เรื่องเล่าจากคุณนายฮวงซีเนียร์ (Part 1)

เรื่องเล่าจากคุณนายฮวงซีเนียร์ (Part 1)

โดย : คุณนายฮวง

Loading

นอกจาก นิยายออนไลน์ สนุกๆ แล้ว อ่านเอา ยังมีคอลัมน์ ‘(เรื่องเล่า) 6,200 วันในไต้หวัน’ โดย คุณนายฮวง สาวไทยสุดไฮเปอร์ที่จับพลัดจับผลูมาอยู่ไทเปได้หลายปีดีดักกับเรื่องเล่าเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในต่างแดนที่เต็มไปด้วยสีสันและมุมมองหลากหลาย เรื่องราวดีๆ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์

คราวนี้ชื่อบทออกจะมาแบบแหวกแนวสักหน่อย เนื่องด้วยคุณนายฮวงหนีแผ่นดินไหวมาเจอน้ำท่วม ร่วมชะตากรรมกับแฟนๆ คอลัมน์ซะหน่อย😉 ใช่แล้วค่ะ ตอนนี้อิฉันอยู่เมืองไทย มาปฏิบัติภารกิจชวนป๋วยปี่แปกอตราลูกกตัญญูประมาณห้าเดือน ก็แหมทั้งคุณเตี่ยและหม่ามี้ก็จัดเป็นซีเนียร์รุ่นเดอะแล้วทั้งคู่ ปัญหาสุขภาพมันก็ต้องมีบ้างอะนะ

หนึ่งในปัญหาของพ่อแม่ที่สูงอายุมากๆ คือเรื่องความจำที่เริ่มถดถอย สิ่งที่ลูกอย่างฉันจะช่วยได้ตามคำแนะนำของคุณหมอคือ การพูดคุยเพื่อกระตุ้นให้ได้ใช้สมองบ้าง จะได้ช่วยเรื่องความจำ จะพูดคุยเรื่องทั่วๆ ไป มันก็ธรรมดาเกิน ฉันนอนคิดๆ ใช้หมองแบบอิ๊กคิวซัง ในที่สุดก็ปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิด!! อย่ากระนั้นเลย ให้หม่ามี้เล่าชีวิตชาว Chinatown Bangkok สมัยคุณหม่ามี้ยังอยู่ในวัยละอ่อนดีกว่า ก็เลยจัดการเสนอไอเดียนี้ โดยล่อว่า หม่ามี้จะได้เป็นนักเขียนน้า หม่ามี้เล่า แล้วอาหมวยเล็กพิมพ์ให้เอง เท่านั้นล่ะ คุณหม่ามี้ก็ตาใสปิ๊ง ช่วยคุณนายฮวงคิดชื่อบทความพิเศษนี้ใหญ่เลย😆 (ท่าทางจะอยากดังแฮะ หม่ามี้อิฉัน🤣)

จริงๆ แล้วคุณเตี่ยและคุณชายแซ่เดียวกันค่ะ ดังนั้น หม่ามี้ของอิฉันก็คือคุณนายฮวงเช่นกัน เลยคิดว่าให้หม่ามี้เป็นคุณนายฮวงซีเนียร์ก็แล้วกัน ส่วนคุณนายฮวงจูเนียร์อย่างอิฉัน ก็จะรับหน้าที่เสมียนพิมพ์ชั่วคราวให้เอง😉 มาค่ะมา เร่เข้ามาฟังเรื่องราวเก่าๆ ของ Chinatown Bangkok กัน เอาล่ะ คอมฯ พร้อม เสมียนพร้อม หม่ามี้เริ่มเล่าได้…

คุณนายฮวงซีเนียร์ 🤓 : ลูกสาวที่เป็นนักเขียนชื่อคุณนายฮวง เขาบอกให้ช่วยเล่าเรื่องของอั๊วตอนสมัยเด็กๆ ที่โตมาแถวๆ สำเพ็ง พาหุรัด เยาวราชให้ฟังหน่อย เขาว่าจะได้เอามาเล่าต่อให้คนอื่นฟังบ้าง ก็เลยพยายามนึกๆ นึกออกบ้าง ไม่ออกบ้าง ก็ให้อภัยกันหน่อยแล้วกัน เพราะมันก็นานมากแล้ว ก็ตามประสาคนสูงวัยอายุ 91 แล้วน่ะนะ จะให้จำได้หมด มันก็คงเหลือเชื่อไปหน่อย

