隔離 – กักตัว

隔離 – กักตัว

โดย : คุณนายฮวง

Loading

นอกจาก นิยายออนไลน์ สนุกๆ แล้ว อ่านเอา ยังมีคอลัมน์ ‘(เรื่องเล่า) 6,200 วันในไต้หวัน’ โดย คุณนายฮวง สาวไทยสุดไฮเปอร์ที่จับพลัดจับผลูมาอยู่ไทเปได้หลายปีดีดักกับเรื่องเล่าเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในต่างแดนที่เต็มไปด้วยสีสันและมุมมองหลากหลาย เรื่องราวดีๆ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์

***********************************

ด้วยความคิดถึงคุณเตี่ยและคุณหม่ามี้ ที่เฝ้ารออาหมวยเล็กมาเป็นเวลาสองปีเต็ม อิฉันจึงรวบรวมความกล้าที่มีอยู่น้อยนิด😅 ฝ่าดงโอมิครอนทั้งสองประเทศกลับมาหาคุณเตี่ยและคุณหม่ามี้ในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา (1 กุมภาพันธ์ 2022) ที่บอกว่าฝ่าดงโอมิครอน เพราะทางไต้หวันเองก็เพิ่งเกิดคลัสเตอร์คนทำความสะอาดสนามบินเถาหยวนติดเชื้อ เข้าใจว่าน่าจะติดจากคนที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ เพราะเป็นช่วงที่คนไต้หวันเดินทางกลับเข้ามาเพื่อกักตัว 14 วัน ออกจากกักตัวก็ได้ฉลองตรุษจีนกับครอบครัวได้พอดี

ช่วงนั้นก็จะมีเคสอิมพอร์ตค่อนข้างเยอะอยู่ในแต่ละวัน ตานี้อาเจ๊มีงานอีกจ๊อบคือ ขายของที่ตลาดสด แล้วอาเจ๊ยังไปคาราโอเกะอีก! คงพอนึกภาพกันออกนะคะว่ามันขยายวงกว้างออกไปทั่วเกาะได้ยังไง คนที่ทำงานที่สนามบินต้องเข้าคิวแยงจมูกกันประมาณแปดพันคนเพื่อตรวจหาเชื้อ คุณนายฮวงที่กำลังลังเลว่า จะกลับกรุงเทพฯดีไหม เพราะทางไทยตัวเลขผู้ติดเชื้อก็ใช่ย่อย (แถมด้วยเรื่องกักตัวสองประเทศอีก) ก็ยิ่งใจฝ่อหนักเข้าไปอีก แต่คุณชายบอกว่า “ตอนนี้แหละยู ที่เป็นช่วงปลอดภัยที่สุด เพราะเขาทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคที่สนามบินกันทุกตารางนิ้วเลย” เออแฮะ จริงของฮี😆 เอาวะ กลับก็กลับ

รูปสนามบินเถาหยวน ณ วันที่ 17 ก.พ. 2022

ฉันจัดการเจรจาขอโดดสอนสัปดาห์สุดท้ายของเทอมแรกกับทางโรงเรียนและอีกสองถึงสามสัปดาห์สำหรับเทอมที่สอง เพราะทางไทยเปลี่ยนกฎระงับ Test & Go ไปตั้งแต่ปลายธันวา ทางโรงเรียนก็ดี๊ดี เข้าใจความจำเป็นของฉัน และแล้วฉันก็จัดการทุกอย่างแบบสายฟ้าแลบ วันที่ 17 มกราคุณชายขับรถไปส่ง พอเลี้ยวขวับเพื่อที่จะจอดรถปล่อยฉันและกระเป๋าลงก่อน สองคนตกใจมากค่ะ ไม่มีคนหรือรถเลย ราวกับว่าสนามบินเถาหยวนเป็นสนามบินร้างไปแล้ว คุณชายเลยถือโอกาสถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกว่า ครั้งนึงเคยจอดรถถ่ายรูปได้ตามสบายโดยไม่มีคนมาไล่😅 และแล้วฉันก็ได้มีโอกาสเข้าใจความรู้สึกของคนที่ต้องติดอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม อาหารก็เลือกไม่ได้ ได้สังเกตแสงเงาบนตึกระฟ้าแถวสีลม ที่เกิดจากพระอาทิตย์ทอทาบแสงตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นยันตก😄 ได้ทันสมัยกักตัวที่ในภาษาจีนกลางเรียกว่า 隔離 – เก๋อหลี กะเค้าบ้าง😁

