婚禮 – ฮุนหลี่

婚禮 – ฮุนหลี่

โดย : คุณนายฮวง

นอกจาก นิยายออนไลน์ สนุกๆ แล้ว อ่านเอา ยังมีคอลัมน์ ‘(เรื่องเล่า) 6,200 วันในไต้หวัน’ โดย คุณนายฮวง สาวไทยสุดไฮเปอร์ที่จับพลัดจับผลูมาอยู่ไทเปได้หลายปีดีดักกับเรื่องเล่าเกี่ยวกับการใช้ชีวิตต่างแดนที่เต็มไปด้วยสีสันและมุมมองหลากหลาย เรื่องราวดีๆ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์

***********************************

– 婚禮 – ฮุนหลี่ –

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

พอดีเพิ่งครบรอบแต่งงานผ่านมาไม่กี่วัน เลยทำให้นึกได้ว่า ฉันยังไม่เคยเล่าพิธีแต่งงานของฉันให้ฟังกันเลยนี่นา ด้วยความที่ชาวจีนในเมืองไทยรุ่นหลังๆ (ประมาณสี่ห้าสิบปีที่ผ่านมาน่าจะได้นะ หรืออาจจะนานกว่านี้ด้วยซ้ำ) เริ่มมีการรับเอาขนบธรรมเนียมไทยๆ เข้ามาปนๆ กันอยู่บ้าง ฉันก็เลยออกจะชิน แล้วเลยเพลินนึกว่าเป็นธรรมเนียมจีนไปด้วยก็มี ตัวอย่างเช่น เรื่องกั้นประตูตอนเจ้าบ่าวมารับตัวเจ้าสาว ถามคุณชายถึงธรรมเนียมนี้ ฮีก็ทำหน้างงๆ ว่า ศรีภริยาของฮีมโนอะไรอีกล่ะเนี่ย😆 ฉันก็เลย… บิงโก ท่าทางเรื่องกั้นประตูนี่จะธรรมเนียมไทยแฮะ แล้วพี่สาวฉันก็ช่วยคอนเฟิร์มให้ว่า “ใช่จ้ะ เธอก๊งไปเองนะจ๊ะ” ฮ่าๆๆ

อย่างที่เคยคุยๆ ให้ฟังในบทภาษาจีนวันละคำแล้วว่า สมัยเด็กๆ ฉันเป็นติ่งซีรีส์และหนังกำลังภายในของฮ่องกงตัวจริงเสียงจริง แล้วก็เคยมีไอเดียบรรเจิดสมัยเป็นวัยรุ่นยุคหนังกังฟูพีกสุดๆ ประมาณว่า ถ้าชีวิตนี้มีโอกาสได้แต่งงาน ก็อยากจะปิดถนนเยาวราช แล้วก็มีขบวนแห่เจ้าสาว ที่ใส่ชุดแบบโบราณสีแดงแปร๊ด มีผ้าคลุมหน้าที่เป็นเซตเข้าชุดกันอีกด้วย นั่งอยู่ในเกี้ยวสีแดงที่มีคนหาม พร้อมทั้งขบวนตีฉาบ เป่าปี่ ตีกลอง (เอ เริ่มรู้สึกว่ามันเหมือนขบวนเชิดสิงโตตอนตรุษจีนซะแล้วสิ 😅) แบบในหนังพีเรียดที่เคยดูๆ มาประมาณนั้นเลย😂 เคยคุยไอเดียนี้ให้คุณหม่ามี้ฟังขำๆ ตอนที่อาปาอามาของคุณชายบินไปทำพิธีหมั้นที่กรุงเทพฯ คุณหม่ามี้ของฉันฟังแล้วก็ขำส่ายหัวบอกว่า อาหมวยเล็กอีท่าทางจะติงต๊องไปแล้ว😄

ในที่สุดความฝันคุณนายฮวงก็เป็นจริงครึ่งนึง ได้ใส่ชุดแต่งงานแบบโบราณถ่ายรูปในสตูดิโอ

