針灸 – เจินจิว

針灸 – เจินจิว

โดย : คุณนายฮวง

Loading

นอกจาก นิยายออนไลน์ สนุกๆ แล้ว อ่านเอา ยังมีคอลัมน์ ‘(เรื่องเล่า) 6,200 วันในไต้หวัน’ โดย คุณนายฮวง สาวไทยสุดไฮเปอร์ที่จับพลัดจับผลูมาอยู่ไทเปได้หลายปีดีดักกับเรื่องเล่าเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในต่างแดนที่เต็มไปด้วยสีสันและมุมมองหลากหลาย เรื่องราวดีๆ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์

***********************************

สวัสดีค่ะ มิตรรักแฟนคอลัมน์คุณนายฮวงทุกคน วันนี้มีประสบการณ์ใหม่มาเล่าให้ฟังกัน นั่นก็คือ… รัวกลองหน่อยๆ ตุ่งๆๆๆๆ… การฝังเข็มค่ะ 😜 ที่ฝรั่งรู้จักกันดีในชื่อว่า acupuncture ส่วนภาษาจีนกลางเรียกว่า 針灸 – เจินจิวหรือเจินจิ่ว แล้วแต่คนจะออกเสียงกันนะคะ แต่เท่าที่ได้ยินมาก็เรียกกันว่าเจินจิวแทบทุกคน (คือตัวหนังสือ 灸 นี่อ่านว่าจิ่ว แต่อย่างที่เคยเล่าไปแล้วว่า ตัวอักษรจีนหนึ่งตัว บางตัวก็ออกเสียงได้สองเสียง แล้วแต่ว่าเอาไปผสมกับตัวหนังสือตัวไหน) ตอนแรกฉันก็นึกว่าเจินจิวหมายถึง การฝังเข็มตามจุดต่างๆ ของร่างกายเท่านั้น เพราะก็เห็นเรียกกันเจินจิวๆ แต่จริงๆ แล้วการฝังเข็มคือเจิน  ส่วนจิวคือ การรมยาที่สะดือค่ะ 

จุุดต่างๆ บนร่างกาย

ฉันน่ะมีความสนใจทางด้านแพทย์แผนจีนมาแต่เล็กแต่น้อยแล้ว (แต่ไม่ชอบกินยาจีนนะ😅) พอมารู้จักคุณชายที่ช่วยกดจุดให้เวลาที่ฉันมีปัญหาไซนัสอุดตันหายใจทางจมูกไม่ได้ ก็เลยยิ่งชอบใจมากขึ้นไปอีก ยังพูดกับคุณชายเลยว่า “เนี่ย ถ้าไอภาษาจีนเก่งมากๆ นะ ไอคงไปเรียนแพทย์แผนจีนแล้ว” ฮีฟังแล้วก็หัวเราะขำ ฉันเลยพูดต่ออีกว่า “อ้าว ยู จริงๆ นะ ก็สมัยเด็กๆ ที่ไอดูหนังซีรีส์ฮ่องกงน่ะ เวลาเล็กเซียวหงใช้กำลังภายในจี้สกัดจุดพวกผู้ร้าย (แล้วอิฉันก็ทำท่าประกอบไปด้วย แบบยกสองนิ้วประกบจิ้มอากาศ พร้อมส่งเสียงซาวด์แทร็ก ฉึกๆ 😜) แล้วคนนั้นก็เคลื่อนไหวไม่ได้ฟรีซอยู่ท่านั้นเลยเนี่ย มันสุดคูล (cool) เลยนะยูนะ” ตานี้คุณชายปล่อยก๊ากเต็มเสียง “อ้อ ไอ้ที่ยูอยากเรียนนี่คือ กะเอาไว้แกล้งคนสินะ ไม่ใช่จะช่วยคน” อิฉันเลยค้อนขวับตอบว่า “แหม ยู พูดซะไอเสียคนไปเลย เรียนไว้ป้องกันตัวตะหากล่ะ” 😁 