ถ้าให้เปรียบเทียบขั้นตอนของการเดินทางเข้าประเทศกักตัวระหว่างสองประเทศแล้ว ฉันว่าของขวานทองเราซับซ้อนน้อยกว่าของเกาะค่ะ ฉันจองตั๋วผ่านเว็บไซต์ของการบินไทยเสร็จ ก็มองหาโรงแรมที่จะกักตัว 7 วันตามโปรแกรม Alternative Quarantine ซึ่งในเว็บไซต์ของทางศปค. มีลิงค์ให้คลิกเข้าไปจองโรงแรมได้อยู่สองถึงสามลิงค์ หนึ่งในนั้นคือ Agoda ซึ่งคุณชายมีบัญชีอยู่แล้ว ฉันก็คลิกทันที โป๊ะเชะเจอโรงแรมแถวสีลมพอดี เลยอีเมลถามทางโรงแรมว่า ขอทราบรายละเอียดสำหรับคนไทยจองโรงแรมกักตัว 7 วัน โรงแรมตอบอีเมลแบบทันใจมาก บอกราคาเป็นแพ็กเกจที่รวมรถรับจากสนามบิน+ตรวจพีซีอาร์สองครั้ง แล้วก็วิธีการชำระเงินเสร็จสรรพ ฉันก็เลยรีบโทรหาพี่สาวให้จองห้องพร้อมโอนเงินจ่ายทันที เพราะใกล้บ้านที่สุดเท่าที่เห็นในลิสท์แล้ว 

วิวที่นั่งมอง 7 วันตอนกักตัวที่กรุงเทพฯ

จากนั้นทางโรงแรมก็อีเมลเอกสารที่ต้องใช้แนบไปกับการยื่นขอ Thai Pass ฉันก็รีบจัดการต่อ แค่สองชั่วโมงให้หลัง ฉันก็ได้รับการอนุมัติใหเดินทางกลับบ้านได้ มี QR Code ของ Thai Pass ที่จะต้องโชว์เมื่อถึงสุวรรณภูมิ ซึ่งฉันก็แคปหน้าจอเก็บไว้ (เผื่อกรณีต่อไวฟายที่สุวรรณภูมิไม่สำเร็จ คุณนายฮวงชอบมีแผนสำรองแบบบ้านๆไว้เสมอค่ะ เพราะโลว์เทค😅) 

ตอนอยู่บนเครื่องได้รับแจกเอกสารที่ต้องกรอกข้อมูลการกักตัวนิดหน่อย พอลงเครื่องก็เดินตามทางที่เจ้าหน้าที่บอกไปเรื่อยๆ หยุดตรวจเอกสารที่กรอกบนเครื่องพร้อมกับโชว์ QR Code แล้วก็ผ่านตม.ออกมาไปที่ประตูเบอร์ 10 ตามที่ทางโรงแรมบอกไว้ เจอโต๊ะที่มีป้ายชื่อโรงแรมติดไว้จนตาลาย น้องเขาคงรู้ว่าป้ามึน😆 เลยถามว่า จองโรงแรมไหนไว้คะ ขอดูเอกสารของทางโรงแรมหน่อยค่ะ แล้วน้องเขาก็บอกให้นั่งรอแป๊ปนึงระหว่างที่น้องเขาติดต่อเรียกรถให้ รถเอาฉันไปส่งโรงแรม เข้าห้องพัก มีเอกสารบอกรายละเอียดที่ฉันต้องรู้และทำตามในระหว่างเจ็ดวันเช่น ต้องวัดอุณหภูมิถ่ายรูปส่งผ่าน LINE วันละ 2 ครั้งตอนกี่โมง อาหารจะส่งให้ตอนกี่โมง ฯลฯ จบ อยู่ไปเจ็ดคืนนะจ๊ะ😅

