เรื่องของศิลปะและวัฒนธรรม

เรื่องของศิลปะและวัฒนธรรม

โดย : คุณนายฮวง

Loading

นอกจาก นิยายออนไลน์ สนุกๆ แล้ว อ่านเอา ยังมีคอลัมน์ ‘(เรื่องเล่า) 6,200 วันในไต้หวัน’ โดย คุณนายฮวง สาวไทยสุดไฮเปอร์ที่จับพลัดจับผลูมาอยู่ไทเปได้หลายปีดีดักกับเรื่องเล่าเกี่ยวกับการใช้ชีวิตต่างแดนที่เต็มไปด้วยสีสันและมุมมองหลากหลาย เรื่องราวดีๆ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์

***********************************

– เรื่องของศิลปะและวัฒนธรรม –

นอกจากการเข้าถึงธรรมชาติได้อย่างง่ายดายแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันอยู่ไทเปได้อย่างรื่นรมย์ก็คือ เรื่องของศิลปะและวัฒนธรรม แหม! ฟังดูเป็นงานเป็นการจังเนอะ จริงๆ ก็ไม่ได้มีอะไรที่มันอลังการงานสร้างขนาดนั้นหรอกค่ะ เป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันที่ฉันพบเจอโดยบังเอิญเป็นส่วนใหญ่

เล่าเรื่องวัฒนธรรมการอ่านกันก่อนดีกว่านะ (เอาใจนักอ่านกันนิดนึง😉) ที่นี่มีร้านหนังสือเจ้าใหญ่คือ Eslite Bookstore-誠品書店 หรือเฉินผิ่นซูเตี้ยน ซึ่งถ้าใครเคยมาเที่ยวไทเปแล้วไปแถวแหล่งช็อปปิ้งซิ่นอี้ (MRT Taipei City Hall Station) ก็คงเห็นตึกของร้านหนังสือนี้กันบ้าง ภายในตึกเป็นทั้งร้านหนังสือและช็อปปิ้งมอลล์รวมกัน สาขานี้ใหญ่ที่สุด ปกติเวลาฉันจะหาหนังสืออะไรเป็นพิเศษ จะไปที่สาขานี้ แต่จริงๆ แล้วที่ทำให้ฉันทึ่งมากๆ ตอนที่มาถึงเกาะนี้ใหม่ๆ คือสาขาตุนฮั่ว (MRT ZhongxiaoDunhua Station) เพราะไม่เคยคิดว่าจะมีร้านหนังสือเปิด 24 ชั่วโมง แล้วก็สงสัยว่ามันจะมีคนไปรึน่ะ

เคยถามน้องที่บ้านเขาอยู่แถวนั้น เขาเล่าว่าเขาเคยไปดูตอนเที่ยงคืนกว่าๆ มีพวกเด็กนักศึกษาไปนั่งอ่านหนังสือกันเต็มเลย ร้านนี้จัดว่าใจดีพอสมควร ฉันไปทีไร (ไม่ว่าจะสาขาไหน) ก็เห็นคนหยิบหนังสือมานั่งอ่านกันหน้าชั้นวางหนังสือนั่นล่ะ แต่น่าเสียดายว่าสาขาตุนฮั่วกำลังจะปิดแล้ว เพราะดูเหมือนจะหมดสัญญาเช่าที่ตรงนั้น ก็ไม่รู้ว่าทางบริษัทจะมีนโยบายเปิดสาขาไหน 24 ชั่วโมงขึ้นมาแทนรึเปล่า ข่าวไม่ได้บอกไว้ซะด้วยสิ

