สีสันบันเทิงฉบับไต้หวัน

สีสันบันเทิงฉบับไต้หวัน

โดย : คุณนายฮวง

Loading

นอกจาก นิยายออนไลน์ สนุกๆ แล้ว อ่านเอา ยังมีคอลัมน์ ‘(เรื่องเล่า) 6,200 วันในไต้หวัน’ โดย คุณนายฮวง สาวไทยสุดไฮเปอร์ที่จับพลัดจับผลูมาอยู่ไทเปได้หลายปีดีดักกับเรื่องเล่าเกี่ยวกับการใช้ชีวิตต่างแดนที่เต็มไปด้วยสีสันและมุมมองหลากหลาย เรื่องราวดีๆ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์

***********************************

– สีสันบันเทิงฉบับไต้หวัน –

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีข่าวใหญ่ประจำวันและประจำเกาะคือ ข่าวการแต่งงานของซูเปอร์โมเดลผู้เป็นตำนานแห่งวงการนางแบบไต้หวัน ‘หลินจื้อหลิง’ โดยเจ้าบ่าวคือนักร้อง/นักแสดงชาวญี่ปุ่นชื่อว่า ‘Akira’ เป็นการพลิกโผพอสมควร เนื่องจากก่อนหน้านี้หลินจื้อหลิงทำท่าว่าจะมีข่าวมาหวนคืนดีกับ ‘Jerry Yan’ หนึ่งในสมาชิกของ F4 วงบอยแบนด์ที่โด่งดังไปทั่วเอเชียเมื่อประมาณยี่สิบปีก่อน ตอนนั้นกระแส F4 แรงจริงๆ ค่ะ มีกระแสทรงผมยอดฮิตของหนุ่มๆ F4 เกิดขึ้น (ก่อนที่ K-Pop จะมาเบียดแซงแทนที่ไป)

เจอร์รี่กับหลินจื้อหลิงคบหากันตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 แล้วก็เลิกรากันไปหลังจากคบกันได้หกปี หลังจากนั้นก็มีข่าวหวนมาคืนดีกันบ้าง เลิกกันอีกบ้างเป็นระยะ (ข่าวจริงหรือไม่นี่ไม่รู้นะ) จนกระทั่งในงานแจกรางวัลม้าทองคำปี ค.ศ. 2016 ที่หลินจื้อหลิงเป็นพิธีกรของงาน และเธอได้แสดงการเต้นประกอบเพลงที่เข้าชิงรางวัลเพลงประกอบภาพยนต์ยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่งด้วย โดยที่ตอนจบของการแสดงนั้น จบด้วยฉากสุดท้ายของภาพยนต์ที่มีเจอร์รี่เป็นผู้แสดงรับเชิญ ผู้ชมก็กรี๊ดกันสนั่น ตัวหลินจื้อหลิงเองก็ทำท่าเขินอายพร้อมกับพูดว่า “เหาจิ่วปุ๊เจี้ยน = ไม่เจอกันนานนะคะ” ตั้งแต่วันนั้นก็มีข่าวลือว่าลมหวนอีกครั้ง จนกระทั่งปี 2017 มีคนเห็นทั้งสองอยู่ด้วยกันในมาเลเซีย ตอนนั้นบรรดาแฟนคลับทั้งหลายก็ยิ่งลุ้นกันมาก เพราะทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีการออกข่าวปฏิเสธ เลยเหมากันว่าน่าจะลงเอยกันได้เสียทีเพราะเลยแยกหลักสี่กันแล้วทั้งคู่ แต่แล้วจู่ๆ เดือนมิถุนาปีนี้หลินจื้อหลิงก็ออกมาประกาศข่าวแต่งงาน เลยออกจะช็อกวงการพอสมควร

