圖書館 – ถูซูกวั่น

圖書館 – ถูซูกวั่น

โดย : คุณนายฮวง

Loading

นอกจาก นิยายออนไลน์ สนุกๆ แล้ว อ่านเอา ยังมีคอลัมน์ ‘(เรื่องเล่า) 6,200 วันในไต้หวัน’ โดย คุณนายฮวง สาวไทยสุดไฮเปอร์ที่จับพลัดจับผลูมาอยู่ไทเปได้หลายปีดีดักกับเรื่องเล่าเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในต่างแดนที่เต็มไปด้วยสีสันและมุมมองหลากหลาย เรื่องราวดีๆ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์

***********************************

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

เคยเล่าถึงเรื่องการปิดร้านหนังสือของ ‘Eslite หรือ 誠品 – เฉิงผิ่น’ สาขาตุนหนัน ซึ่งเป็นร้านหนังสือแห่งแรกของโลกที่เปิด 24 ชั่วโมงไว้ให้ฟังในบท ‘โบกมือลา’ ที่เป็นปรากฏการณ์ค่อนข้างสำคัญของชาวไทเปพอสมควร เป็นการปิดร้านหนังสือที่แม้แต่ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินยังมาเดินอำลาก่อนที่จะถึงวันปิดจริง ฉันว่ามันเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมการอ่านมีความสำคัญแค่ไหนในสังคมของเกาะนี้นะคะ แล้วก็เคยเล่าให้ฟังในหลายๆ บทแล้วว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ของเด็กๆ ขนาดไหน มีมาตรการต่างๆ ที่ออกมาเพื่อสนับสนุนให้เด็กได้ค้นพบศักยภาพของตัวเอง และไม่ใช่แค่ภาครัฐ ภาคเอกชนของประเทศนี้ ก็ให้ความสนับสนุนช่วยเหลือด้วยเช่นกัน ถ้าใครตามอ่านมาตลอดก็คงจะพอจำกันได้นะ

เมื่อสองสามวันก่อน คุณชายกลับมาจากมหาลัย ฮียิ้มกริ่มบอกอิฉันว่า “วันนี้ไอมีอะไรมาฝากยูด้วยนะ” แหม ดีใจ๊ ดีใจ นานแล้วที่ฮีไม่ได้มีเซอร์ไพรส์มาให้เมียตื่นเต้นเล่น ฮีล้วงลงไปในกระเป๋าเป้ที่สะพายไปสอนหนังสือทุกวัน รัวกลองหน่อยๆ😉 แถ่น แท้น… “นี่ไง ตะเกียบสนูปปี้ ยูชอบ Peanuts gang ไอเลยเลือกมาให้ยูเชียวนะ” โห ซาบซึ้งดีไหมเนี่ย ตะเกียบสนูปปี้เนี่ยนะ😒 นึกว่าจะเป็นขนมของโปรดอิฉันสักอย่าง😏 เอ้า ตื่นเต้นด้วยก็ได้ฟะ😅 เลยถามฮีว่า “ยูไปเอามาจากไหนล่ะ” ฮีขยายความต่ออย่างแฮปปี้ว่า “วันนี้ไอไปยืมหนังสือที่ห้องสมุดของมหาลัย แล้วบรรณารักษ์บอกว่า ไอมีแต้มสะสมได้ 20 แต้มแล้ว ใช้แลกของได้ ไอเห็นตะเกียบนี้ไซซ์กำลังดี ยูน่าจะพกใส่กระเป๋ายูได้ไม่เกะกะ แถมเป็นสนูปปี้น่ารักดีอีกด้วย ไอเพิ่งรู้เนี่ยแหละว่า ไอยืมหนังสือมาอ่านแล้วได้แต้มสะสมแลกของได้ ดีไหมล่ะ” แล้วฮีก็ยิ้มตาหยีให้อิฉัน แหม สามีฉันนี่ ช่างน่าเอ็นดูอะไรขนาดนี้😆

