Road Trip 2 : ดูโบสถ์ ชมงานศิลป์ ฟินธรรมชาติ

Road Trip 2 : ดูโบสถ์ ชมงานศิลป์ ฟินธรรมชาติ

โดย : คุณนายฮวง

Loading

นอกจาก นิยายออนไลน์ สนุกๆ แล้ว อ่านเอา ยังมีคอลัมน์ ‘(เรื่องเล่า) 6,200 วันในไต้หวัน’ โดย คุณนายฮวง สาวไทยสุดไฮเปอร์ที่จับพลัดจับผลูมาอยู่ไทเปได้หลายปีดีดักกับเรื่องเล่าเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในต่างแดนที่เต็มไปด้วยสีสันและมุมมองหลากหลาย เรื่องราวดีๆ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์

มาเล่าโรดทริปของเราสองคนต่อนะคะ หลังจากที่สำรวจอุทยานแห่งชาติอาลีซันเรียบร้อย เรายังคงพักต่ออีกคืนนึง ก่อนนอนก็ภาวนาให้พรุ่งนี้เช้าฟ้าเปิดด้วยเถิ้ดดดด จะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นตามที่ตั้งใจมาดู แต่หลังจากเข้านอนไปได้ไม่นาน ฝนก็ตกโครมลงมา และแล้วเช้าที่สองเราก็ยังคงได้นอนต่อหลังจากลุกมาเปิดม่านดูฟ้าตอนตีห้าเศษๆ เป็นอันว่ามิชชั่นชมพระอาทิตย์ขึ้นบนเขาอาลีซันของเราจบลงด้วยสภาพอากาศเมฆหมอกคลุมฟ้าไปทั่ว😅

ตามแผนที่วางกันไว้คือหลังจากเช็คเอาท์แล้ว เราจะไปเดินเล่นที่สะพานแขวน 太平雲梯 – ไท่ผิงอวิ๋นที ซึ่งเป็นสะพานแขวนที่สูงที่สุดของเกาะนี้ (สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณหนึ่งพันเมตร) กินอาหารกลางวันที่ร้านฮิปๆ แถวนั้น ดังนั้นหลังจากที่มะล่อกมะแล่กกลับมาจากการเดินชมป่าสนในวันก่อนหน้า คุณชายก็เข้าเว็บไซต์เพื่อซื้อบัตร (ราคา 100 หยวน) เข้าไปเดินบนไท่ผิงอวิ๋นที ปรากฎว่าปิดทำการวันพุธ! เอ้า งั้นแค่ไปกินกลางวันร้านกิ๊บเก๋นั่นละกัน โทรไปจองโต๊ะ ปิดวันพุธอีกเหมือนกัน! แถมเจ๊คนรับโทรศัพท์ยังบอกอีกว่า ร้านแถวนั้นปิดหมดเช่นกัน

โว้ะ! อะไรกันนี่ 🥴 แต่จะว่าไปด้วยสภาพอากาศแบบวันนั้น (ที่ฝนยังตกอยู่) ถ้าเราได้ไปจริงๆ ก็อาจจะมองไม่เห็นอะไร เจอแต่หมอกคลุมอีกก็เป็นได้😅

ที่ตั้งของ 高跟鞋教堂 – เกาเกินเสียเจี้ยวถัง (高跟鞋 = รองเท้าส้นสูง 教堂 = โบสถ์)
โบสถ์รองเท้า