ระหว่าง 3 อาทิตย์ที่อยู่กรุงเทพฯปฏิบัติภารกิจชวนป๋วยฯ (ถ้าใครรู้จักยาน้ำแก้ไอ “ชวนป๋วยปี่แปกอ ตราลูกกตัญญู” ก็คงเข้าใจนะคะ😁) อิฉันก็ไม่ไปไหนทั้งสิ้น ไปเท่าที่จำเป็น อะไรที่อยากกินก็ซื้อมากินที่บ้าน สเปรย์แอลกอฮอล์ของทุกอย่างที่จะเข้ามาในบ้าน ราวกับเป็นเจ้าของโรงงานผลิตแอลกอฮอล์ซะเอง😂 อ้อ แต่มีข้อแปลกใจนิดนึงว่า เมืองไทยทำไมนิยมใช้แอลกอฮอล์แบบเจลกันน่ะ ไปแบงค์ โรงพยาบาลหรือแม้แต่ในสนามบินฉันเจอแต่แบบเจลทั้งนั้นเลย ร.พ.หัวเฉียวดีหน่อยมีแบบปกติให้ด้วย คือฉันว่ามันเหนียวๆอะค่ะ ไม่ชอบ😅

 

อ้ะ กลับมาเข้าเรื่องต่อนะ พอฉันออกจากกักตัวที่ไทย คุณชายบอกว่า ดูท่าทางนโยบายกักตัวของไต้หวันคงยังไม่เปลี่ยนนะ เพราะยังมี local case ผุดเมืองนู้นนี้อยู่ทุกวัน ไอว่ายูคงต้องกลับตามกำหนดเดิมที่จองตั๋วไว้แหละ (คือด้วยความที่ตอนคนไต้หวันเดินทางกลับมาเพื่อฉลองตรุษจีน แล้วเกิดปัญหาโรงแรมกักตัวไม่พอ รัฐบาลเลยปรับแผนกักตัว มี 3 แผนให้เลือก แต่วันกักตัวยังคงเป็น 14 วันเหมือนเดิม โดยมีผลบังคับใช้ถึงวันวาเลนไทน์ โรแมนติกมั้ยเนี่ย😜) ไอจองโรงแรมให้ยูเลยนะ เมื่อคุณชายโทรจองโรงแรมที่หมายตาไว้ ก็ต้องอีเมลส่งเอกสารกันไปมาหลายรอบอยู่ จากนั้นฮีก็บอกให้ฉัน print out ไฟล์ที่ทางโรงแรมแนบมาสำหรับการเช็คอินเข้าพัก

แผ่นแรกเป็นแผนที่ทางเข้าที่จอดรถของโรงแรม ซึ่งฉันต้องเอาให้คนขับแท็กซี่ที่สนามบินเถาหยวน (เพราะห้ามให้ใครไปรับ ต้องนั่งแท็กซี่ที่เรียกว่า 防疫計程車 – ฝังอี้จีเฉิงเชอ แปลเป็นไทยตรงตัวก็คือ แท็กซี่ป้องกันเชื้อโรค) อีก 2 แผ่นคือแบบฟอร์ม Health Declaration Certificate กับ COVID-19 Health Declaration and Home Quarantine Notice ที่ฉันจะต้องกรอกผ่านทางเว็บไซต์ของ CECC (ศปค.ของไต้หวัน) ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนเครื่องลงที่สนามบินเถาหยวน คือฮีรู้ใจเมียฮีค่ะว่าต้องมีแผนสำรองแบบบ้านๆไว้ด้วย😄 