ว่าด้วยถิ่นกำเนิดก่อนแล้วกัน อั๊วเป็นสาวผักไห่ อยุธยา แต่ก็จำไม่ได้แล้วว่า เตี่ยกับแม่พาอพยพมาอยู่สำเพ็งตอนไหน เตี่ยของอั๊วเกิดที่เท่งไฮ้ ซัวเถา แล้วอพยพมาเมืองไทยตอน 6-7 ขวบได้ ส่วนแม่ก็เป็นลูกคนจีนที่เกิดในเมืองไทย เป็นลูกสาวเจ้าของโรงฝิ่นในตลาดผักไห่นั่นแหละ

คุณนายฮวงจูเนียร์ 🙂 : อ้าว ไม่ผิดกฎหมายเหรอ หม่ามี้

คุณนายฮวงซีเนียร์ 🤓 : ไม่ๆๆๆ สมัยก่อนนู้น สูบฝิ่นไม่ถือว่าผิดกฎหมาย

คุณนายฮวงจูเนียร์ 🙂 : แบบนี้อาม่าก็โตมาในโรงฝิ่นสิ

คุณนายฮวงซีเนียร์ 🤓 : ไม่ๆๆๆ แยกกันสิ โรงฝิ่นอยู่บนบกในตลาด บ้านน่ะเป็นเรือนแพอยู่ในน้ำ

คุณนายฮวงจูเนียร์ 🙂 : (โอ้เค แบบนี้เพลง “เรือนแพ” ของคุณชรินทร์ นันทนาคร ก็ต้องมาเป็นเพลงประกอบหน่อยละ😁

คุณนายฮวงซีเนียร์ 🤓 : เตี่ยกับแม่มาเปิดร้านขายผ้าขะม้า ผ้าโสร่ง โจงกระเบน อยู่ในสำเพ็ง ที่เป็นแหล่งขายผ้ามาตั้งแต่ที่อั๊วจำความได้ จำได้ว่ามีทั้งร้านของคนจีน แขกซิกห์ที่เป็นแขกมีผ้าโพกหัวไง แล้วยังมีแขกที่ไว้ผมทรงหางหมู ซึ่งพวกเรามักจะเรียกกันว่า แขกบาบู ส่วนทางสะพานหัน ที่สมัยก่อนโน้นเป็นสะพานไม้โค้งๆ มีแขกตั้งแผงขายกระดุม ไหมปักผ้า อยู่ตลอดบนแนวสะพาน เลยไปอีกเป็นพาหุรัดที่มีร้านขายผ้าของแขกกันอีกเยอะแยะ

บ้านของอั๊วอยู่ใกล้ๆ กับประตูวัดสามปลื้มด้านในสำเพ็งนี้เอง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ประตูด้านไหนเป็นประตูหน้าของวัด เพราะที่จำได้มีทางเข้าวัดได้ถึงสามทาง ทางด้านถนนจักรวรรดิ ทางด้านถนนอนุวงศ์ แล้วก็ด้านถนนวาณิช 1 ที่เรารู้จักกันว่าสำเพ็งนี่ล่ะ ในวัดสามปลื้มมีบ่อจระเข้ ตัวใหญ่สุด อายุก็แก่สุดชื่อว่า ‘ไอ้บอด’ เวลาที่มีหนู ไก่ หรือสัตว์อะไรที่ตายแล้ว คนเขาก็เอามาโยนลงไปในบ่อให้ไอ้เข้กินกัน

คุณนายฮวงจูเนียร์ 🙂 : อุ่ย ฟังแล้วน่าหวาดเสียวจังเลย หม่ามี้ 😅

คุณนายฮวงซีเนียร์ 🤓 : แล้วก็มีโรงเรียนเทศบาลวัดสามปลื้มอีกด้วย ตอนเด็กๆ ไปโรงเรียนชื่อว่า โรงเรียนสตรีวรนาถ เป็นโรงเรียนผู้หญิงล้วน ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกำแพงวัดสามปลื้มด้านถนนอนุวงศ์ ที่ตอนนี้กลายเป็นที่ตั้งของธนาคารทหารไทยธนชาต สาขาอนุวงศ์นั่นแหละ เช้าขึ้นก็เดินไปโรงเรียน เลิกเรียนก็เดินกลับบ้าน ไม่มีแวะเดินเถลไถลตามห้างสรรพสินค้าแบบสมัยนี้หรอก เพราะสมัยโน้นยังไม่มีห้างสรรพสินค้า กลับถึงบ้านก็ทำการบ้าน ทำเองผิดมั่ง ถูกมั่ง ไม่มีใครมาสอน ไม่มีโรงเรียนสอนพิเศษให้ไปเรียนหรอก ทำผิดไป ครูก็แก้ให้ เราก็เอากลับมาแก้ แล้วรุ่งเช้าก็เอาไปส่งให้ตรวจอีกที ในโรงเรียนอั๊วเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ปักลูกโซ่