อิ๊กคิวฮวงเลยต้องใช้หมองคิด…ตึ๊กๆๆๆ…ปิ๊ง… งั้นเราไปดูโบสถ์รองเท้าส้นสูงกันมั้ยยู ไหนๆ ก็มาถึงเจียอี้แล้ว และแล้วเราก็ขับรถลงจากเขาตรงดิ่งไปยังริมทะเล อันเป็นที่ตั้งของ 高跟鞋教堂 – เกาเกินเสียเจี้ยวถัง (高跟鞋 = รองเท้าส้นสูง 教堂 = โบสถ์) จริงๆ แล้วไม่ใช่โบสถ์ทางศาสนาอะไรหรอกค่ะ เป็นสิ่งก่อสร้างรูปทรงรองเท้าส้นสูงที่ทางเจียอี้สร้างขึ้นให้เป็นสถานที่จัดงานแต่งงานและจุดเช็คอินของเมือง ตอนเปิดใหม่ก็เกรียวกราวดีหรอกค่ะ ตอนนี้ที่ฉันไปเห็นออกจะร้างๆ ไม่แน่ใจว่าเพราะเป็นวันธรรมดาแล้วก็ฝนตกด้วยรึเปล่านะคะ แต่บริเวณนั้นคือไม่มีอะไร ร้านอาหารร้านเดียวในนั้นก็ไม่เห็นแม้แต่คนเฝ้าร้าน มีคนไปเยือนอยู่สามสี่กลุ่ม เราสองคนเลยเดินถ่ายรูปได้ตามสบาย แต่เข้าไปชมด้านในรองเท้าไม่ได้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีประตูอะไร แต่มีกรวยสีส้มขึงเทปเหลืองล้อมตรงช่องเปิดโล่งด้านหลังที่ควรจะเป็นพื้นรองเท้าน่ะค่ะ ที่เทปก็เขียนว่าห้ามเข้า ฉันมองๆ แล้วก็นึกในใจว่า ถ้าจัดงานแต่งหน้าหนาวก็พอไหวนะ หน้าร้อนนี่เจ้าสาวอาจร้อนจนเป็นลมต่อหน้าบาทหลวงผู้ทำพิธีให้ก็เป็นได้😅

ฟาร์มหอยนางรม

แต่ที่ทำให้ฉันตื่นเต้นกว่า 高跟鞋教堂 คือ ฝั่งตรงข้ามของประตูทางเข้าบริเวณนี้ค่ะ เป็นฟาร์มหอยนางรมในทะเล เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกนี่คะ City girl อย่างคุณนายฮวงเลยวี้ดว้ายกระตู้วู้ถ่ายรูป😆 คุณชายบอกว่า แถบนี้ (東石鄉 – ตงสือเซียง = Dongshi Township) สินค้ามีชื่อคือหอยนางรม ช่วงตลอดทางในเขตเจียอี้ที่เราขับบน Coastal Expressway เลียบชายฝั่งเพื่อจะไปเกาสงเลยได้เห็นฟาร์มหอยนางรมพร้อมๆ กับชมวิวทะเล เราสองคนชอบมากค่ะกับการขับไปเกาสงโดยเส้นทางนี้ ก็ตลอดยี่สิบปีมานี้ เราขับรถไปเกาสงทีไรก็ขับบนฟรีเวย์กันทุกที คุณชายชอบเพราะขับสบาย รถน้อยมาก รถบรรทุกใหญ่ๆ ก็ไม่เจอเลยสักคัน ฉันก็ชอบ แถมวิวดีๆ โล่งตาสบายใจอีกด้วย เห็นแต่ทะเล ไม่ก็ทุ่งนา ไม่มีตึกระฟ้ามาบดบังสายตาเรา😍

รูปปั้นThe Thinker ของ Rodin

หลังจากค้างคืนนึงเพื่อจัดการธุระที่เกาสง เช้าวันถัดมาเราก็ขับรถขึ้นฟรีเวย์ไปไถหนันท่ามกลางฝนกระหน่ำแบบมืดฟ้ามัวดินตั้งแต่เช้า ทริปนี้คุณชายขอแวะไถหนันเพื่อชมพิพิธภัณฑ์ฉีเหม่ย (Chimei Museum) ที่ตัวตึกสร้างได้อลังการมาก น่าเสียดายว่าฝนฟ้าไม่เป็นใจ เราก็เลยถ่ายรูปเซลฟี่กับตัวตึกมาได้แบบกางร่มไป เหล่หามุมกล้องไป (ที่ต้องเหล่เพราะไม่ได้ใส่แว่นอ่านหนังสือกัน🤣) พิพิธภัณฑ์ฉีเหม่ยนี้เป็นของเอกชนค่ะ คุณสวี่เหวินหลงผู้ก่อตั้งฉีเหม่ยกรุ๊ปชื่นชอบการเดินชมพิพิธภัณฑ์มาตั้งแต่เด็ก พอมีเงินซื้องานศิลปะมามากๆ เข้า รู้สึกว่าชื่นชมคนเดียวมันไม่สนุก มีของดีก็ต้องแบ่งปันให้คนอื่นด้วยนะคะ คุณเค้าเลยจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ฉีเหม่ยขึ้นมา โดยบอกเลยว่า พิพิธภัณฑ์ของผมจัดตั้งขึ้นเพื่อจุดประสงค์เดียวเท่านั้น นั่นคือเพื่อให้มวลชนได้เข้าชม (แหม อิฉันก็ชอบชมพิพิธภัณฑ์ตั้งแต่เด็กเหมือนกันนะ แต่ไม่มีเงินจะซื้องานศิลปะมากมายแบบคุณเค้า😅)