นอกจากร้าน Eslite นี้แล้ว ยังมีอีกหลายเจ้านะคะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นร้านขายหนังสือเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนช้อปปิ้ง มีร้านที่ขายเฉพาะหนังสือเกี่ยวกับศิลปะก็มี ฉันเคยเดินเตร็ดเตร่แล้วเจอโดยบังเอิญ แต่ที่เด็ดสุดคือร้าน EP Books หรือ 益品書屋-อี้ผิ่นซูอู จะบอกว่าเป็นร้านหนังสือคงไม่ค่อยถูกต้องนัก เพราะหนังสือในร้านทุกเล่มไม่ได้มีไว้ขาย แค่ให้อ่านในร้านเท่านั้น เจ้าของร้านนี้คือคุณ 戴勝益-ไต้เซิ่งอี้ ผู้ก่อตั้ง 王品集團 ที่มีภัตตาคารในเครือหลายประเภท เขาต้องการให้คนรักการอ่านหนังสือ จึงเปิดร้านนี้ขึ้นในไทเปและไถจง คนจ่ายค่าเข้าร้าน 100 หยวน จากนั้นก็สามารถนั่งอ่านได้ทั้งวัน มีหนังสือทั้งภาษาจีนและอังกฤษ มีมุมชา กาแฟ น้ำฟักเขียวปั่นให้ดื่มได้ไม่อั้น ห้องน้ำก็สะอาด ถ้าจะออกไปกินข้าวกลางวัน แล้วจะกลับเข้ามาอีกก็แสดงใบเสร็จแค่นั้น ฉันเคยไปหนนึง นั่งอ่านหนังสืออยู่ ได้ยินเสียงไวโอลินเพลง Can You Feel the Love Tonight? ลอยมา เดินตามเสียงเพลง เห็นสาวน้อยยืนเล่นไวโอลินให้ฟัง ฉันเลยนั่งอ่านหนังสือพร้อมฟังไวโอลินบรรเลงไปด้วยตลอดบ่าย😍 แบบนี้เป็นใครก็ต้องรักการอ่านแล้วล่ะเนอะ

ตานี้มาดูภาครัฐกันบ้าง รัฐบาลไต้หวันสนับสนุนเรื่องการอ่านสุดๆ ในทุกเขตของเมืองไทเปมีห้องสมุดประชาชน (Taipei Public Library) อยู่ทุกเขต แต่ละเขตจะมี 2-9 สาขา จำนวนสาขาของห้องสมุดคงขึ้นกับความใหญ่ของเขตมั้งคะ (เดาเอานะ) โดยห้องสมุดกลางที่ชั้น 9 มี Multicultural Center ซึ่งแบ่งเป็นหนังสือของชาติต่างๆ ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ (พวกชาติที่มาขายแรงงานอยู่ที่ไต้หวันน่ะ) มีทั้งหนังสือ, นิตยสาร และหนังสือพิมพ์ทั้งรายวันรายสัปดาห์เลยนะ ก็ใช้ได้นะคะ มีหนังสือทุกประเภทเลย หนังสือเด็กก็มี เพราะว่าบางทีมาทำงานแล้วก็แต่งงานกับคนไต้หวันออกลูกออกหลานกัน