กลับเข้าเรื่องกันต่อนะคะ อิอิ ฉันเป็นคนนอนยากมาตั้งแต่เด็กแล้ว กว่าจะหลับได้นี่ พลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงเป็นชั่วโมงแน่ะ ตานี้พอสูงวัย ปัญหาเรื่องการนอนของฉันมันก็หนักหนาสาหัสขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นตีสามแล้วยังนอนตาแป๋วอยู่เลย! ลองทุกวิธีที่เพื่อนฝูงแนะนำ หรือที่ฉันอ่านเจอในหนังสือก็แล้ว ไม่ได้ผลค่ะ ตานี้ก็ด้วยความที่กลัวว่า ปัญหาการนอนไม่หลับของอิฉันนี้ จะนำพาโรคอื่นๆ มาสู่ร่างกาย โดยเฉพาะ dementia นี่ล่ะที่อิฉันกลัวสุด ก็เลยปรึกษาหมออ้น (แฟนคอลัมน์คงจำหมออ้นได้นะคะ) ขอยานอนหลับมาเตรียมไว้ ตรึกตรองอยู่ว่าเอาไงดี กินยานอนหลับบ้างดีไหม ถ้านอนไม่หลับหลายคืนติดๆ กัน แต่ก็ด้วยความเป็นคนไม่ชอบกินยาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นยาจีนหรือยาฝรั่ง จึงลังเลอยู่ จนกระทั่งมาอ่านเจอในเพจหัวเฉียวแพทย์แผนจีนว่า ฝังเข็มช่วยรักษาโรค insomnia ได้ อ่าฮะ! เข้าทางอิฉันพอดี ไม่ต้องกินยาวุ้ย แล้วก็ไม่รู้จะปะเหมาะเคราะห์ดีอะไรปานนั้น เพื่อนไต้หวันคนนึงโพสต์ในเฟซบุ๊กว่า นางไปฝังเข็มเพื่อรักษาอาการผมร่วง คุณนายฮวงจึงรีบส่งข้อความไปถามนางทันทีว่า คลีนิคอยู่ที่ไหน หมอชื่ออะไร ไอจะไปลองมั่ง แล้วก็ให้คุณชายลองเสิร์ชหาข้อมูลเกี่ยวกับหมอจางเจียเป้ยดู ได้ความว่า หมอจบจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเก่าแก่ของไต้หวัน เชี่ยวชาญทางโรคของผู้หญิง (ประมาณสูตินารีเวชน่ะค่ะ) 

ยาที่ใช้ใส่ลงไปในรูสะดือ
จุดเตาเตรียมวางเหนือสะดือที่ใส่ยาเรียบร้อย

ปรากฏว่าคุณนายฮวงมากะดวงจริงๆ งวดนี้ อ่านต่อไปแล้วจะรู้ค่ะว่าทำไมฉันถึงพูดแบบนี้😉 วันแรกที่ไปถึง พบหน้าคุณหมอปุ๊ป ฉันก็บอกว่า มาหาหมอเพราะเรื่องนอนไม่หลับ อ่านเจอว่าฝังเข็มช่วยได้ แล้วฉันเป็นคนไม่ชอบกินยา ถึงแม้จะเป็นคนกลัวเจ็บ แต่กลัวผลข้างเคียงจากยามากกว่า😅 ก็เลยคิดว่าจะลองฝังเข็มดู หมอก็ขอแมะข้อมือฉัน ฟังอยู่แป๊ปเดียว (แป๊ปจริงๆ ค่ะ) หมอก็พูดว่า “ลื้อไม่มีประจำเดือนแล้วนิ” อิฉันได้ยินแค่นี้ก็… โห หมอเจ๋งว่ะ อเมซิ่งมากๆ ค่ะ👍👍 แล้วหมอก็พาไปห้องฝังเข็มที่มีเตียงนอนพร้อมผ้าม่านรูดปิดกั้นแต่ละเตียง จากนั้นคุณหมอก็เอาเข็มจิ้มปุ๊ๆๆ ที่ขาสองข้างและที่หัวเข็มนึง แต่ที่ข้อมือสองข้างนั้น หมอเอาเครื่องมือหน้าตาเป็นกล่องเล็กๆ มีสายพันรอบข้อมือมาพัน หมออธิบายว่า เห็นฉันบอกว่ากลัวเจ็บ เลยใช้เครื่องนี้กระตุ้นจุดที่ข้อมือ แทนการฝังเข็มก็แล้วกัน แล้วหมอก็เปิดสวิตช์ มันก็มีแสงสีแดงเรืองๆ แล้วฉันก็รู้สึกมีอะไรตุ๊บๆๆๆ เป็นจังหวะที่ข้อมือตรงนั้น เอ๊อ แบบนี้เรียกฝังเข็มไฟฟ้าได้มั้ยเนี่ย😆 จากนั้นผู้ช่วยหมอก็เข้ามาจัดการ 灸 – จิว ต่อให้ฉัน 