แผนผังการตรวจ ATK ระหว่างกักตัว 14 วัน ตามแผนกักตัวที่ให้เลือกตามเงื่อนไขของแต่ละคน ทั้งหมด 3 แผน

พอถึงวันที่ 12 ก.พ.กลางคืน เราสองคนก็ออนไลน์กันเพื่อช่วยกันลงทะเบียนขอเดินทางกลับเข้าไต้หวัน ฮีเป็นคนกรอกแหละ อิฉันนั่งดูจอโน๊ตบุ๊กตัวเองที่ฮีคลิก+พิมพ์นู่นนี่เฉยๆ😊 เสร็จเรียบร้อยฮีก็ส่งลิงค์หน้าที่ฉันต้องโชว์ตอนเข้าเมืองให้เก็บไว้ในมือถือ แล้วก็บอกให้แคปหน้าจอหน้าที่แสดงว่า ฉันกรอกข้อมูลขอกลับเข้าไต้หวันแล้วเรียบร้อย พร้อมทั้งบอกอีกว่า ตามที่เว็บไซต์บอกคือ หลังจากเครื่องบินลงจอด ให้ฉันเปิดมือถือ เพราะหลังจากเครื่องลงสองนาที จะมีข้อความส่งลิงค์ Health Declaration Certificate กับ COVID-19 Health Declaration and Home Quarantine Notice ที่จะต้องโชว์จนท.ที่สนามบินเข้ามาที่มือถือของฉัน (โอย ทำไมมันเยอะแบบนี้ฟะ ป้าจะจำไหวมั้ยเนี่ย😅)

รุ่งขึ้นฉันไปร.พ.หัวเฉียวแต่เช้าตรู่เพื่อตรวจ RT-PCR ตามข้อกำหนดว่าต้องตรวจภายใน 48 ช.ม.ก่อนขึ้นเครื่อง (โปรดสังเกตนะคะว่า มีทั้งก่อนขึ้นเครื่องกับย่อหน้าข้างบนที่กรอกภายใน 48 ช.ม.ก่อนเครื่องลงที่เถาหยวน เล่นเอาอิฉันนับเรื่องเวลากันแบบมึนๆเล็กน้อย😅) เพื่อที่จะได้ผลตรวจตอนบ่ายสองของวันเดียวกัน ตัดฉากมาที่ตอนเช็คอินที่สุวรรณภูมิในเช้าวันวาเลนไทน์ อิฉันควักออกมาทั้งตั๋วเครื่องบิน พาสปอร์ต ใบฉีดวัคซีนสองเข็มเรียบร้อย ผลตรวจโควิด จนท.เช็คอินถามหาเอกสารอีกใบนึง ห้ะ มีอะไรอีกเหรอคะ น้อง พี่มีอยู่แค่นี้อะค่ะ น้องเขาพยายามอธิบายว่าคืออะไร ถ้าพี่ยังไม่ได้กรอก ก็ออนไลน์กรอกตอนนี้ก็ได้ค่ะ เอิ่ม 4G 5G ก็ไม่มีกะเค้าอีก ตานี้ป้าเริ่มแตกตื่นนึกในใจ เฮ้ย มีใบไหนอีกล่ะเนี่ย เวรๆๆ เก็บไว้ที่ไหนวะ พยายามหาในมือถืออยู่หลายนาที กว่าจะเจอที่ฮีบอกให้แคปเก็บไว้ เล่นเอาหัวหมุนพอควร😓