ภาษาจีนที่เห็นแปะอยู่บนปกแปลได้ว่าห้องสมุดเทศบาลนครไทเป

ฉันเองไปกวาดนิยายมาอ่านจนแทบหมดแล้ว ฉันอ่าน รอยไหม ก่อนที่จะสร้างเป็นละครซะอีก นอกจากนั้น ยังเอาหนังสือของฉันเองไปบริจาคให้ห้องสมุดด้วย ก้อแหม บ้านมันเล็กจิ๊ดเดียว สะสมอะไรไม่ไหวแล้วค่ะ ทิ้งได้ทิ้ง บริจาคได้ก็บริจาค นานๆ ทีฉันก็ไปห้องสมุดกลางเลือกหนังสือด้วยตัวเองบ้าง ยืม 10 เล่มตามจำนวนที่เขาให้ยืมได้แต่ละครั้ง ระยะเวลายืม 1 เดือน ถ้ายืมดีวีดีหนัง หรือซีดีเพลง ยืมได้ 2 อาทิตย์ แต่ถ้าไม่ได้ไป ฉันใช้วิธีสั่งทางเว็บไซต์ของห้องสมุด แล้วให้มาส่งที่ห้องสมุดสาขาใกล้บ้านฉัน พอหนังสือที่ฉันสั่งไปมาถึง เขาก็จะส่งเมสเสจมาบอกฉันทางมือถือ หรือจะให้แจ้งทางอีเมลก็ได้แล้วแต่จะเลือก สะดวกดีนะคะ แบบนี้จะใช้เวลาประมาณอาทิตย์นึงถึงจะได้หนังสือที่สั่งมา แล้วพอใกล้ครบกำหนดต้องคืน เค้าจะอีเมลมาเตือนค่ะ ถ้าเลยกำหนด รู้สึกค่าปรับอยู่ที่วันละ 1 หยวนมั้งคะ ฉันไม่เคยเลยกำหนดซะที ไม่ค่อยแน่ใจ แต่เคยเห็นคนเขาโดนปรับ น่าจะอยู่ที่อัตรานี้ล่ะค่ะ

พวกห้องสมุดตามสาขาของแต่ละเขต ก็มีมุมเล็กๆ (โดยมากเป็นชั้นตู้หนังสือเดี่ยวๆ) ที่เรียกว่าหนังสือสำหรับผู้อพยพใหม่ จัดวางหนังสือหลายๆ ภาษารวมๆ กันอยู่ อย่างที่ตรงสาขาใกล้บ้านฉัน มีหนังสือภาษาไทย ภาษาเกาหลี ภาษาเวียดนาม ภาษาอินโด ก็ต้องไปส่องๆ เอา หนังสือไม่เยอะเท่าที่ห้องสมุดกลาง แล้วส่วนใหญ่จะซ้ำๆ กับห้องสมุดกลางนั่นแหละ เข้าใจว่าทางเอเยนต์ที่จัดหาซื้อหนังสือให้ห้องสมุดซื้อโดยดูจากยอดขายในเมืองไทย ก็เลยจะมีหนังสือซ้ำกันบ้าง นี่คือฉันสังเกตเองนะคะ เพราะอย่างตอน ‘พี่หมื่นโป๊ป’ ฮิตระเบิดเถิดเทิงอยู่ ฉันเห็นมีหนังสือเข้าใหม่ที่ห้องสมุดตรงบ้าน เข้าไปเช็ก อะฮ้า! มี บุพเพสันนิวาส ซะด้วย หรืออย่าง ตามรักคืนใจ ก็มีเห็นอยู่หลายสาขา นอกจากนี้ ยังสามารถแนะนำให้ซื้อหนังสือ หรือนิตยสารได้อีกต่างหาก ฉันเคยแนะนำให้ห้องสมุดสาขาใกล้บ้านฉันจัดหา Wallpaper Magazine มาขึ้นชั้นนิตยสารภาษาอังกฤษด้วยนะ  ไม่ต้องเสียเงินซื้อ แล้วก็ไม่ต้องหาที่เก็บหนังสือด้วย ดีออกค่ะฉันว่านะ