คุณนายฮวงจูเนียร์ 🙂 : ห้ะ เดี๋ยวๆๆๆๆ หม่ามี้หยุดก่อน วิชาอะไรปักลูกโซ่ ปักไปทำอะไร

คุณนายฮวงซีเนียร์ 🤓 : ไม่รู้ซิ จำไม่ได้แล้วว่าปักไปทำอะไร ทำยังไงก็จำไม่ได้แล้ว จำได้แค่ว่า ไม่ยาก

คุณนายฮวงจูเนียร์ 🙂 : ถึงตรงนี้ คุณนายฮวงจูเนียร์เริ่มเกาหัว มึนกะคุณหม่ามี้ละ เอาๆ ไม่เป็นไร นึกไม่ออกก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปถามอากู๋ดูก็ได้😆

คุณนายฮวงซีเนียร์ 🤓 : ตอนอั๊วเด็กๆ ไม่มีห้างสรรพสินค้า ไม่มีโทรศัพท์ให้กดเล่นแบบเด็กสมัยนี้ร้อก

คุณนายฮวงจูเนียร์ 🙂 : อ้าว แล้วหม่ามี้กะเพื่อนๆเล่นอะไรกันล่ะ

คุณนายฮวงซีเนียร์ 🤓 : ก็เล่นหมากเก็บ กระโดดเชือก เล่นเก็บเม็ดน้อยหน่า

คุณนายฮวงจูเนียร์ 🙂 : เก็บเม็ดน้อยหน่า เล่นไงเหรอ หม่ามี้

คุณนายฮวงซีเนียร์ 🤓 : ก็กำเม็ดน้อยหน่าไว้ในมือ แล้วก็ปล่อยลงไป แล้วใช้กระดาษสี่เหลี่ยมพับมุมสองข้างเข้าหากัน ก็กลายเป็นที่ตักมีมุมแหลมๆ ใช้ตักได้แล้ว จากนั้นก็ใช้กระดาษนั่นตักทีละเม็ดๆ ห้ามโดนเม็ดอื่นๆ ถ้าเม็ดอื่นๆขยับก็ตาย ก็ต้องเปลี่ยนให้คนอื่นเล่น คนไหนตักได้หมดก่อนก็ชนะ

คุณนายฮวงจูเนียร์ 🙂 : แค่เนี้ยเหรอ หม่ามี้

คุณนายฮวงซีเนียร์ 🤓 : อือ แค่นี้ก็สนุกดีนะ

คุณนายฮวงจูเนียร์ 🙂 : เคๆ จะว่าไปก็คล้ายๆ เล่นตะเกียบสมัยคุณนายฮวงเล่นกะเพื่อนตอนเด็กๆเนะ…แล้วเยาวราชล่ะ หม่ามี้ สมัยหม่ามี้เป็นเด็กๆมีอะไร มีร้านทองเยอะแยะแบบสมัยนี้รึเปล่า

คุณนายฮวงซีเนียร์ 🤓 : ไม่มี้ ไม่มี มีแต่ขายของจิปาถะ ทุกอย่างแหละ จะเอาอะไรก็มีหมด แล้วก็มีห้างใต้ฟ้า ติดกับใต้ฟ้าก็เป็นก๊กจี่เหลา มีแต่เตี้ยม – ติ๋มซำขาย