พูดถึง F4 แล้วขอเล่าประสบการณ์ของตัวเองนิดเถอะนะคะ ตอนที่เริ่มเรียนภาษาจีนที่ซือต้าเทอมแรก ทุกวันที่เรียนเสร็จฉันจะนั่งทบทวนทำการบ้านอยู่ในห้องสมุดจนปิด แล้วก็จะนั่งรถมาหาคุณชายที่ออฟฟิศ ซึ่งอยู่ในตึกของสถานีโทรทัศน์หวาซื่อ (อยู่ตรงสถานี MRT Sun Yat Sen Memorial Hall) มีอยู่วันหนึ่งเจอเด็กวัยรุ่นออกันอยู่หน้าประตูใหญ่เต็มไปหมด พอเจอหน้าคุณชายก็ถามเธอว่า วันนี้มีดารามาเหรอ เห็นคนออกันอยู่ข้างหน้าเต็มไปหมด คุณชายผู้ซึ่งทำแต่งานอย่างเดียวไม่ค่อยจะสนใจสิ่งรอบตัว (และไม่บ้าดาราอย่างเมียเธออีกตะหาก😜) ก็ตอบว่า “ไม่รู้ คงมีใครมาอัดรายการมั้ง” พอวันรุ่งขึ้นไปเรียน แม่หนูเกาหลีสี่ห้าคนในชั้นเรียนก็เล่าให้เหล่าซือฟังว่า เมื่อวานพวกเธอไปเฝ้ารอดู F4 (เอฟซื่อ) ที่สถานีหวาซื่อ ได้เห็นด้วย หล่อมากกกก กรี๊ดกร๊าดกันสุดฤทธิ์ อิป้าอย่างคุณนายฮวงก็ฟังตาปริบๆ ด้วยความเสียดายพร้อมกับนึกในใจว่า เดี๋ยวเหอะจะกลับไปเล่นงานคุณชายซะหน่อย ไม่รู้จักเป็นสายสืบให้เมียไปเป็นไทยมุงดู F4 กะเขามั่งเลย😆

ยังค่ะ ยังไม่ถึงช็อตเด็ด😊 ต่อมาอีกไม่นาน ฉันก็มีโอกาสไปทำงานพาร์ตไทม์ที่กงสุลไทย (จริงๆ เรียกว่า ‘สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย ประจำกรุงไทเป’) ได้รู้จักน้องคนไทยที่เป็นพนักงานประจำ ก็ตามประสาคนไทยน่ะ สนุกสนานเฮฮากันไป มีอยู่วันคุยกันไปมา น้องเขาก็เอารูปแฟนให้ดู อิฉันก็กรี๊ดพูดกับน้องเขาว่า “ต๊าย แฟนหนูหล่อนะเนี่ย ชื่ออะไรๆ วันไหนมารับ อย่าลืมแนะนำให้เจ๊รู้จักบ้างนะ” น้องเขาหัวเราะถามกลับว่า “เจ๊ ถามจริง ไม่รู้จักแฟนหนูจริงๆอะ” “เจ๊จะรู้จักได้ไง เราเพิ่งรู้จักกันเองนิ” ตอบน้องเค้าแบบซื้อซื่ออีกฉัน😅 ตานี้น้องเขาปล่อยก๊ากเลย “เจ๊ F4 นี่น่ะรู้จักกะเค้ามั่งรึเปล่า นี่น่ะ เจอร์รี่ F4 นะ” แป่ว! ก็รู้แต่ว่ากำลังดังระเบิดเถิดเทิง แต่เจ๊ไม่เคยเห็นหน้าตาง่ะ😝