เอาค่ะ เข้าเรื่องกันดีกว่า คุณนายฮวงเพ้อเจ้อออกนอกเรื่องอีกแล้ว😅 อย่างที่บอกค่ะว่า ทางฝ่ายบ้านคุณชายบินไปทำพิธีหมั้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งฉันสามารถกล่อมคุณเตี่ยและคุณหม่ามี้สำเร็จว่า ไม่ต้องมีพิธีใหญ่โตอะไรดีกว่านะ แต่งพี่ๆ มากันหลายคนแล้วเหนื่อยออกนา แล้วฉันก็เป็นคนสุดท้ายแล้วด้วย เอาแค่พิธีหมั้นแบบในครอบครัว เชิญแค่พวกอาอี๊ อากู๋ กับอาม่าของฉันมาเท่านั้นก็พอ อีกอย่างคือฉันก็ยุ่งกับงานที่เพิ่งเริ่มทำได้ไม่นาน (หลังจากที่กลับมาจากอเมริกา) ไม่มีเวลาเตรียมตัวหรอก อาเตี่ยกับหม่ามี้ก็หยวนๆ ไปกับอาหมวยเล็กสุดไฮเปอร์ ก็เลยมีแค่ส่งขนมหมั้นที่เป็นคุกกี้ตามธรรมเนียม แจ้งให้ญาติสนิทมิตรสหายของคุณเตี่ยและหม่ามี้ทราบกันทั่วๆว่า อาหมวยเล็กอีขายออกแล้วน้า😁 ซึ่งค่าใช้จ่ายเรื่องคุกกี้ (ภาษาจีนกลางเรียกว่า 訂婚喜餅 – ติ้งฮุนสีปิ่ง) ตรงนี้ ทางฝ่ายคุณชายเป็นฝ่ายออก ซึ่งก็เหมือนกันกับธรรมเนียมของทางไต้หวัน แต่ติ้งฮุนสีปิ่งของไต้หวันนี่แพ็กเกจแบบอลังการงานสร้างมากค่ะ ไม่เหมือนกับของทางเมืองไทย ที่จะเป็นคุกกี้กล่องสีแดงยี่ห้ออาร์เซนอลแปะสติ๊กเกอร์ตัว 囍 – เรียกว่าซวงสี่ ไว้ที่บนฝากล่องแค่นั้นเอง

ภาพ : pinterest
ภาพจาก https://www.rivon.com.tw

คือตามธรรมเนียมคนแต้จิ๋วในเมืองไทย นอกจากแจกคุกกี้แล้ว ยังมีงานเลี้ยงฉลองหมั้น ซึ่งต้องเป็นหน้าที่ของทางฝ่ายเจ้าสาวจัด แขกที่เชิญก็เป็นพวกญาติและเพื่อนทางฝ่ายเจ้าสาว ซึ่งก็คล้ายกับของทางไต้หวันเหมือนกัน ฉันคิดว่าก็น่าจะเป็นธรรมเนียมจีนดั้งเดิมนะ เป็นการแจ้งข่าวกับเพื่อนฝูงและญาติๆ ว่าลูกสาวแต่งงานแล้วนะจ๊ะ อย่างที่บอกค่ะว่า ฉันสามารถกล่อมคุณเตี่ยและหม่ามี้ให้คล้อยตามฉันได้สำเร็จ ดังนั้นพิธีหมั้นที่รวบรัดตัดความตามใจหมวยเล็กที่ยุ่งกับงานอยู่ จึงเป็นไปแบบเรียบง่ายจริงๆ ได้ฤกษ์ก็ทำพิธีสวมแหวนกันจบเสร็จแล้วก็เจี๊ยะได้😄 แต่อาปาของคุณชายก็ยังทำตามธรรมเนียมจีนนะคะ เพราะว่าอาม่าของฉันมางาน อาปาก็เลยเตรียมซองอั่งเปาให้กับอาม่าของฉันไว้ด้วย