รมยาสะดือ

อย่างที่บอกไปค่ะว่า จิวคือการรมยาที่สะดือ จัดเป็นการรักษาแบบภายนอกร่างกาย โดยเลือกใช้ยาจีนที่เหมาะสมนำมารมควันให้ยาผ่านสะดือ ช่วยรักษาอาการมือเท้าเย็น หรืออาการอื่นๆ ที่เกิดจากภาวะชี่พร่อง หรือใช้รักษาคนที่การไหลเวียนของเลือดลมบริเวณช่องท้องไม่ดี  แหม หมอแมะแป๊ปเดียว รู้อีกว่าอิฉันเป็นคนที่มือเท้าเย็น ข้าน้อยขอคารวะ😄 โดยหลักการของจิวนี้คือ สะดือเป็นจุดที่มีเส้นลมปราณสามเส้นมาบรรจบกัน การนำยามารมด้วยความร้อนผ่านจุดดังกล่าว จะทำให้ตัวยากระจายผ่านเส้มลมปราณไปทั่วร่างกาย ทำให้ระบบไหลเวียนทั่วร่างกายดีขึ้น กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทำให้การขับถ่ายดีขึ้น โดยผู้ช่วยหมอบอกกับฉันตอนที่มาจัดการถอนเข็มออก แล้วก็เอาเทปปิดแผ่นยาที่รมไว้ว่า อีกสักประมาณหนึ่งชั่วโมงค่อยแกะออกเอายาทิ้ง แล้วก็เอาผ้าเปียกเช็ดๆ ทำความสะอาดสะดือนะจ๊ะ ดื่มน้ำอุ่นประมาณ 500 ซีซีด้วยนะ ตานี้รับรองว่าถ่ายสะดวกขึ้นแน่ๆ ไม่ต้องเบ่งเลย อิฉันก็นึกในใจ เออ ถ้าจริงก็ดีสิ เพราะฉันเป็นคนท้องผูกมาตั้งแต่จำความได้ ดื่มน้ำเยอะมากก็ยังไม่ช่วย

ฝังเข็มไฟฟ้าที่ข้อมือครั้งแรก
ที่หัวเตียงมีรูปนี้แปะไว้บนกำแพง หมอจดไว้ว่าฝังเข็มกี่อันตรงไหนบ้าง

วันนั้นกลับมาถึงบ้าน ตอนเกือบบ่ายสาม ฉันรู้สึกง่วงๆ ก็เลยลองล้มตัวลงนอนแป๊ปเดียวก็หลับไป รู้สึกตัวแว่บนึงตอนบ่ายสามเศษๆ แล้วก็หลับต่อ มารู้สึกตัวอีกทีสี่โมงครึ่ง ได้เวลาต้องเริ่มทำกับข้าวเลยลุกมาปฏิบัติหน้าที่อีแจ๋วก่อน ยังนึกอยู่เลยว่า นอนตอนบ่ายแล้วคืนนี้จะหลับได้ไหมนี่ ปรากฏว่าคืนนั้นก็หลับได้ไวพอสมควรค่ะ ไม่ได้พลิกนานเหมือนปกติ รุ่งเช้าก็ถ่ายสะดวกอีกจริงๆ ด้วย โห เวิร์คจริงๆ😊 ผู้ช่วยหมอบอกว่า ให้ไปทำอาทิตย์ละสองครั้ง แต่ถ้าไม่มีเวลาก็แค่อาทิตย์ละครั้งก็ได้ ทั้งหมดต้องทำหกครั้งสำหรับที่หมอสั่งไว้สำหรับรอบนี้ (ฉันเดาว่าคงหมายถึง การแมะครั้งแรกนี้ หมอให้ลองทำหกครั้งดูก่อนมั้ง แล้วอาจจะค่อยแมะดูอีกรอบว่า จะเอายังไงต่อ) ฉันก็เลยจัดเวลาไปทำอาทิตย์ละครั้ง 

ครั้งที่สองและสี่ หัวโดนปักสามเข็ม🤪

พอไปครั้งที่สอง หมอถามว่าเป็นไงบ้าง ฉันตอบว่าคืนแรกโอเคเลย แต่รู้สึกว่า วันต่อๆ มาก็เริ่มนอนหลับยากขึ้นอีก ประมาณว่าประสิทธิผลมันลดลงเรื่อยๆ ตามวัน หมอฟังแล้วบอกว่า “ลื้อกลับมาทำต่อ แปลว่า ไม่ค่อยกลัวเข็มเนอะ งั้นวันนี้อั๊วจะใช้เข็มจริงที่ข้อมือสองข้างล่ะนะ” แล้วหมอก็จิ้มปุ๊ๆๆๆๆๆ หนนี้มีเพิ่มจุดที่ข้อเท้าสองข้างด้วย ส่วนที่หัวหมอปักสามจุดเลย😅 คุณชายเลยถามหมอว่า แต่ละครั้งปักจุดไม่เหมือนกันเหรอ หมอตอบว่าใช่ สามครั้งแรกนั้นฉันนอนนิ่งๆ มีเข็มจิ้มและรมยาที่สะดืออยู่ 40 นาที โดยครั้งที่หนึ่งและสามที่หัวปักเข็มเดียว (แต่ครั้งที่สามมีเพิ่มที่ด้านข้างฝ่าเท้าด้วย) พอครั้งที่สี่หมอก็ปักที่หัวสามจุดอีก แต่หนนี้ใช้เวลาทำแค่ 20 นาที ฉันก็งงสิ อ้าว ทำไมแค่นี้เองล่ะ หมอได้ยินเสียงฉันถามผู้ช่วย เลยตอบมาจากเตียงข้างๆ ที่หมอกำลังฝังเข็มให้คนไข้อีกคนนึงว่า หมอดูจากหน้าของฉัน ดูสีหน้าดีขึ้น ดังนั้นวันนี้ทำแค่ยี่สิบนาทีก็พอ