พอเครื่องลงที่สนามบินเถาหยวน เดินออกจากเครื่องบินมา ทุกคนต้องนั่งรอทำ RT-PCR ที่ gate เลย เจ้าหน้าที่ของ CECC ที่ใส่ชุดป้องกันแบบครบชุดสุดๆ เรียกชื่อผู้โดยสารแต่ละคนไปแยงจมูกจนครบ จากนั้นก็ขอดู Health Declaration Certificate ของแต่ละคน แล้วให้นั่งรอผลกันอยู่ประมาณครึ่งช.ม.ได้มั้งคะ พอประกาศว่าผลตรวจทุกคนเป็นลบ ให้เดินออกไปตามทางนี้เพื่อไปตรวจเอกสารขั้นต่อไป ซึ่ง ณ จุดตรวจนี้ ฉันต้องโชว์ passport พร้อมกับคลิกลิงค์ที่มี Health Declaration Certificate ของฉันอยู่ให้จนท.สแกนบาร์โค้ด แล้วจนท.หยิบชุดตรวจ ATK ให้ 3 ชุด บอกให้ฉันถ่ายรูปแผนกักตัวทั้ง 3 แบบที่ติดไว้บนโต๊ะ พร้อมกับบอกว่า พรุ่งนี้นับเป็นวันที่ 1 ของการกักตัว ให้ดูตามแผนผังนี้ว่า ฉันต้องแยงจมูกในวันที่ 3, 10, และก็ 13 หรือ14 นะ เดี๋ยวทางโรงแรมจะประสานงานให้อีกที ไปได้ เดินไปตามทางนี้นะ ฉันเดินตามทางที่มีจนท.ยืนคุมเป็นระยะ ผ่านตม. มาเอากระเป๋าที่สายพานซึ่งมีน้องหมาพันธ์ุบีเกิ้ลคอยยืนดมกระเป๋าทุกใบอยู่ เดินผ่านประตูออกมาเจอจนท.ยืนคอยถามผู้โดยสารว่า จะไปเมืองไหน ฉันตอบว่าไทเป เขาบอกงั้นเดินไปด้านนี้ ตรงประตูทางออกจากอาคารมีป้ายบอกราคาแท็กซี่ว่าไปเมืองไหนเท่าไร ของฉันคือหนึ่งพันหยวน ออกไปด้านนอกอาคารมีเคาน์เตอร์จัดแท็กซี่ ที่มีคนคอยฉีดสเปรย์ฆ่าเชื้อกระเป๋าทุกใบของฉัน แล้วคนขับแท็กซี่คันหน้าสุด ที่ใส่ชุดป้องกันเต็มที่อีกเหมือนกัน เข้ามาขอฉีดสเปรย์พ่นใส่ฉันทั้งตัว รอบตัว แถมต้องยกเท้าให้สเปรย์ใต้รองเท้าทั้งสองข้างอีกด้วย จากนั้นค่อยขึ้นรถได้ 

สติกเกอร์ ที่จนท.แปะให้ที่แขนเสื้อตอนออกจากเครื่องบิน สั่งว่าห้ามทำหาย เพราะถ้าไม่มีสติกเกอร์นี้ คนขับแท็กซี่จะไม่รับขึ้นรถเด็ดขาด

ช่วงที่ชุลมุนวุ่นวายอยู่นี้ ทางโรงแรมดันโทรเข้ามาพอดี ถามว่าขึ้นรถรึยัง ให้บอกป้ายทะเบียนรถคันที่นั่ง ฉันเลยเปิดลำโพงให้คนขับพูดกับจนท.โรงแรมเอง แล้วก็ต้องเอาแผนที่แผนผังของโรงแรมให้คนขับ ทางโรงแรมบอกให้ฉันโทรแจ้งเค้าอีกทีตอนที่รถลงจากฟรีเวย์แล้ว ถึงที่จอดรถชั้น 4 ของโรงแรม มีจนท.ในชุดป้องกันเต็มยศคอยรับฉัน ขอดูพาสปอร์ต ส่งฉันขึ้นห้องพัก จากนั้นก็มีโทรศัพท์เข้ามาให้ฉันเช็คข้อมูลในเอกสารเช็คอินเข้าพักที่วางไว้ให้บนโต๊ะในห้อง 2 แผ่น ถ้าถูกต้องให้เซ็นชื่อ แล้วถ่ายรูปส่งให้ทาง LINE ที่ทางโรงแรมเตรียม QR Code ให้ฉันสแกนไว้ อยู่ในอีเมลที่ส่งยืนยันการจองห้องพักของฉันตั้งแต่ตอนจองโรงแรม พร้อมทั้งพาสปอร์ตของฉัน แล้วยังส่งข้อมูลที่ฉันต้องรู้และปฏิบัติตามระหว่างที่พักกับทางโรงแรมให้อ่าน ส่งเสร็จฉันเหนื่อยจนส่งข้อความถามไปว่า “Are we done for today?” 😆 ไม่ได้ประชดนะ แต่เหนื่อยมากแล้วโว๊ย ตื่นตั้งแต่ตีสี่ หัวหมุนมาจนบ่ายสี่เนี่ย ข้าวเช้าบนเครื่องก็รีบๆ กินนิดเดียวเพราะหมี่ผัดเค็มมาก

