คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า

คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า

โดย : คุณนายฮวง

Loading

นอกจาก นิยายออนไลน์ สนุกๆ แล้ว อ่านเอา ยังมีคอลัมน์ ‘(เรื่องเล่า) 6,200 วันในไต้หวัน’ โดย คุณนายฮวง สาวไทยสุดไฮเปอร์ที่จับพลัดจับผลูมาอยู่ไทเปได้หลายปีดีดักกับเรื่องเล่าเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในต่างแดนที่เต็มไปด้วยสีสันและมุมมองหลากหลาย เรื่องราวดีๆ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์

ได้เห็นข่าวในทีวีเรื่องคนไต้หวันบ่นว่า เที่ยวในประเทศแพงกว่าเที่ยวต่างประเทศ ดูข่าวแล้วก็ขำ เพิ่งมาบ่นกันตอนนี้เองเรอะ อิฉันเนี่ยพูดประเด็นนี้ตั้งแต่มาถึงเกาะนี้ตั้งแต่ยี่สิบปีที่แล้วละจ้า😆

จริงๆแล้วฉันก็ค่อนข้างแปลกใจอยู่นะว่า ทำไมคนไทยถึงชอบมาเที่ยวกัน เดี๋ยวนะคะ ทัวร์อย่าเพิ่งลง เราคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันสนุกๆก่อนเน้อ😅 คือสงสัยจริงๆ มิได้มีจุดประสงค์ก่อชนวนดราม่าใดๆทั้งสิ้น สำหรับฉันแล้ว ไต้หวันเป็นประเทศที่คุณภาพชีวิตของชนชั้นกลางดีกว่าเมืองไทย การคมนาคมในไทเปและนิวไทเปสะดวกสบาย รถไม่ติดทั้งวันแบบกรุงเทพฯ ถ้ามองในแง่การท่องเที่ยว ก็ได้เปรียบกรุงเทพฯในเรื่องการเดินทางนี่ล่ะ แต่ถ้าพูดแง่ความงามของธรรมชาติก็ไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่นมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ (มีก็อาลีซันที่เดินชมป่าสนไซเปรสแบบหอมกลิ่นสนที่ฉันชอบ กับเรื่องออนเซ็น😁)

ที่สำคัญค่าโรงแรมที่นี่แพงกว่าเมืองไทยพอสมควรเลยนะ (ค่าที่พักนี่เป็นรายจ่ายหลักรายการหนึ่งของการไปเที่ยวแน่ๆ จริงไหมคะ) ฉันเพิ่งเอ่ยปากชักชวนเพื่อนฝูงให้มาเยี่ยมเยือนก็เมื่อไม่ต้องขอวีซ่าเมื่อเจ็ดแปดปีที่ผ่านมานี้เอง ก่อนหน้านั้นไม่กล้าชวนเลยค่ะ เพราะเคยไปยื่นเรื่องขอวีซ่าแทนที่บ้าน เสียเวลาไปสองวันกว่าจะได้วีซ่า จึงไม่อยากให้เพื่อนฝูงต้องเสียวันลาไปเปล่าๆ แต่เมื่อไม่ต้องขอวีซ่าก็สบายขึ้นแยะเลย😉 จบความเห็นของคุณนายฮวงเรื่องคนไทยมาเที่ยวที่นี่แค่นี้ละกันนะ

 

มาพูดถึงความคิดเห็นของชาวไต้หวันที่มีต่อการท่องเที่ยวในประเทศตามที่ฉันดูข่าวกันดีกว่า ตามข่าวรายงานว่า ช่วงที่ผ่านมาประชาชนของเกาะนี้ต่างก็โอดครวญบ่นกันพึมพำสนั่นโซเชียล เรื่องค่าห้องพักสถานที่ท่องเที่ยวในไต้หวันมีราคาแพงเกินไป คุณภาพไม่สมราคา ซึ่งฉันเห็นข่าวทีวีอยู่บ่อยๆเหมือนกัน เป็นพวกหมินซู่ (民宿 หรือ Homestay) บ้าง หรือบางทีก็มีโรงแรมแถวซีเหมินติงบ้าง ซึ่งนักวิแคะทั้งหลายก็ให้ความเห็นว่า มันสะท้อนให้เห็นถึงวิกฤติการณ์ด้านการท่องเที่ยวของไต้หวัน เพราะไม่เพียงส่งผลต่ออุปสงค์ (demand) ในการมาเที่ยวไต้หวันของนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ยังส่งผลให้ชาวไต้หวันหลายคนรู้สึกว่าเที่ยวต่างประเทศคุ้มกว่า อันนี้สำหรับเราสองคนก็จริงค่ะ เราสองคนถึงไปเที่ยวต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ เพิ่งมาช่วงที่คุณชายเปลี่ยนอาชีพมาสอนหนังสือนี่ล่ะ เพราะมีวันหยุดมากขึ้นกว่าตอนทำงานบริษัท เราถึงได้เริ่มเที่ยวในประเทศกันบ้าง แล้วก็เจอค่าโรงแรมที่แบบเล่นเอาอึ้งไป เช่นโรงแรมห้าดาวที่อี๋หลานคืนนึงตกประมาณหมื่นเศษ😱