ตะเกียบสนูปปี้ “ของฝาก” จากคุณชาย😜

เจอของฝากเป็นตะเกียบสนูปปี้เข้าไป เลยทำฉันให้นึกขึ้นได้ว่า ไม่เคยเล่าให้ฟังกันถึง นโยบายสนับสนุนให้นักเรียนอ่านหนังสือ ของโรงเรียนประถมที่ฉันไปสอนภาษาไทยให้ ตอนแรกก็นึกว่าแค่ในโรงเรียนเด็กเล็กๆนะคะ ที่มีการใช้วิธีสะสมแต้มการอ่าน แล้วเอามาแลกของใช้ ระดับมหาวิทยาลัยก็ยังมีแบบนี้ด้วยแฮะ แล้วเลยนึกออกอีกว่า หลายปีก่อน ฉันเองก็เคยได้ของที่ระลึกจาก Taipei Public Library เป็นซองใส่มือถือแบบกันน้ำได้ มีสายสำหรับห้อยคอเสร็จสรรพ คิดว่าน่าจะเอาไว้สำหรับใช้ตอนไปทำกิจกรรมที่มีน้ำเข้ามาเกี่ยวข้องน่ะค่ะ เพราะว่ายังสามารถใช้นิ้วเลื่อนจออ่านได้ โดยไม่ต้องเอาโทรศัพท์ออกจากซองมา แต่ไม่ใช่สำหรับว่ายน้ำนะคะ ไม่ได้กันน้ำถึงขนาดนั้น😁 จำได้ว่ามีอยู่วันนึง ฉันได้รับอีเมลจากทางห้องสมุดแจ้งว่า ตอนนี้ที่ Multicultural Center มีการรณรงค์ให้คนมาใช้บริการยืมหนังสืออ่าน โดยถ้าฉันยืมหนังสือออกมาอ่านที่บ้านเป็นจำนวนครบ 30 เล่ม ก็จะได้รับของที่ระลึก แต่ต้องไปรับเองที่ห้องสมุดใหญ่ แหม หวานหมูเลยค่ะ คุณนายฮวงสั่งหนังสือนิยายไทยจากเว็บไซต์ของทางห้องสมุดให้มาส่งที่สาขาใกล้บ้านเป็นประจำอยู่แล้ว แค่ 30 เล่มเอง จิ๊บจ๊อยมาก ปกติถ้าฉันไปเลือกหนังสือที่ห้องสมุดใหญ่เอง ก็มักจะยืมครั้งละสิบเล่ม เต็มจำนวนที่เขาให้ยืมได้แต่ละครั้งอยู่แล้ว นั่นคือที่มาของซองใส่มือถือตามที่เห็นในรูปนั่นล่ะค่ะ

ซองใส่มือถือ มีโลโก้ของ Multicultural center อยู่บนซองด้วย
ของรางวัลที่หน้าห้องสมุดโรงเรียนประถมใข้แต้มสะสมแลก

ส่วนนโยบายสนับสนุนให้เด็กรักการอ่านของทางโรงเรียนประถมที่ฉันไปสอนอยู่นั้น ก็มาแนวเดียวกันค่ะ ที่หน้าห้องสมุด (หรือภาษาจีนกลางคือ 圖書館 – ถูซูกวั่น) ของโรงเรียน จะมีตู้โชว์ของที่ใช้แต้มสะสมจากการอ่านหนังสือมาแลกได้ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกเครื่องเขียนน่ารักๆ หรือพวก cardboard game สำหรับเด็ก ซึ่งฉันว่าเวิร์กดีนะคะ ฉันเองดูแล้วยังอยากได้เลย ฮี่ๆๆ😄 นอกจากนี้แล้ว ทางโรงเรียนยังมีวิชา 閱讀課 – เยว่ตู๋เค่อ ซึ่งก็คือในแต่ละสัปดาห์ นักเรียนจะต้องเข้าเรียนวิชาการใช้ห้องสมุด (ฉันขอใช้คำนี้ละกันนะคะ คิดว่าความหมายน่าจะใกล้เคียงที่สุดแล้ว) โดยครั้งแรกๆ บรรณารักษ์จะสอนวิธีใช้ห้องสมุดว่า จะค้นหาหนังสืออย่างไร พาทัวร์แนะนำห้องสมุดอะไรประมาณนี้ล่ะค่ะ จากนั้นก็จะมีรายชื่อหนังสือประมาณ 30-40 เรื่อง ให้นักเรียนอ่านในคาบเรียนนั้น โดยนักเรียนแบ่งกันเองว่า วันนี้ใครจะอ่านเรื่องไหน แต่ต้องอ่านให้ครบทุกเรื่องที่อยู่ในรายชื่อ แล้วก็ต้องเขียนการบ้านส่งว่า หนังสือเกี่ยวกับอะไร อ่านแล้วได้อะไรจากหนังสือเล่มนั้นๆ เวียนอ่านกันครบหมดทุกคนก็น่าจะจบเทอมพอดี