วิวจากห้องกักตัวในโรงแรมที่ไทเป

อ้อ พูดถึงเรื่องกิน ตอนอยู่บนรถ คุณชายโทรเข้ามาถามว่า จะให้สั่งดินเนอร์ให้มั้ย เพราะตามกฎของโรงแรม มื้อเช้าและมื้อกลางวันต้องสั่งล่วงหน้าหนึ่งวัน ส่วนมื้อเย็นต้องสั่งก่อนเที่ยงของวันนั้น ฮีบอกเมนูให้อิฉันเลือก แล้วก็สั่งทางเว็บไชต์ของโรงแรมให้ 

เอกสารเช็คอิน และปรอทวัดไข้ที่ต้องวัดส่งเช้าเย็นทุกวัน

เช้าวันรุ่งขึ้น 15 ก.พ. ซึ่งเป็นวันหยวนเซียวเจี๋ย – 元宵節 หรือ Lantern Festival ที่มีเทศกาลโคมไฟ ยังจำกันได้ไหมคะ ที่เคยเล่าให้ฟังไปแล้ว ลองไปหาในบทเก่าๆดูกันนะคะ นับเป็นวันแรกของการกักตัวของฉัน หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ คุณนายโฮเพื่อนสนิทชาวสะใภ้ไต้หวันก็โทรมาคุยด้วย ขณะที่กำลังเมาท์กันอย่างสนุกสนาน เสียงโทรศัพท์มือถือของฉันก็ดังขึ้น แหม มาอีกแล้ว พวกขายของ ฉันจัดการตัดสายทันที ไม่รับให้เสียจังหวะการเมาท์หรอกย่ะ😆 แต่แล้วมันก็ดังขึ้นมาอีก เอ๊ะ ยังไงเนี่ย รับซะหน่อยจะได้ใช้แผนประจำที่ใช้รับมือเสมอมา นั่นก็คือ รับแล้วก็กรอกเสียงไปว่า เฮลโล่ว ซึ่งบางรายที่โทรมาอาจตกใจว่าฝรั่งที่ไหนรับสายก็วางหูไปเลย หรือพอฉันรับสายก็พ่นภาษาจีนขายของมาเป็นชุด ซึ่งฉันก็จะตอบแค่ประโยคเดียวด้วยสำเนียงกะเหรี่ยงๆสุดฤทธิ์ว่า 聽不懂中文 – ทิงปุ๊ต่งจงเหวิน แปลว่า ฟังภาษาจีนไม่เข้าใจจ้ะ หวังว่าพวกเขาจะได้ขึ้นบัญชีไว้ว่า ไม่ต้องโทรเบอร์นี้ให้เสียเวลา นางไม่ใช่คนไต้หวัน😁 

