบูธตามงานที่เกี่ยวกับสัตว์ คิดว่าพวกนี้คงได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลบ้างแล้วหาเงินบริจาคเพิ่มเองด้วย หรือที่ทำไปด้วยความเมตตาล้วนๆ โดยไม่ได้รับเงินสนับสนุนก็มี อย่างที่ตรงแถวแหล่งช้อปปิ้งตรงเขตซิ่นอี้นั่นก็จะมี Taiwan Guide Dog Association มาตั้งโต๊ะขายของและรับบริจาคด้วย ค่อนข้างบ่อยเหมือนกัน และถ้าใครสนใจจะสมัครเป็นผู้ดูแลรับหมาไปฝึกก่อนที่จะถึงอายุเข้าโรงเรียนจริงๆ ของหมาช่วยคนตาบอดก็กรอกใบสมัครกันตรงนั้นได้เลย

นอกจากนี้สามีฉันก็ไปดาวน์โหลดแอปมา คิดว่าคงเป็นของหลายๆ ที่มารวมกันนะคะ มีรูปหมา แมว และสัตว์อื่นๆ ให้รับไปเลี้ยงกันได้ ฉันเคยลองคลิกเข้าไปดูประเภทสัตว์อื่นๆ ปรากฏว่ามีกระต่ายบ้าง หนูแฮมสเตอร์บ้าง, หนูตะเภาบ้าง อือ ก็สนุกดีนะคะ เพิ่งเคยเห็นเนี่ย กระต่ายข้างถนน ^^

นี่คือน้องอ้วนหลังจากที่ให้ร้านหมอช่วยอาบน้ำตัดขน ตรวจสุขภาพให้เรียบร้อย แล้วเราก็พากลับมาบ้านค่ะ ตอนไปรับยังงงว่าใช่ตัวเดียวกับที่เก็บมารึเปล่า เพราะจากขนกระปุกกระปุยพันกันยุ่งเหยิง มองไม่เห็นแม้แต่ลูกตา กลายมาเป็นหมาหูยาวอย่างกับกระต่าย ตากลมโตเหมือนลูกครึ่งไปซะนั่นเลย ฮ่าฮ่าฮ่า

sleeping handsome … Huang Xiao Uan … หวาง เสี่ยว อ้วน ^^
Don`t copy text!