คุณนายฮวงจูเนียร์ 🙂 : แต่เตี้ยมอร่อยมะ

คุณนายฮวงซีเนียร์ 🤓 : ก็พอกินได้น่ะ

คุณนายฮวงจูเนียร์ 🙂 : แล้วมีเป็ดปักกิ่งมั้ย

คุณนายฮวงซีเนียร์ 🤓 : ไม่มีหรอก เป็ดปักกิ่งนี่เพิ่งมีเมื่อไม่นานนี้เองมั้ง (ฟังแล้วคุณนายฮวงจูเนียร์เลยใช้วิชาเดาดิโอโลจี้ไปว่า สงสัยเป็ดปักกิ่งมาเริ่มมีขายในไทยตอนที่ม่านไม้ไผ่ถูกเปิดออกสู่โลกภายนอกยุคเติ้งเสี่ยวผิงนี่เองกระมัง)

 

คุณนายฮวงซีเนียร์ 🤓 : โรงภาพยนต์ก็มีสองสามโรงที่จำได้ มีโรงหนังศรีราชวงศ์ ที่ตอนนี้เป็นภัตตาคารเชียงการีล่าอยู่ใกล้ๆสี่แยกราชวงศ์ เลยมาอีกหน่อยก็เป็นโรงหนังศรีเยาวราช แล้วก็โรงหนังเทียนกัวเทียน รู้สึกตอนนี้จะกลายเป็นร้านก๋วยจั๊บนายอ้วนนายเอ็กอะไรนั่นล่ะ อ้อ ก่อนถึงเทียนกัวเทียนมีโรงงิ้วด้วย เป็นงิ้วแต้จิ๋ว เล่นกันทุกคืน สมัยก่อนคนแสดงงิ้วยังเป็นคนจีนทั้งนั้นแหละ ไม่เหมือนสมัยนี้ที่นักแสดงงิ้วเป็นคนไทยซะส่วนใหญ่ แล้วก็มีคนชอบไปดูงิ้วครึ่งราคาด้วยนะ

 

คุณนายฮวงจูเนียร์ 🙂 : เป็นไงอะ หม่ามี้ งิ้วครึ่งราคา มีรอบฉายครึ่งราคาเหรอ

คุณนายฮวงซีเนียร์ 🤓 : ไม่ใช่ ก็งิ้วเริ่มเล่นไปแล้วได้ครึ่งเรื่องมั่ง คนก็ค่อยตีตั๋วเข้าไปดู ก็จ่ายแค่ครึ่งราคาไง

คุณนายฮวงจูเนียร์ 🙂 : เฮ้ย มีงี้ด้วยเรอะ แล้วจะดูรู้เรื่องเรอะน่ะ

คุณนายฮวงซีเนียร์ 🤓 : ก็บางทีไม่ต้องรอถึงครึ่งเรื่องก็ได้ ก็แค่จ่ายไม่เต็มราคาเท่านั้นแหละ นี่ยังจำได้เลยว่า เพื่อนที่ชื่อ “เกยลั้ง” มีพี่สาวเป็นนางเอกงิ้วชื่อดังด้วยนะ แต่จำชื่อพี่สาวเค้าไม่ได้แล้ว

คุณนายฮวงจูเนียร์ 🙂 : แล้วโรงงิ้วมีทั้งหมดกี่โรง

คุณนายฮวงซีเนียร์ 🤓 : สองโรง เป็นงิ้วคนละคณะชื่อคณะเหล่าป้อ กับคณะตงเจียสุง สองโรงตั้งอยู่เยื้องๆกันบนถนนเยาวราชนั่นล่ะ

 

คุณนายฮวงจูเนียร์ 🙂 : แล้วพี่สาวเกยลั้งเป็นนางเอกคณะไหนล่ะ

คุณนายฮวงซีเนียร์ 🤓 : คณะเหล่าป้อ

คุณนายฮวงจูเนียร์ 🙂 : แล้วงิ้วแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรล่ะ หม่ามี้

คุณนายฮวงซีเนียร์ 🤓 : ไม่รู้สิ อั๊วไม่เคยไปดูนี่หว่า

คุณนายฮวงจูเนียร์ 🙂 : อ้าว แหม หม่ามี้นี้เด็กดีจัง ไม่แรดเหมือนอาหมวยเล็กเล๊ย เราเป็นแม่ – ลูกกันจริงปะเนี่ย😆

 

เรื่องเล่าจากสำเพ็ง โดย คุณนายฮวงซีเนียร์ 🤓

ภาพ คุณนายฮวงซีเนียร์ และ คุณนายฮวงจูเนียร์ ถ่ายที่บางแสน ซึ่งคาดว่า น่าจะถ่ายไว้สักห้าสิบปีเศษแล้วล่ะค่ะ😱

 

Don`t copy text!