โบกมือลา

โบกมือลา

โดย : คุณนายฮวง

นอกจาก นิยายออนไลน์ สนุกๆ แล้ว อ่านเอา ยังมีคอลัมน์ ‘(เรื่องเล่า) 6,200 วันในไต้หวัน’ โดย คุณนายฮวง สาวไทยสุดไฮเปอร์ที่จับพลัดจับผลูมาอยู่ไทเปได้หลายปีดีดักกับเรื่องเล่าเกี่ยวกับการใช้ชีวิตต่างแดนที่เต็มไปด้วยสีสันและมุมมองหลากหลาย เรื่องราวดีๆ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์

***********************************

– โบกมือลา –

คลิกซื้อ E-Book ‘ในสวนอักษร’ ที่นี่

และแล้วเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2020 ที่ผ่านมา ชาวหนอนหนังสือในไทเปก็ต้องโบกมืออำลา ร้านหนังสือ “Eslite หรือ 誠品 – เฉิงผิ่น” สาขาตุนหนัน ซึ่งเป็นร้านหนังสือแห่งแรกของโลกที่เปิด 24 ชั่วโมง ได้ปิดตัวลงหลังจากเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวหนอนหนังสือมานานถึง 30 ปี สาขานี้เคยได้รับเลือกจาก CNN ให้เป็นหนึ่งใน “world’s coolest bookstores” เมื่อปี 2015 เชียวนะ ค่อนข้างเป็นหน้าเป็นตาของเมืองไทเปพอสมควร ใครไปใครมาก็อยากมาเยี่ยมเยือนสักหน่อย ฉันเองตอนมาถึงใหม่ๆ ก็ได้ที่นี่แหละค่ะ เป็นที่เดินเล่นดูหนังสือ ซื้อการ์ดของ Hallmark สวยๆในโอกาสต่างๆ ไม่ใช่ว่าจะกระแดะหัวสูงซื้อการ์ดอิมพอร์ตราคาแพงๆส่งให้ญาติสนิทมิตรสหายหรอกนะ แต่บางชนิดบริษัทการ์ดของไต้หวันไม่ได้ผลิตน่ะ เช่น sympathy card เดินหาในร้านขายเครื่องเขียนแถวบ้านไม่มี อิฉันก็ต้องแจ้นเข้าเมืองไปซื้อที่ร้านเฉิงผิ่นสาขาตุนหนันนี้ล่ะค่ะ

ที่ต้องปิดสาขานี้เพราะว่า ครบกำหนดสัญญาเช่าในเดือนมิถุนายน และเห็นว่าทางเจ้าของตึกจะทำการทุบตึกทิ้งเพื่อสร้างตึกใหม่ด้วย เนื่องจากตึกมีอายุเก่าพอสมควรแล้ว เท่าที่ฉันเห็นจากสายตาตัวเอง ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตึกมันเก่าเลยนะ แต่ก็ไม่รู้นะคะว่าโครงสร้างข้างในมันอาจจะเก่าก็ได้มั้ง เขาถึงจะทุบสร้างใหม่ หรืออาจจะเอาพื้นที่ไปทำอย่างอื่นที่ได้กำไรมากกว่า เดาเอาค่ะ เพราะมีตึกเก่าๆในไทเปหลายแห่งที่ถูกทุบทิ้งด้วยเหตุผลนี้ แต่ก็นะ…ไม่มีงานเลี้ยงใดที่ไม่มีวันเลิกรา ความเปลี่ยนแปลงเป็นสัจธรรมของโลก ต้องยอมรับความจริงข้อนี้กันนะจ๊ะ ชาวหนอนไทเปทั้งหลาย😉

พนักงานทั้งหมดของสาขาตุนหนัน

ตอนแรกๆฉันเคยสงสัยว่าเปิด 24 ชั่วโมงแบบนี้ มีคนมาใช้บริการด้วยเหรอ เคยปรารภกับน้องคนนึงที่บ้านอยู่แถวนั้น น้องบอกว่า เขาเคยมาตอนหลังเที่ยงคืน คนเยอะพอควรเหมือนกันนะ ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกเด็กนักศึกษา มานั่งอ่านหนังสือ เลือกซื้อหนังสือกัน ฉันฟังแล้วนึกๆดู อือ ถ้าฉันไม่ง่วงนอนก็คงมาเลือกซื้อหนังสือตอนดึกๆเหมือนกันนะ เพราะคนน้อยหน่อย มันก็จะเลือกดูเลือกซื้อได้แบบสบายๆ ไม่ต้องเจอคนเกะกะขวางทางเหมือนช่วงกลางวัน ต้องอย่าลืมนะว่า ไทเปนี่เคยเป็นเมืองที่ได้รับการจัดอันดับว่า เป็นเมืองที่ประชากรหนาแน่นที่สุด(ต่อตารางกิโลเมตร)ในโลก อย่างช่วงนี้เนี่ย ชาวไต้หวันที่อาศัยอยู่ในประเทศอื่นๆ เช่นอเมริกาหรือยุโรป หนีไวรัสโควิดกลับมาอยู่เกาะกัน ไปไหนก็เจอแต่คน ถึงแม้จะเป็นวันธรรมดาด้วยนะ คุณนายฮวงช่วงนี้เลยจำศีลอยู่บ้าน ขี้เกียจออกไปแย่งกันกิน แย่งกันเที่ยวกับประชากรเกาะนี้