ผู้ประกอบการทั้งหลายในอุตสาหกรรมได้กล่าวถึงสี่ปัญหาหลักที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไต้หวันดังนี้ค่ะ อย่างแรกสุดคือ การคมนาคมไม่สะดวก โดยกล่าวว่า มีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งในไต้หวันที่ต้องขับรถไปเองถึงจะสะดวก โดยยกตัวอย่างเทศกาลบอลลูนนานาชาติที่ทางไถตงจัดขึ้นทุกปี มักจะเกิดปัญหา shuttle bus ไม่เพียงพอกับปริมาณนักท่องเที่ยวเสมอๆ อันนี้ฉันเห็นด้วยค่ะ เพราะทุกวันนี้คนนิยมเที่ยวด้วยตัวเองกันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วระบบขนส่งสาธารณะก็มีแค่ละแวกไทเปกับนิวไทเปที่สะดวกหน่อย อย่างทางตงเป่ยเจี่ยว (東北角) ที่เป็นชายฝั่งทะเลทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะนี้ แล้วจริงๆก็ไม่ได้ไกลจากไทเปสักเท่าไรนัก มีจุดชมวิวสวยๆหลายจุด เช่นฉิงเหรินหูที่ฉันเคยเขียนถึงไปแล้ว หรือจูหมิงมิวเซียมนั่นก็ใช่ ถ้าไม่ได้ขับรถไปเองเนี่ย นั่งรอรถประจำทางกันเงกเลยนะกว่าจะมาคันนึง 😴

Cityinn Hotel Plus – Fuxing N. Rd., Branch

ประการที่สอง สถานที่ท่องเที่ยวขาดเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ข้อนี้ฉันก็เห็นด้วยอีกแหละ บรรดาเหล่าเจีย (老街 ที่แปลตรงตัวเป๊ะๆได้ว่าถนนโบราณ) หลายแห่งแทบไม่แตกต่างกัน ที่ฮิตๆอย่างจิ่วเฟิ่นหรือตั้นสุ่ยเหล่าเจีย มันก็คล้ายๆกันว่ามั้ยคะ (เราไม่พูดถึงวิวกันนะ เอาแค่ตัวถนนคนเดินก่อน) นี่ยังไม่พูดถึงเหล่าเจียที่เขตอื่นๆเช่น เซินเคิง อูไหล ฯลฯ นะ หรือพวกตลาดกลางคืนก็เช่นกัน-คล้ายๆกันไปหมด ตามข่าวว่าประเด็นนี้ถูกประชาชนหยิบมาวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ่อยๆ (ไม่ใช่แค่อิฉันเห็นอยู่คนเดียวน้า😆)

ผู้เชี่ยวชาญเขาว่า ภาคการท่องเที่ยวของไต้หวันขาดการคิดวางแผนแบบทุกแง่ทุกมุม และขาดการเพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยวในด้านอื่นๆ ที่จะช่วยสร้างความเป็นเอกลักษณ์ของจุดท่องเที่ยวให้มากยิ่งขึ้น มักจะชอบทำตามๆกันไป โดยยกตัวอย่างโบสถ์รองเท้าส้นสูงที่ฉันเพิ่งเขียนถึงไปในบท Road trip 2 ตามข่าวบอกว่า ภายในระยะเวลาสามปี มีโบสถ์กระจกผุดขึ้นมาถึง 4 แห่ง แล้วอย่างโบสถ์รองเท้าส้นสูงที่เจียอี้นั่น นอกจากตัวโบสถ์นั่นแล้ว บริเวณรอบๆก็ไม่มีอะไรให้ดูให้ชมอีกเลย มันก็เลยกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวร้างๆอย่างที่ฉันเห็นนั่นแหละ นอกจากโบสถ์กระจกสี่แห่งแล้ว ไต้หวันก็มีหมู่บ้านสายรุ้งแห่งใหม่เพิ่มขึ้นถึง 80 แห่ง สะพานลอยฟ้าอีก 13 แห่งภายในช่วงเวลาสามปี (พ.ศ.2558-2561) 😲

