ตามล่าหา น้ำตาแสงไต้ (2)

ตามล่าหา น้ำตาแสงไต้ (2)

โดย : คุณนายฮวง

Loading

นอกจาก นิยายออนไลน์ สนุกๆ แล้ว อ่านเอา ยังมีคอลัมน์ ‘(เรื่องเล่า) 6,200 วันในไต้หวัน’ โดย คุณนายฮวง สาวไทยสุดไฮเปอร์ที่จับพลัดจับผลูมาอยู่ไทเปได้หลายปีดีดักกับเรื่องเล่าเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในต่างแดนที่เต็มไปด้วยสีสันและมุมมองหลากหลาย เรื่องราวดีๆ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์

***********************************

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

เอ้า มาต่อภาคสองของทริปตามล่าหาน้ำตาแสงไต้กันตามสัญญา หลังจากที่วันแรกเราขี่รถเที่ยวหนันกันซะเกือบหมดแล้ว วันรุ่งขึ้นเราก็นั่งเรือข้ามไปเที่ยวเป่ยกัน ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาทีเอง ไม่นานหรอกค่ะ ไปถึงเป่ยกัน ขึ้นเรือมาก็เจอบริการให้เช่าสกูตเตอร์กันตรงนั้นเลย สะดวกมาก ค่าเช่าเท่ากันกับที่เช่าจากโรงแรมคือ 4 ชั่วโมงคิด 300 หยวน ถ้า 24 ชั่วโมงคิด 500 หยวน แต่ฉันบอกไว้เลยค่ะว่า สำหรับเป่ยกันเช่าแค่ 4 ช.ม.ก็พอ เพราะเป่ยกันไม่มีที่เที่ยวมาก แต่คุณชายเธอประเภทชอบเผื่อเหลือดีกว่าขาดเลยเช่าแบบ 24 ชั่วโมง รถพร้อมแล้วเราก็ออกซิ่งกันเลย

อาหารเช้ามังสวิรัติกินแล้วสุขภาพดี

หน้าตาหน้ากินมากกกก

อาหารเช้ามังสวิรัติที่โรงแรม

ตามแผนที่ที่คนเช่ารถให้มา เป่ยกันนี่ยิ่งง่าย เส้นหลักรอบเกาะ ถนนเส้นเล็กแยกออกไปมีไม่กี่เส้น เราขี่ไปเรื่อยๆ อยากหยุดถ่ายรูปตรงไหนก็หยุด เราไปชม 戰爭和平紀念公園主題館(War and Peace Memorial Park Exhibition Center) เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับสงคราม ฉันติดใจงานศิลปะที่ทำเป็นซากหัวระเบิด ทำได้งดงาม เป็นสิ่งสวยงามในนั้นที่ทำให้ฉันไม่รู้สึกหดหู่กับสงครามมากนัก นอกนั้นก็เป็นพวกของที่ใช้เกี่ยวกับการทำสงครามซึ่งฉันต่อต้านมาตลอด (คุณนายฮวงจัดเข้าข่ายเป็นพวกบุปผาชนยุคซิกส์ตี้ส์เหมือนกันนะจ๊ะ😊)

แผนที่หมู่เกาะหม่าจู่

จากนั้นเราก็ไปตามหาร้าน ‘阿婆魚麵店 – อาผอ อวี๋เมี่ยนเตี้ยน’ แน่นอนว่าของกินอีกแล้ว ตามสไตล์คุณนายฮวงที่เรื่องกินเรื่องใหญ่ แฮ่ะ แฮ่ะ😅😋 เป็นร้านบะหมี่เส้นปลาที่ในเน็ตเขาว่าอร่อยกัน อยู่ที่ 塘岐村(Tangqi Village) ซึ่งเป็นจุดที่ร้านรวงอยู่กันมากที่สุดแล้วค่ะ แต่ไปถึงนี่ขำเลย เป็นถนนเส้นเล็กๆ สองเส้นที่มีร้านขายของกินของใช้ตั้งอยู่สองฟากถนน เพราะฉะนั้นเราหาร้านอาผอเจอทันทีไม่มีหลง อิอิ แถมที่เด็ดคือ เจอตัว ‘อาผอ’ กำลังนั่งทำเส้นปลาอยู่พอดี ฉันขอถ่ายรูปด้วย อาผอเป็นงานมากเลยค่ะ ยกแผ่นบะหมี่เส้นปลาที่เพิ่งทำเสร็จแต่ยังไม่ได้ตัดเป็นเส้นๆ ขึ้นทันที โพสท่าแบบมืออาชีพถ่ายรูปคู่กับฉัน เอาไปเลยล้านไลค์จ้า ‘อาผอ’👍👍😄