ประธานบริษัทเฉิงผิ่น

ร้านเฉิงผิ่นสาขาตุนหนันนี้ เป็นร้านแรกของบริษัทเฉิงผิ่นกรุ๊ป จากนั้นได้แผ่ขยายสาขาออกไปทั่วเกาะ พร้อมๆกับการเติบโตของบริษัท ที่ปัจจุบันนี้มีธุรกิจในเครือทั้งห้างสรรพสินค้า โรงแรม การขนส่ง และยังมีการแผ่ขยายออกไปยังฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่อีกด้วย โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เขตซิ่นอี้(ตรงสถานีรถไฟฟ้าซิตี้ฮอลล์) และหลังจากที่สาขาตุนหนันปิดตัวไป ก็เปลี่ยนมาเป็นร้านที่ซิ่นอี้นี่ล่ะค่ะ ที่เปิด 24 ชั่วโมงแทน แต่เปิดเฉพาะชั้นสามเท่านั้นนะคะ เพราะชั้นอื่นเป็นพื้นที่ในลักษณะของช้อปปิ้งมอลล์ ไม่มีหนังสือขาย ฉันเองเวลาจะหาซื้อหนังสือภาษาอังกฤษ หรือพวกการ์ดอวยพรก็มักจะไปที่นี่ เพราะเป็นร้านหนังสือที่ใหญ่ที่สุดของเกาะนี้ แล้วก็เดินเลยขึ้นไปชั้น 5-6 ที่มีแกลเลอรี่และงานนิทรรศการพิเศษจัดให้ชมด้วย

ผู้จัดการร้านเฉิงผิ่นสาขาตุนหนัน
บรรยากาศในวันสุดท้ายของสาขาตุนหนัน
บรรยากาศในวันสุดท้ายของสาขาตุนหนัน

แต่ถ้าเกิดวันไหนเบื่อๆ อยากมาเดินเล่นชิลๆแก้เบื่อแล้วล่ะก็ ฉันมักจะไปสาขาซงเอียนที่อยู่ในบริเวณของ Songshan Cultural and Creative Park เพราะว่าคนน้อยหน่อย (วันธรรมดานะ ถ้าเสาร์-อาทิตย์ก็คนเยอะเหมือนกัน) โรงแรมของเครือเฉิงผิ่นตั้งอยู่ที่นี่ล่ะค่ะ อยู่ในตึกเดียวกัน แต่ทางเข้าโรงแรมอยู่อีกด้านนึงแยกออกไป ไม่ปนกับส่วนที่เป็นช้อปปิ้งมอลล์ สาขานี้ชั้นใต้ดินเป็นร้านอาหารสไตล์ศูนย์อาหาร คือแต่ละร้านจะกั้นพื้นที่มีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งกิน จะไม่ใหญ่มาก มีร้านอาหารหลายร้านหลากชนิดให้เลือกกินได้ แล้วก็มีโรงหนังเล็กๆฉายหนังประเภทอินดี้, อาร์ตๆ (พูดง่ายๆคือหนังประเภทคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยดูน่ะ) ด้วย ซึ่งจะมีโปรแกรมแต่ละเดือนโชว์ไว้ หนังแต่ละเรื่องฉายไม่นานหรอกค่ะ เข้าโรงฉายอยู่เฉลี่ยประมาณ 2 อาทิตย์ได้ แล้วก็มีร้านเบเกอรี่ชื่อดัง “吳寶春 – อู๋เป่าชุน – Wu bao chun bakery” ที่ตอนเปิดร้านใหม่ๆ คนยืนรอเข้าร้านกันยาวเหยียด ฉันก็ไม่รู้เรื่องอะไรกะเขา กลับบ้านเล่าให้คุณชายฟัง ฮีเลยอธิบายให้ฉันกระจ่างแจ้งว่าทำไมคนไปยืนต่อคิวซื้อขนมปังก้อนละ 300 กว่าหยวนกัน อู๋เป่าชุนไปชนะการประกวดขนมปังในการแข่งขันระดับโลกชื่อ Bakery Masters ประจำปี 2010 ที่กรุงปารีส ด้วยการอบขนมปังชื่อ rose-lychee bread ซึ่งก็คือเจ้าก้อนละสามร้อยกว่าหยวนนั่นล่ะค่ะ ถามว่าอร่อยไหม ก็อร่อยใช้ได้นะ แต่ให้ไปต่อคิวยืนซื้อเป็นชั่วโมงอย่างที่ข่าวว่านั้น เดากันได้ใช่ไหมคะว่า คุณนายฮวงไม่ทำแน่ 😁 พอดีมีคนให้มาน่ะค่ะ เราถึงได้มีโอกาสชิม ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้ไม่ต้องไปยืนต่อคิวซื้อแล้วก็ตาม แต่ฉันก็ยังไม่เข้าร้านนี้อยู่ดี เพราะหนึ่งคือ ไม่ได้ชอบกินขนมปังนัก กินขนมครกอร่อยกว่าแยะ 😋 สอง เมื่อสักสอง-สามปีก่อนได้มั้ง เห็นข่าวทีวีว่า ตาอู่เป่าชุนคนนี้ เอาเปรียบลูกจ้างมาก ตัวเองก็ขายขนมปังจนร่ำรวย แต่กดเงินเดือนพนักงานต่ำสุดๆ แล้วยังมีอีกหลายประเด็นนะ เอาเป็นว่า ต่อให้อร่อยแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีความเมตตากรุณาต่อผู้คนใต้บังคับบัญชาแล้วล่ะก็ ไม่มีทางได้เงินคุณนายฮวงหรอกนะ นี่เป็นหลักการประจำใจอิฉันนะคะ คนอื่นไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไรค่ะ 😊