ตานี้มาถึงพิธีแต่งงานกันล่ะนะ ทุกอย่างคือทางอาปาเป็นคนจัดการหมดค่ะ ฉันกับคุณชายแค่บินล่วงหน้ามาก่อนหนึ่งสัปดาห์ เพื่อมาช้อปปิ้งชุดแต่งงาน ที่ไต้หวันนี่บรรดาเวดดิ้งสตูดิโอจะอยู่รวมกันบนถนนสายหนึ่ง อย่างของไทเปก็อยู่กันแถวถนนจงซันเป่ยลู่อิ๊ต้วน คู่แต่งงานก็ไปเดินเลือกๆ กัน ฉันก็ไปเดินเลือกดูเอา โดยฉันตัดสินใจด้วยการดูที่ชุดค่ะ ชุดร้านไหนสวยถูกใจฉันก็เอาร้านนั้นแหละ เพราะจริงๆ ฝีมือรีทัชรูปของแต่ละร้านมันก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก (เอ๊ คงทราบกันใช่ไหมคะว่า ไต้หวันเป็นต้นกำเนิดกิจการเวดดิ้งสตูดิโอ แล้วก็แพร่หลายไปถึงเมืองไทย) เลือกชุดที่จะใส่ถ่ายรูปในสตูดิโอเสร็จก็ต้องเลือกอีก 3 ชุดสำหรับใช้ในวันแต่งงาน ตอนแรกฉันฟังแล้วงง เอาไปทำไมตั้งสามชุด ตอนพวกพี่ๆ ฉันแต่งที่เมืองไทย เห็นมีแค่ชุดตอนรับตัวเจ้าสาว กับชุดตอนงานเลี้ยงกลางคืนเท่านั้นเองนี่ ของที่ไต้หวันนี่เจ้าสาวต้องใช้ถึงสามชุดค่ะ คือชุดตอนเจ้าบ่าวมารับตัว (ซึ่งฉันต้องใส่ชุดนี้นั่งอยู่ในห้องหอทั้งวัน หลังจากที่คุณชายไปรับตัวฉันจากโรงแรมที่อาเตี่ยกับหม่ามี้ฉันพักอยู่ในตอนเช้าตามฤกษ์) ชุดที่สองใส่ตอนไปเดินดื่มขอบคุณแขกแต่ละโต๊ะในงานเลี้ยงฉลองตอนกลางคืน แล้วชุดที่สามใส่ตอนส่งแขกกลับออกจากงาน

เมื่อขบวนเจ้าสาวมาถึงบ้านเจ้าบ่าว จะต้องมีการจุดประทัดต้อนรับ ให้เสียงดังสนั่น เพื่อความโชคดีในชีวิต
ใช้กระด้งบังหัวให้เจ้าสาว เพื่อป้องกันเจ้าสาวจากสิ่งไม่ดี

ที่นี่ไม่เหมือนเมืองไทยตรงที่ตอนแขกเข้างานนี่มีแค่เจ้าบ่าวกับพ่อแม่ยืนต้อนรับแขก ส่วนเจ้าสาวต้องพักอยู่ในห้องก่อน จนถึงเวลาขึ้นเวทีแนะนำตัวเจ้าสาว คุณชายถึงไปรับ เดินจูงฉันออกมาขึ้นเวทีพร้อมพ่อแม่ของทั้งสองฝั่ง แล้วก็เจ้าบ่าวเจ้าสาวถ่ายรูปกับแขกตอนที่ไปดื่มขอบคุณแขกตามโต๊ะ จากนั้นตอนที่เลิกงานแขกเดินออกจากงาน ฉันก็ต้องไปยืนส่งแขกด้วยการถือถาดใส่ลูกกวาด ส่วนคุณชายถือซองบุหรี่สำหรับแขกหยิบติดมือกลับบ้าน ตลกดีเหมือนกันนะ ในความรู้สึกของฉันน่ะค่ะ แต่เดี๋ยวนี้อาจจะไม่มีการถือบุหรี่แล้วมั้งคะ เพราะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ อ้อ มีอีกอย่างที่ไม่เหมือนกับพิธีของคนแต้จิ๋วในเมืองไทยค่ะ ตอนที่คุณชายไปรับตัวฉันมาถึงที่บ้าน พอฉันก้าวออกจากรถ มีคนที่ร่วมอยู่ในขบวนรับเจ้าสาว เอากระด้งสานจากหวายมาบังหัว (คล้ายๆ กางร่มกันแดดกันฝนให้แบบนั้นน่ะค่ะ) ให้ฉันเดินเข้าบ้าน เพื่อป้องกันภัยจากสิ่งไม่ดีต่างๆ ให้กับเจ้าสาว แต่ถ้าในกรณีที่เจ้าสาวตั้งครรภ์อยู่ต้องกางร่มดำให้ค่ะ ต้องป้องกันถึงสองชีวิต ร่มคงป้องกันได้ดีกว่ากระด้งสานมั้ง เดาเอาค่ะ แหะๆ