อาผอกับแผ่นเส้นปลา
เส้นปลาทอด

เราสั่งชุดบะหมี่น้ำ ผัดผัก เส้นปลาทอดกรอบ แล้วก็ของหวาน ขนมเกี๊ยวมันเทศ จำราคาไม่ได้แน่นอน แต่รู้สึกจะชุดนึง 200 หยวนแถวนั้นมั้งคะ ไม่แพงอันนี้จำได้แน่ๆ เส้นปลาทอดกรอบอร่อยมากกกกกกกก เคี้ยวแบบเพลินแป๊บเดียวหมด ต้องสั่งเพิ่มมาอีกจาน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเส้นทำสดๆ แล้วทอดขึ้นเสิร์ฟเลยหรือยังไง ถึงได้อร่อยขนาดนี้ ไม่มีกลิ่นคาวด้วย ถ้าไม่ติดว่ากลัวร้อนในล่ะก็ จะขอสั่งอีกสักสิบจาน กินให้สะใจไปเลย ฮิฮิ

ขนมเกี๊ยวมันเทศ

ส่วนขนมเกี๊ยวมันเทศรสชาติคล้ายๆ ข้าวต้มน้ำวุ้นบ้านเราค่ะ แต่จะเหนียวหนุบกว่า อร่อยดีเหมือนกัน มื้อนี้นี่ประทับใจเลย อร่อยและถูก แต่เตือนก่อนว่าร้านไม่มีโต๊ะมาก ถ้าจะกินต้องไปประมาณ 11 โมงเหมือนบ้านเรา แล้วจะได้นั่งกินแบบสบายๆ ไม่ต้องรอคิวโต๊ะ อิ่มแล้วก็ไปต่อได้ เป้าหมายที่มาเป่ยกันคือหมู่บ้านริมทะเลชินปี้ Qinbi Village เป็นบ้านสไตล์ฝูเจี้ยนเก่าที่อนุรักษ์กันไว้ รัฐบาลให้เงินช่วยซ่อมแซม บางบ้านเปิดเป็นโฮมสเตย์ ที่ตอนแรกฉันว่ากิ๊บเก๋น่าสนใจดี แต่ด้วยความที่เป่ยกันไม่คึกคักเท่าหนันกัน ฉันเลยไม่เอา ซึ่งหลังจากไปเยี่ยมเยือนแล้ว คิดว่าตัดสินใจถูกแล้ว เพราะบ้านอยู่บนหน้าผาริมทะเล เขาจึงสร้างแบบหน้าต่างเล็กๆ เพื่อสู้กับพายุไต้ฝุ่น ฉันเป็นคนที่ไม่ชอบบ้านที่หน้าต่างเล็กๆ น่ะ รู้สึกมันอึดอัด แต่ถ้าใครไม่มายด์เรื่องนี้ ก็ลองพักเถอะ เพราะดูจากเว็บไซต์โฮมสเตย์บางแห่งก็แต่งได้เก๋ไก๋สไตล์จีนๆ แล้วมีระเบียงนั่งกินข้าวชมทะเลได้น่าสบายดีเหมือนกัน จบทริปเป่ยกันแค่นี้

หมู่บ้านชินปี้
บ้านคนที่ชินปี้

เรานั่งเรือกลับไปหนันกัน ตอนขึ้นเรือที่ท่าเรือหนันกัน ฉันเห็นป้ายโฆษณาเรือออกทะเลพาไปชม ‘藍眼淚 – หลันเอี่ยนเล่ย’ เลยลองถามเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ของ tourist information อาเจ๊บอกว่า เรือเขาจะดูคนว่ามีกี่คน ถ้าน้อยคนเขาก็ไม่ออกเรือเพราะไม่คุ้ม แถมอาเจ๊ปล่อยหมัดเด็ดที่ทำให้ฉันมึนไปเลยด้วยการบอกว่า หลันเอี่ยนเล่ยมีแค่เดือนเมษายน-มิถุนายนแค่นั้นเอง ตอนนี้อากาศร้อนเกินไปแล้ว ไม่มีหรอก…อ้าวเฮ้ย! แล้วทำไมเว็บการท่องเที่ยวบอกมีถึงสิงหาล่ะ แต่หลังจากปรึกษากันแล้ว คิดว่ากลับไปโรงแรมพักผ่อน แล้วคืนนี้ลองออกมาตามล่าหาน้ำตาแสงไต้ ที่เริ่มจะทำให้คุณนายฮวงน้ำตาปริ่มๆ ด้วยความผิดหวังว่าท่าทางจะมาเสียเที่ยวแล้วเหวย และแล้วคืนที่สองของการตามล่า เราก็ผิดหวังอีกเช่นกัน ทั้งๆ ที่อุตส่าห์ขี่รถไปตามจุดที่ห่างไกลจากบ้านเรือนผู้คน เผื่อมืดมากๆ อาจจะได้เห็นบ้าง จนสี่ทุ่มก็กลับโรงแรมแบบคว้าน้ำเหลว เฮ้อ! มิชชั่นเฟลซะแล้วงวดนี้