Ceramic art

แล้วตอนมาถึงใหม่ๆ ฉันพบว่าไทเปเป็นเมืองที่มีมิวเซียมเยอะจริงๆ ค่าเข้าชมก็ถูกแบบเหลือเชื่อ อย่าง Taipei Fine Arts Museum ราคาตั๋วแค่ 30 หยวนเองนะ แต่ถ้ามีนิทรรศการพิเศษที่ต้องจ่ายค่าเข้าต่างหากก็จัดว่าไม่แพง อย่างที่เคยมีงานของศิลปินยุคอิมเพรสชันนิสม์มาโชว์ ถ้าคนต้องการดูแต่งานอิมเพรสชันนิสม์ก็จ่ายแค่ 250 หยวน ฉันบางทีก็ไปเดินเล่นเสพงานศิลป์ (ค่าเข้าแค่ 30 หยวน หน้าร้อนคิดซะว่าไปเดินออกกำลังในนั้นแทนไต่เขา สบายดี ฮิฮิ) ศิลปินชาวไต้หวัน (โดยเฉพาะงานแนว Contemporary Art นี่น่าสนใจมากๆ ค่ะ) โชคดีมากๆ ที่ทำงานออกมาแล้วมีสถานที่ให้จัดแสดงผลงานได้หลายแห่ง ถ้าอย่างงานที่ออกแนวจีนๆ หน่อย ก็จะมีให้ดูตลอดที่ Sun Yat Sen Memorial Hall ฟรีอีกต่างหาก ฉันนี่ก็ขาประจำของที่นี่เลยล่ะค่ะ แหมของฟรีนี่คะ (เอ แต่จะว่าไปเงินสนับสนุนก็คงมาจากเงินภาษีที่สามีฉันเสียอยู่ทุกปีนะ หุ หุ) หรืออย่างที่มอลล์ใกล้บ้านฉัน มีอยู่หนนึงแค่แวะไปกินข้าว เห็นป้ายโฆษณาว่าชั้นบนสุดมีงานนิทรรศการเซรามิก เข้าชมฟรี กินข้าวเสร็จก็แวะไปเดินย่อยอาหารชมของสวยงามซะหน่อยสิ ปรากฏว่าเจองานระดับปรมาจารย์ตัวจริง สวยและเหมือนจริงมากค่ะ คอนเซ็ปต์งานก็ดี โอ้! เป็นปลื้มมาก ถือเป็นบุญตาจริงๆ ที่ได้เห็นงานเซรามิกแปลกแหวกแนวจากที่เคยเห็น

เจ้าคนข้ามถนนตัวเขียวๆ นี้ ถ้าช่วงสิบวินาทีสุดท้าย เค้าจะเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งด้วยนะคะ

นอกจากนี้ก็ยังมีการประกวดผลงานดีไซน์สำหรับเด็กนักเรียนที่เรียนด้านนี้อยู่ทุกปี หรือแบบบุคคลทั่วไปก็มี ส่งประกวดได้ถ้าใจรัก หรือถ้าพูดถึงสาขาดนตรี ที่นี่ก็มีคอนเสิร์ตประเภทเพลงคลาสสิกแทบจะตลอดปี หรือคอนเสิร์ตพวกเพลงป๊อปทั้งนักร้องไต้หวันหรือนักร้องฝรั่งก็มีบ่อยๆ ที่ตามสถานีรถไฟฟ้าทุกแห่งจะมีวางโปรแกรมเกี่ยวกับงานแสดงศิลปะและคอนเสิร์ตให้คนหยิบได้อย่างสะดวกตลอดเวลา ถ้าคนชอบเกี่ยวกับศิลปะและวัฒนธรรม มาอยู่ไทเปมันก็จะรู้สึกว่าชีวิตช่างรื่นรมย์จริงๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนต่างก็ให้ความร่วมมือกับศิลปินให้มีพื้นที่แสดงผลงาน ทั่วไทเปจะมีพวกงานศิลปะ (ส่วนใหญ่เป็นงานประติมากรรม) วางแทรกอยู่ทั่วไป เดินถนนอยู่ดีๆ ก็เจอก้นม้าลายเป็นเสาไฟสำหรับคนข้ามถนนให้ขำเล่นไปซะ ฮ่าฮ่า ถ่ายรูปแปะบนเฟซบุ๊กให้เพื่อนดูกัน

มีเพื่อนคนนึงถามว่า “แล้วหัวมันอยู่อีกฝั่งรึเปล่า” เออแฮะ ไม่ได้ดูอะ เลยต้องกลับไปถนนนั้นไปดูให้เพื่อนว่าฝั่งตรงข้ามมีหัวม้าลายตั้งอยู่ไหม ปรากฏว่าไม่ยักกะมีแฮะ😊

Don`t copy text!