ร้านเฉิงผิ่น ที่สำนักงานใหญ่เขตซิ่นอี้

ออกนอกเรื่องอีกแล้ว😆 กลับมาว่าเรื่องร้านเฉิงผิ่นสาขาซงเอียนกันอีกนิด(ที่ CNN จัดให้เป็นหนึ่งใน  world’s coolest department stores) ที่ฉันชอบเดินสำรวจคือชั้นสองกับสามค่ะ ชั้นสองเป็นร้านขายของกิน ของใช้ หลายๆร้าน แต่ทุกร้านจะมาแนวเก๋ๆ ฮิปๆ มีดีไซน์ทุกร้าน แถมบางร้านมีจัดให้คุณได้ทดลองทำเองด้วย ไม่ว่าจะเป็นเป่าแก้ว ปั้นเซรามิค อยากเป็นช่างไม้ก็ได้นะ หรือแม้แต่เครื่องประดับที่ทำจากเงินเก๋ๆก็มีให้ได้ลองหัดทำ แน่นอนค่ะว่าต้องจ่ายเงิน ราคาขึ้นอยู่กับแบบของชิ้นงานที่คุณอยากทำ ส่วนชั้นสามเป็นร้านหนังสือและร้านขายใบชา มีหลายร้านให้เลือกนั่งชิมชากันได้ชิลๆด้วย

ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน มาอำลาร้านเฉิงผิ่นตุนหนันในวันสุดท้ายด้วย

ตานี้ขอกลับมาเล่าถึงสาขาตุนหนัน เมื่ออาทิตย์ก่อนมีข่าวเจาะเรื่อง วันเปิดทำการวันสุดท้ายของสาขาตุนหนัน มีบรรยากาศของวันสุดท้ายที่คนไปร่วมงานกันเต็ม นับถอยหลังการดับไฟปิดร้านกัน ที่เที่ยงคืนของวันที่ 31 พฤษภา แม้แต่ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินยังมาเดินชมร้านเป็นครั้งสุดท้ายด้วยนะ แล้วก็มีสัมภาษณ์ผู้จัดการสาขา พนักงานในร้าน บรรดาคนดังที่เป็นแขกประจำสาขานี้ตลอดสามสิบปีที่ผ่านมา หรือแม้แต่บรรดาหนอนหนังสือที่ชอบมาประจำตอนหลังเที่ยงคืน ฟังทุกคนพูดถึงความผูกพันที่มีต่อสาขานี้แล้ว อดใจหายไม่ได้เหมือนกัน เพราะฉันเองก็ได้ร่วมสมัยกับเค้าด้วย อย่างน้อยก็ช่วง 17-18 ปีที่อยู่มานี้ ร้านสุกี้เจ้าโปรดของฉันก็อยู่ที่ตึกนี้ มากินบ่อยๆด้วยความคุ้นเคย แขกไปใครมาก็พามากิน”หมาล่าฮั่วกัว” จนกลายมาเป็นร้านโปรดของเพื่อนๆ มัธยมของฉันไปด้วย มีเพื่อนอยู่คนนึงนางมาเยี่ยมฉัน 4-5 ครั้งได้แล้วนับตั้งแต่ที่ไม่ต้องขอวีซ่า มาทุกครั้งต้องบอกให้พาไปกินทุกครั้ง เอ๊ะ! กำลังเล่าเรื่องโบกมือลา มีความใจหาย ผูกพันกับเฉิงผิ่นสาขาตุนหนันนี้อยู่ซึ้งๆ ไหงกลับมาจบที่เรื่องกินอีกแล้วหว่า คุณนายฮวงเอ๊ย😆😄

Don`t copy text!