แต่พอฉันรับสายนี้ขึ้นมาปุ๊ป ทางโน้นถามมาว่าใช่หวางเสียวเจี่ย – 黃小姐 รึเปล่า ฉันตอบว่าใช่ เขาก็แนะนำตัวว่า โทรมาจากที่ว่าการเขตหนันกั่งนะ โทรมาเพื่อเช็คข้อมูลการกักตัวของฉัน ถามว่าพักที่โรงแรมนี้ๆ 7 วันใช่ไหม แล้วเฟสที่ 2 อีก 7 วันกักที่บ้านใช่ไหม ช่วยบอกที่อยู่มาด้วยจะได้เช็คว่าในระบบข้อมูลถูกต้องนะ โดยเขาพูดที่อยู่ของฉันขึ้นมาเป็นระยะ จากนั้นก็บอกว่า ฉันจะต้องทำยังไงบ้างในวันไหนๆ แล้วก็บอกอีกว่า เบอร์มือถือนี้เป็นของคุณใช่ไหม อย่าปิดโทรศัพท์นะ เขาจะโทรมาเช็คอาการของอิฉันทุกเช้า😮 แล้วถ้าฉันมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ ให้รีบโทรแจ้งเขาเลย แถมถามว่าเมื่อวานเข้าถึงโรงแรมกี่โมง จัดการนับวันให้ฉันเสร็จสรรพ แล้วก็บอกว่าฉันสามารถออกจากโรงแรมได้วันไหน เวลาอะไร คือเขานับ 7วัน x 24 ช.ม.แบบนั้นน่ะค่ะ โอ้โฮ คุณนายฮวงเป็นงงค่ะ เอาๆ โทรกันทุกเช้าก็ได้ จะได้ไม่เหงาดี😉 แต่ขอโทษค่ะ ข้อมูลล้นเกินเมมโมรี่ของป้า ตอนนี้ตกเย็นก็จำไม่ได้แล้วจ้า😅 

ถุงเอื้ออาทรจากเทศบาลนครไทเป😁
ถุงเอื้ออาทรจากเทศบาลนครไทเป😁

อะ ภาคเช้าจบกันไป พอ 6 โมงเย็นดินเนอร์ของอิฉันมาพร้อมกับถุงช็อปปิ้งใบใหญ่หนึ่งใบ มีป้ายแปะว่ามาจากสำนักกิจการพลเรือนของเทศบาลนครไทเป ข้างในมีถุงขยะใบใหญ่ของเมืองไทเปสองใบรัดยางรวมมากับกระดาษสองแผ่นที่ว่าด้วยกฎเกณฑ์เรื่องการกักตัวของเมืองไทเป แล้วก็บะหมี่สำเร็จรูป 3 ชาม ขนม 3 กล่อง ข้าวโอ๊ต 1 ถุง และมาสก์อีก 14 แผ่น โดยป้ายที่แปะบนถุงนอกจากบอกชื่อหน่วยงานแล้ว ยังเขียนอีกด้วยว่า เราห่วงใยคุณนะจ๊ะ  

เนี่ยล่ะค่ะที่ฉันบอกว่า “เยอะ” จริงๆ เกาะเนี้ย😆 คือ คำว่าเยอะของฉันไม่ได้หมายความตามที่เมืองไทยใช้ๆ กันนะคะ แต่หมายถึงขั้นตอน+ข้อมูล+รายละเอียดในการปฏิบัติการทุกอย่างมันเยอะจริงๆ ซึ่งจะว่าดีก็ดี แต่มาใช้กับป้าสมองมึนง่ายอย่างคุณนายฮวง มันก็จะหัวหมุนสับสนจำผิดจำถูกไปหมด😅 ไม่รู้ที่เหลืออีก 6 วันจะมีอะไรให้อิฉันแปลกใจอีกไหม ยังไงก็ช่วยกันลุ้นให้ฉันรอดปลอดภัยออกจากการกักตัว 隔離 – เก๋อหลี โดยสวัสดิภาพด้วยนะคะ แต่บอกได้อย่างนึงค่ะว่า จะเป็นวันวาเลนไทน์ที่ติดตราตรึงใจอิฉันไปอีกนานแน่ๆ😂

Don`t copy text!