สมุดสะสมแต้มการอ่านของนักเรียน

นอกจากอ่านตอนเรียนวิชาเยว่ตู๋เค่อแล้ว ทางโรงเรียนยังสนับสนุนให้อ่านนอกห้องเรียนอีกด้วย ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องอ่านเฉพาะหนังสือในห้องสมุดของโรงเรียนเท่านั้น อย่างนักเรียนของฉัน เมื่อตอนอยู่ชั้นประถมปีที่ 1 เทอมแรก ครูประจำชั้นจะแจกแบบฟอร์มการอ่านมาให้ โดยมีการแบ่งเป็นระดับๆ ไป แยกเป็นหนังสือภาษาจีนกับภาษาอังกฤษอีกต่างหาก ใครอยากอ่านภาษาไหนก็เลือกเอาเอง ระดับแรกคือให้อ่านหนังสือสิบเล่ม นักเรียนอ่านหนังสือชื่ออะไรบ้าง ก็ให้เขียนชื่อหนังสือลงในแบบฟอร์มนี้ แล้วก็ให้เลือกมาสองเล่ม เขียนเล่าว่าหนังสือเกี่ยวกับอะไร แล้วคิดว่าอ่านแล้วได้อะไรจากหนังสือเล่มนั้นๆ พอระดับที่สองก็เพิ่มมาเป็นอ่านยี่สิบเล่ม เลือกสี่เล่มมาเขียนเล่า ระดับที่สามคือ อ่านสามสิบเล่มแล้วเลือกมาเขียนหกเล่ม อ่านได้ครบในแต่ละระดับ ก็จะได้ประกาศนียบัตรชมเชย ตานี้น้องภามพ์เรียนอนุบาลอินเตอร์มาก่อน ฮีเลยชอบอ่านหนังสือภาษาอังกฤษมากกว่า แต่เนื่องจากหนังสือภาษาอังกฤษในห้องสมุดโรงเรียนมีน้อย พอฮีอ่านหมดแล้ว เลยทำให้แม่ฮีต้องพาไปเลือกหนังสืออ่านเองที่ Taipei Public Library จนกวาดประกาศนียบัตรมาครบทุกระดับ นอกจากประกาศนียบัตรแล้ว ยังได้รับตราแสตมป์ (ประมาณว่า ถ้าทำอะไรได้ดี ก็ได้ตราแสตมป์เป็นรางวัลน่ะ) ซึ่งใครได้ตราสแตมป์เยอะสุด เวลาทำอะไรก็จะได้รับสิทธิ์ให้เลือกก่อนเช่น ทุกเดือนจะมีการสับเปลี่ยนที่นั่งในห้องเรียน (ฉันคิดว่า เพื่อให้รู้จักกันทั้งห้องเรียนมั้ง) คนที่ได้ตราแสตมป์เยอะสุด ก็ได้เลือกก่อนว่าอยากนั่งตรงไหน

แบบฟอร์มเขียนเล่าหนังสือหลังการอ่าน
แบบฟอร์มการอ่านระดับ 1
ใบประกาศชมเชย

แม่น้องภามพ์เล่าว่า ครั้งแรกสุดนอกจากได้ประกาศนียบัตรชมเชยแล้ว ยังได้คูปองมูลค่า 100 หยวนจากร้านหนังสือ 誠品 – เฉิงผิ่นอีกด้วย ไม่แน่ใจว่าร้านหนังสือเป็นสปอนเซอร์สนับสนุนโครงการรักการอ่านหรือยังไง เพราะตอนนั้นมีสาขาของร้านเฉิงผิ่นอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก แม่น้องภามพ์ก็เลยพาน้องภามพ์ไปเลือกซื้อของในร้านเฉิงผิ่น ปรากฏว่าฮีไปถูกใจกล่องดินสอราคาหกร้อยหยวน! แต่ป๊ะป๋าน้องภามพ์บอกว่า จ่ายไปเถอะ มันเป็นรางวัลความภาคภูมิใจของฮี แม่น้องภามพ์เลยต้องควักเพิ่มไปอีกห้าร้อยหยวนแบบแอบพึมพำเบาๆ ว่า กล่องดินสอหกร้อยหยวนเนี่ยนะ😅 เอ ฉันว่า ท่าทางจะเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดของร้านหนังสือล่ะมั้งนี่😆

Don`t copy text!