หม่ามี้ของฉันมักจะพูดเสมอว่า ฮ่องกงมีหนัง ส่วนไต้หวันมีนักร้อง ฉันคิดว่าหม่ามี้คงหมายถึงสมัยก่อนนั้น ถ้าพูดถึงอุตสาหกรรมภาพยนตร์จีน คนมักนึกถึงฮ่องกง เพราะห้าหกสิบปีก่อน ไม่มีใครไม่รู้จักหนังของชอว์บราเธอร์ส ฉันเองก็โตมากับการ์ตูนดิสนีย์และหนังของชอว์บราเธอร์ส ยังจำได้ว่าอาเตี่ยพาไปดูหนังรอบมิดไนต์ที่โรงหนังโอเดียนบ่อยๆ(ที่ตอนนี้มีประตูไชน่าทาวน์ตั้งอยู่น่ะค่ะ) ส่วนอุตสาหกรรมเพลงก็ต้องไต้หวัน เพราะนักร้องเพลงจีนดังๆ เป็นชาวไต้หวันเกือบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเติ้งลี่จวิน (ที่คนไทยรู้จักกันดี) ฟ่งเฟยเฟย (เพิ่งเสียชีวิตไปประมาณสามปีก่อน) ยังมี Tracy Huang (ชื่อจีนคือ 黃鶯鶯 หวาง อิงอิง) ที่มีอัลบัมเพลงสากลและเป็นที่รู้จักของชาวไทยพอควร และที่ขาดไม่ได้นักร้องคนโปรดของฉัน ‘ไช่ฉิน’😃 คุณชายก็คอนเฟิร์มเรื่องอุตสาหกรรมเพลงของไต้หวันด้วยเหมือนกัน ฮีบอกว่าถ้ามามีอัลบั้มเพลงในไต้หวันได้ ก็ค่อนข้างมีฐานที่มั่นในวงการเพลงจีนพอสมควร อย่างนักร้องบางคนที่เป็นคนสิงคโปร์ มาเริ่มต้นอาชีพ ออกอัลบั้มที่ไต้หวันนี่แล้วประสบความสำเร็จโด่งดัง ที่เห็นๆ อยู่ตอนนี้ก็ ‘หลินจวิ้นเจี๋ย หรือเจเจ’ ส่วนนักร้องไต้หวันยุคนี้ที่เป็นที่รู้จักของคนไทยก็คงไม่พ้น ‘เจย์ โชว – โจวเจี๋ยหลุน’ ‘ลี ฮอม – หวังลี่หง (คนนี้ก็ขวัญใจฉันด้วย ฮี่ฮี่)’ ‘โจลีน ไช่ – ไช่อีหลิน’

จริงๆแล้วสมัยสามสี่สิบปีก่อน ที่เมืองไทยก็มีหนังจากไต้หวันเข้ามาฉายนะ ดาราของไต้หวันสมัยก่อนที่เป็นที่ชื่นชอบของคนไทย น่าจะได้แก่คู่ขวัญ ‘หลินชิงเสีย+ฉินฮั่น’ สมัยเด็กๆ ฉันชอบหลินชิงเสียมาก (ตอนนี้ก็ยังชอบอยู่นะ) รู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เท่มาก จำได้ว่าดูเรื่อง ความรักในหอแดง – หงโหลวม่ง ที่หลินชิงเสียเล่นเป็นพระเอก แสดงเก่งมากค่ะ ไม่รู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงเลย ถ้ามาถึงนักแสดงยุคนี้ นักแสดงหญิงของไต้หวันที่ฉันชื่นชมคือ ‘ซูฉี’ แรกๆ ก็เฉยนะคะ แค่ว่า โอเคนะ เป็นนักแสดงที่มีฝีมือพอตัว แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ซูฉีกลับมาเยี่ยมบ้าน แล้วออกรายการสัมภาษณ์ทางทีวีรายการที่ฉันชอบดู นั่งดูอยู่หนึ่งชั่วโมง โอ้ ชอบมากค่ะผู้หญิงคนนี้ พูดจาฉลาด ทัศนคติต่อชีวิตก็เยี่ยม กิริยามารยาทพอเหมาะ ดูจริงใจไม่เว่อร์ดี ส่วนฝ่ายชายคนโปรดของฉันคือ ‘มาร์ค เจ้า – เจ้าโย่วถิง’ คนนี้ก็เช่นกัน ตอนแรกแค่ว่าหน้าตาน่าเอ็นดูดี (คล้ายๆพี่แท่ง-ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง อดีตขวัญใจ😍) แต่พอดูออกรายการสัมภาษณ์รายการเดียวกันกะซูฉีนั่นล่ะ หลงรักเลย ฮ่าฮ่า ผู้ชายติดดิน พูดจามีความคิดแบบนี้ เทใจให้หมด😆 คนโปรดอีกคนก็ ‘เอ็ดดี้ เผิง – เผิงอวี๋เอี้ยน’ คนนี้นี่ฉันเชียร์อยากให้ได้รางวัลม้าทองคำซะที ฝีมือการแสดงดีไม่แพ้พวกรุ่นพี่เลยจริงๆว่าแต่มีใครใจตรงกับฉันบ้างไหมคะ😉