ข้อที่สาม ผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวขาดวิสัยทัศน์ เห็นเพียงผลกำไรระยะสั้น อันนี้นี่ก็จริงอีกน่ะ เท่าที่ฉันสังเกตมาตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ คนไต้หวันเนี่ยบางที่ก็แปล๊กแปลกค่ะ เห็นคนอื่นเขาทำอะไรแล้วดี ทำเงินถล่มทลาย ก็จะทำตามมั่ง นี่ไม่ใช่แค่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวนะคะ อย่างภาคการเกษตรก็ใช่ ปีไหนผลไม้อะไรขายดี ก็จะแห่กันปลูก ผลก็คือ supply เลยมากกว่า demand ตานี้ราคามันก็ตกสิ หรืออย่างตอนฉันมาถึงใหม่ๆ เดินไปไหนก็เจอแต่ร้านสปา ลดราคาแย่งชิงลูกค้ากันอุตลุด ฉันยังไปลองนวดที่ร้านแถวบ้านตรงบ้านแรกที่อยู่ปั่นเฉียวเลย เพราะเห็นราคาทดลองถูกมาก ทั้งๆที่พูดจีนยังไม่เป็นเลยนะน่ะ😆

ส่วนตอนนี้ก็เห็นแต่ร้านตู้สีเหลืองอ๋อยที่ให้หยอดเหรียญเล่นคีบของเต็มไปหมด ผู้เชี่ยวชาญสรุปว่า ธุรกิจไต้หวันมักให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามากกว่าการวางแผนระยะยาว เอเมน🥴

ประการสุดท้าย ภาคการท่องเที่ยวขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก ยุคหลังโควิดที่ดูเหมือนว่าการท่องเที่ยวกำลังฟื้นตัว แต่ธุรกิจการท่องเที่ยวกลับเผชิญกับภาวะขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก ข้อนี้เท่าที่ฉันคุยๆกับเพื่อนที่เมืองไทย ดูเหมือนเมืองไทยก็เผชิญปัญหานี้ด้วย ฉันเองเมื่อครั้งล่าสุดที่กลับมาเยี่ยมบ้านก็สังเกตเห็นเช่นกันค่ะ สองสัปดาห์ที่พักอยู่โรงแรม ต้องมีการโทรหาฝ่าย House keeping ทุกวัน บางวันก็ลืมเติมน้ำขวดให้ บางวันก็ลืมผ้าเช็ดเท้าในห้องน้ำ ฯลฯ แล้วคนเอามาให้ก็เป็นเด็กสาวตัวนิดเดียว ฉันเดาว่าคงเป็นพวกเด็กนักเรียนนักศึกษาที่มาทำงานหารายได้พิเศษมั้ง หรือเด็กที่ทำงานคอยเก็บจานในห้องอาหารตอนเช้าก็เหมือนกันค่ะ

ฉันเห็นแล้วก็สงสารน่ะ ดูแล้วอายุไม่เท่าไรเลย น่าจะเด็กกว่าพวกหลานๆของฉันด้วยซ้ำ ก็เลยส่งทิปให้ ซึ่งน้องเขาก็งงๆนะ เลยทั้งกล่าวขอโทษและยกมือไหว้ขอบคุณในเวลาเดียวกัน สำหรับปัญหาการขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไต้หวัน ผู้บริหารระดับสูงของโรงแรมแห่งหนึ่งวิเคราะห์ว่า คนรุ่นใหม่ชอบที่จะทำงานส่งอาหารดิลิเวอร์รี่ หรือไม่ก็เป็นเน็ตไอดอลแทนการมาทำงานในโรงแรม เพราะได้เงินมากกว่า (แล้วก็ไม่มีคนคอยจิกด้วย ข้อนี้คุณนายฮวงกล่าวเองค่ะ แหะๆ) ล่าสุดธุรกิจโรงแรมที่พักได้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 30,000 เหรียญไต้หวัน อีกทั้งยังมีเงินโบนัสให้พนักงานทำความสะอาดห้องพัก แต่ก็ยังหาคนมาทำงานได้ยาก เรื่องนี้คุณชายก็เคยเล่าให้ฉันฟังค่ะว่า ลูกศิษย์ไปขี่รถส่งอาหารของฟู้ดแพนด้า แล้วก็หลับเพลิน ตื่นมาเรียนไม่ทันกันบ่อยๆ ซึ่งคุณชายก็ได้แต่เตือนด้วยความหวังดีว่า ควรจะจัดลำดับความสำคัญแต่ละเรื่องให้ดีๆ

เอาล่ะค่ะ ขอจบรายงานข่าวที่เห็นมาแต่เพียงเท่านี้ อย่าลืมนะคะว่าเราคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันสนุกๆ ทัวร์อย่าลงน้า เค้ากลัว😅

 

Don`t copy text!