คุณหมอจางกำลังฝังเข็ม
จุดไฟให้เข็มร้อน
คุณนายฮวงนอนนิ่งท่ามกลางควันรมทั้งขาและสะดือ😅

จากนั้นฉันก็เลยใช้เวลาคุยกับคุณหมอต่อ เพราะตั้งแต่คราวก่อนเคยบอกคุณหมอไว้แล้วว่า ที่ถามนู่นนี่นั่นเพราะว่า ฉันจะได้มาเขียนลงในคอลัมน์ได้ถูกต้อง คุณหมอเองก็ได้เอาหนังสือที่เขียนไว้ แล้วได้มีสำนักพิมพ์ทางเมืองไทยติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์มาแปลเป็นฉบับภาษาไทยมาให้ฉันด้วย นี่ไงคะที่ฉันบอกว่ามากะดวงจริงๆ ไม่ได้นึกมาก่อนเลยค่ะว่า จะโป๊ะเชะเจอหมอฝังเข็มที่มีหนังสือของเธอขายในเมืองไทยมาก่อน แค่คิดว่าเพื่อนคนไต้หวันบอกว่าหมอเฟรนด์ลี่ดี ส่วนจะได้ผลหรือไม่ นางก็ยังบอกไม่ได้ เพราะนางเองก็เพิ่งไปฝังมาแค่สองครั้ง เอาวะ ลองดูสักตั้งน่ะ ดีกว่ากินยานอนหลับแน่

รูปหนังสือของคุณหมอจางเจียเป้ย

ตามข้อมูลที่คุยกับคุณหมอจางมา สมัยนี้มีมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนอีกหลายแห่ง ไม่เหมือนสมัยเธอที่มีแค่แห่งเดียวคือ 中國醫藥大學 – จงกั๋วอีเอี้ยวต้าเสว หรือ China Medical University อยู่ที่ไถจง โดยคุณหมอเข้าเรียนที่คณะเภสัชศาสตร์ก่อนห้าปี จากนั้นจึงตัดสินใจสมัครเข้าเรียนต่อในคณะแพทยศาสตร์อีกห้าปี แล้วจึงเริ่มทำงาน โดยคุณหมอมีความสนใจทางด้านสูตินารีเวช จึงฝึกฝนค้นคว้าสั่งสมประสบการณ์เพิ่มเติมด้วยตัวเอง ซึ่งตรงนี้ต่างจากแพทย์แผนตะวันตกนิดนึงตรงที่ไม่ใช่เป็นการเรียนต่อได้ดีกรีอย่างเป็นทางการ ใครสนใจด้านไหนก็ทำงานไป ค้นคว้าสะสมเพิ่มเติมด้วยประสบการณ์เอาเอง ฉันถามหมอว่า ห้าปีที่เรียนหมอนั้น เรียนอะไรบ้าง คุณหมอบอกว่า เรียนหมดทุกอย่าง ทั้งฝังเข็ม การใช้ยา รวมไปถึงการแพทย์แผนสมัยใหม่ก็ต้องเรียนไว้บ้างด้วย

ฉันถามต่ออีกว่า แล้วมีต้องไปสัมมนา+สอบอัพเดทความรู้ เพื่อสะสมแต้มแบบหมอแผนสมัยใหม่บ้างไหม (ถ้าใครอ่านบทเหล่ยจีเตี่ยนซู่คงจำได้นะคะ) คำตอบคือมีค่ะ หมอจางบอกว่า เหมือนกันเลยแหละ การแพทย์แผนจีนสมัยนี้ ไม่ใช่แค่เชื่อตามตำราโบราณอย่างเดียว ยังมีการค้นคว้าวิจัยพัฒนาการใหม่ๆอยู่เสมอ ไม่ต่างจากแพทย์แผนตะวันตกหรอก บางทีก็มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาช่วย (ก็คงแบบฝังเข็มไฟฟ้าที่ฉันประสบมาจากครั้งแรกนั่นล่ะ😅)

เป็นไงคะชอบไหม นี่อิฉันลงทุนเอาตัวทดลองเอง เพื่อมาเล่าให้คุณๆฟังเชียวนา ฮ่าๆๆ ขอเว่อร์หน่อยๆ😉😂😝 

Don`t copy text!