หวังอยู่ตอนหนุ่มๆ

ขอคุยให้ฟังถึงรางวัลม้าทองคำกันสักนิดนะคะ ‘Golden Horse Awards’ หรือในภาษาจีนคือ 金馬獎 – จินหมาเจี่ยง ที่ทางสำนักข่าว BBC เรียกว่า the Oscars of Asia เชียวนะ จินหมาเจี่ยงจัดเป็นรางวัลสำหรับวงการภาพยนตร์จีนที่เก่าแก่ที่สุด โดยปีนี้งาานถูกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เป็นปีที่ 56 แล้วค่ะ ปกติงานนี้จะจัดขึ้นประมาณคืนวันเสาร์ปลายเดือนพฤศจิกายนของทุกปี (เท่าที่ฉันอยู่มาเกือบยี่สิบปีก็เป็นช่วงเวลานี้ตลอด) สถานที่จัดคือ Sun Yat Sen Memorial Hall แต่ปีนี้ไม่มีภาพยนตร์ของจีนแผ่นดินใหญ่ส่งเข้าร่วมประกวด แล้วสปอนเซอร์ของงาน เช่น รถที่บรรดาผู้เข้าชิงรางวัลใช้เดินทางเข้ามาจอดตรงหน้าพรมแดงของงาน ก็ยกเลิกการสนับสนุนไป หนังที่เข้าประกวดปีนี้จึงเป็นหนังของไต้หวันซะส่วนใหญ่ มีจากฮ่องกง สิงคโปร์บ้าง แต่ก็ไม่มากค่ะ บรรดาซูเปอร์สตาร์ของจีนแผ่นดินใหญ่หรือฮ่องกงเช่น หลิวเต๋อหัว (ที่ค่อนข้างเป็นแขกประจำของรายการนี้) ก็ไม่มากันเลย

หวังอยู่ตอนสูงวัย

อังลีมอบรางวัลให้ลูกสาวหวังอยู่

ดารายอดนิยมของไต้หวันที่ตอนนี้งานแสดงส่วนใหญ่อยู่ในแผ่นดินใหญ่ก็ไม่มาเช่นกัน พิธีกรหลักในงานปีนี้ก็ไม่มี บรรยากาศเลยออกจะไม่ค่อยคึกคักเหมือนทุกปี แต่ที่ฉันตื่นเต้นเป็นพิเศษคือ Lifetime Achievement Award ผู้ที่ได้รางวัลปีนี้คือ ‘王羽 – หวังอวี่’ หรือที่คนไทยเรารู้จักกันในนาม ‘หวังอยู่’ นักแสดงชาวไต้หวันที่เป็นผู้แสดงนำชั้นแนวหน้าของชอว์บราเธอร์ส เรื่องที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักของชาวไทยคือ เดชไอ้ด้วน น่าเสียดายที่เขาป่วยจึงไม่ได้มารับรางวัลด้วยตัวเอง ลูกสาวสองคนมาเป็นตัวแทนรับรางวัลจากผู้กำกับมือรางวัลออสการ์ชาวไต้หวัน – อังลี (ผู้กำกับในดวงใจของฉันคนหนึ่ง) ฉันตามดูผลงานของอังลีมาตลอด ชอบตั้งแต่เรื่องแรกๆของเขาเลยทีเดียว The Wedding Banquet’ ตามมาติดๆ ด้วย ‘Eat Drink Man Woman’ และแน่นอนว่าเรื่องโปรดสุดคือ ‘Life of Pi’ ที่ทำให้ฉันได้มีโอกาสถ่ายรูปคู่กับผู้กำกับคนโปรด งานนี้ต้องขอบคุณคุณชายสุดที่รักค่ะ (ก่อนหน้านี้กรณี F4 ว่าจะจัดการอยู่หยกๆ ตอนนี้กลายเป็นสุดที่รักไปแล้ว คุณนายฮวง mood swing จริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า) ขอจบรายการสีสันบันเทิงฉบับไต้หวันแต่เพียงแค่นี้แล้วกันนะคะ ไม่งั้นคุณนายฮวงฝอยยาวไปเรื่อยแน่😊

Don`t copy text!