หม่าจู่มิวเซียม

วันรุ่งขึ้นเนื่องจากไฟลต์ของเราออกเที่ยง เราจึงไปชม ‘馬祖民俗文物館’ (Matsu Folk Cultural Artifacts Exhibition Hall) เป็นมิวเซียมที่น่าสนใจไม่เลวค่ะ ค่าเข้าชมก็ถูกมาก 30-40 หยวนเองมั้งคะ จำตัวเลขแน่ๆ ไม่ได้ มีข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับหมู่เกาะหม่าจู่นี้ ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ฯลฯ แล้วตอนนั้นมีนิทรรศการพิเศษคือ งานศิลปะการตัดกระดาษของศิลปินไต้หวันและจีนแผ่นดินใหญ่แสดงร่วมกัน ซึ่งเป็นงานศิลปะที่ฉันชอบมาก เห็นแล้วทึ่งในฝีมือมากๆ ค่ะ ชมเสร็จเราก็แวะกินเกี๊ยวที่ตัวแป้งเกี๊ยวทำจากแป้งผสมเนื้อหมู (คิดว่าเคยเอ่ยถึงไปแล้วในบทที่เล่าเรื่องเกี๊ยวนะ) ร้านนี้อยู่ที่ตลาดสดแห่งเดียวของเกาะหนันกันชื่อว่า 獅子市場 – ซื่อจึซื่อฉั่ง (Shizi [Lion] Market) ตั้งอยู่ที่ 介壽村 – เจี้ยโซ่วชุน (Jieshou Village) สำหรับเกี๊ยวเนื้อหมู (燕餃 – เอี้ยนเจี่ยว) นี้ ร้านนี้ดังที่สุดค่ะ ชื่อร้าน 阿妹的店 – อาเม่ยเตอเตี้ยน ตอนที่ฉันไปตลาดสดกำลังปิดซ่อมแซมอยู่ บรรดาร้านในตลาดเลยต้องออกมาตั้งแผงขายกันอยู่ริมถนน

รูปในร้านกาแฟที่เคยเป็นป้อมทหารเก่าที่เราไปนั่งจิบกาแฟชมวิว เจ้าของร้านบอกรูป blue tears นี้ถ่ายจากร้านกาแฟนี่ล่ะ

เรากลับถึงโรงแรม รถที่จะพาไปส่งสนามบินยังไม่มา เลยนั่งคุยกับพนักงานโรงแรม เขาบอกว่า หลันเอี่ยนเล่ยมีประมาณเดือนเมษายน-มิถุนายน ฉันถามเขาว่ามองจากโรงแรมลงไปนี่จะเห็นไหม เขาตอบว่า ถ้ามีก็มองเห็นได้เลยจากห้องพัก โดยเฉพาะถ้าเป็นคืนเดือนมืด จะเห็นได้ชัดเลยจากโรงแรม ฉันเลยถามเขาว่าถ้าจองโรงแรมล่วงหน้าสักสามเดือนนี่จะมีห้องว่างไหม คำตอบคือพอได้ พอดีรถมารับเราก็เลยบ๊ายบายกับพนักงานที่อัธยาศัยดี ขึ้นรถมาคนขับซึ่งเป็นคนเดียวกับที่วันแรกไปรับเราที่สนามบินชวนคุย เราก็คุยว่าเราไปไหนบ้าง แต่ผิดหวังที่ไม่ได้เห็น ‘Blue Tears’ เขาบอกว่า โฮ้ย! จะดูน่ะต้องมาเดือนเมษา-พฤษภานู่น มาตอนนี้จะไปเห็นอาไร้ ฉันก็บอกว่า จะไปรู้รึ เช็กจากเว็บการท่องเที่ยวหม่าจู่เองนะที่บอกว่ามีเดือนเมษายน-สิงหาคม โชเฟอร์ช่างคุยตอบกลับมาแบบปลงๆ ในความไร้เดียงสาของฉันว่า คุณโดนสื่อทั้งหลายหลอกแล้วล่ะ อื้อฮือ! เซ็งสิคะ เจอคำตอบแบบนี้😕😞

เอาเถอะ คงมีสักปีที่ช่วงหยุด Spring break เราจะจองทริปมาดูหลันเอี่ยนเล่ยด้วยสองตาของเราได้สำเร็จ ช่วงที่ยังไม่ได้มาอีก ก็ใช้วิธีดูทีวี ดูรูปกันไปก่อนแล้วกัน😅

Don`t copy text!