ส่วนเรื่องที่คล้ายๆ กันก็คือเรื่องของดวงชง สมัยตอนพี่ๆ ฉันแต่ง จำได้ว่า ถ้ามีใครในบ้านปีเกิดชงกับเจ้าสาว ก็ต้องซ่อนตัวไว้ อย่าออกมาต้อนรับเจ้าสาวตอนที่เจ้าสาวมาถึงบ้านเจ้าบ่าว แต่ที่นี่ความเชื่อคือ คนที่เกิดปีเสือค่ะ ห้ามย่างเท้าเข้าห้องหอของคู่บ่าวสาว ห้ามเจอเจ้าสาวตอนทำพิธีเมื่อมาถึงบ้านเจ้าบ่าว ว่ากันว่า เดี๋ยวจะทำให้เจ้าสาวไม่ตั้งครรภ์ แล้วก็ห้ามนู่นนี่อีกหลายอย่าง ตามที่อ่านมานะ เหตุผลก็ประมาณว่าเสือมันดุน่ะ แต่ก็มีวิธีแก้เคล็ดอะไรต่างๆ เหมือนกัน เช่น ถ้าเจ้าสาวเกิดปีเสือซะเอง ก็ต้องหาเพื่อนเจ้าสาวมาอีกสองคนที่เกิดปีเสือด้วย จะได้รวมแล้วเป็นเสือสามตัว ห้ามรวมแล้วได้สองนะ บอกว่าเดี๋ยวตีกัน เอิ่ม แล้วสามมันจะไม่ตีกันเหรอ หรือว่าเสือคนที่สามเป็นกรรมการห้ามทัพ?😉

ส่วนพิธีที่เหมือนกันเป๊ะเลยคือ เมื่อเจ้าสาวมาถึงบ้านเจ้าบ่าว ทั้งคู่ต้องกิน 湯圓 – ทังหยวน หรือบัวลอยสีชมพูต้มน้ำตาลค่ะ เพื่อความสมัครสมานสามัคคีและชีวิตแต่งงานที่หวานชื่น จริงๆ แล้วรายละเอียดมีมากมายนะ จะว่าไปแล้วฉันว่าโดยรวมก็คล้ายๆ กันนั่นล่ะ เพราะยังไงก็เป็นชาวจีนเหมือนกัน จะจีนแต้จิ๋ว จีนกวางตุ้ง จีนแคะ จีนไหหลำ ฯลฯ ก็มาจากรากเหง้าเดียวกัน อาจจะมีรายละเอียดปลีกย่อยบางอย่างที่ต่างกันไปบ้างตามธรรมเนียมแต่ละท้องถิ่น นี่ก็เล่าให้ฟังกันจากประสบการณ์ของฉันน่ะนะ ซึ่งก็ติดจะเป็นฉบับย่อพอสมควร เพราะฉันนี่ก็ประเภท “เพียงแค่ใจเรารักกัน บดบังความสำคัญอื่นใด🎼🎶🎵”😊 ฮู้ยยยยย😜

 

Don`t copy text!