ไวโอลินของสะสมของคุณสี่เหวินหลง

ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีให้ดูหลายห้องค่ะ Natural History & Fossils, Musical Instruments, Fine Arts, Rodin Gallery ฯลฯ มีแม้แต่ห้องแสดงไวโอลินที่เป็นของสะสมของคุณสวี่ด้วย ซึ่งถ้านักไวโอลินคนไหนต้องการยืมไปใช้ ก็สามารถยืมได้ค่ะ (ฉันคิดว่าเคยเล่าให้ฟังไปในบทไหนสักบทแล้วนะ) ค่าเข้าชม 200 หยวน ถ้าใครที่ชื่นชอบงานศิลปะของตะวันตกก็น่าจะชอบ Chimei Museum มาไถหนันก็แวะมาเดินเพลินๆ ได้ค่ะ แต่ถ้าคุณไปเที่ยวชมมิวเซียมแถวยุโรปหรืออเมริกามามากพอแล้ว ก็อาจจะไม่ต้องมาก็ได้เพราะคงไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นนัก อย่างฉันนี่เดินดูๆ แบบรวดเร็วมาก รู้สึกเฉยๆ น่ะค่ะ พิพิธภัณฑ์สามแห่งในโลก (Prado, Louvre Museum, The Met – The Metropolitan Museum of Art) ที่ว่ากันว่าน่าจะไปเยือนสักครั้งในชีวิต ฉันก็ไปมาหมดแล้ว Smithsonian ก็ไปแล้ว MOMA, Guggenheim ก็ไปหลายครั้งตอนอยู่นิวยอร์ค

ฉีเหม่ยมิวเซียม

สรุปคือ งานศิลปะชิ้นดังๆ ที่ฉันชื่นชอบอยากเห็นด้วยตาตัวเองก็ได้เห็นหมดแล้ว เลยเดินดูที่ฉีเหม่ยแบบสายฟ้าแลบเสร็จจบก็นั่งรอคุณชายไป😉 คือไม่ใช่ว่างานศิลปะที่โชว์อยู่ในฉีเหม่ยไม่สวยไม่ดีนะคะ เพียงแต่ถ้าคนที่เห็นมาแยะแล้วก็อาจจะรู้สึกไม่ตื่นตาตื่นใจอะไรมากมายนัก เดี๋ยวอุตส่าห์ดั้นด้นมาแล้วผิดหวังจะมาต่อว่าคุณนายฮวงได้😅 คุณชายฮีเป็นพวก Renaissance guy (ศัพท์อิฉันตั้งเองค่ะ ความหมายคือ ฮีชอบงานศิลปะคลาสสิคๆ ประมาณนั้น แหะๆ) แล้วฮีก็มีความรู้ด้านศิลปะเยอะอยู่ ก็เลยเดินชมเพลินไป

สะพานแขวนวัยเด็กของคุณชายเค้า😁

เราค้างไถหนันคืนนึง โชคดีค่ะที่เที่ยวนี้จองโรงแรมที่อยู่ไม่ไกลจากฉีเหม่ยมาก เราเจอฝนตกไม่เลิกราแบบวันนั้นเนี่ยจัดว่าสะดวกมาก เช็คอินเก็บของเข้าห้องพักเสร็จ เราสามารถเดินทางเชื่อมจากล็อบบี้โรงแรมเข้าช็อปปิ้งมอลล์ใหญ่ยักษ์ไปเลือกร้านหาข้าวเย็นกินได้เลย อาหารเช้าก็แจ่ม กินจนพุงกางเสร็จเราก็ขับรถต่อมาที่ 谷關 – กู่กวน อยู่ในเขตเมืองไถจง กู่กวนนี้เป็นแหล่งแช่น้ำแร่เก่าแก่ของเกาะนี้เหมือนกับจือเปิ่นหรือเป่ยโถวแบบนั้นล่ะค่ะ คุณชายเคยมากับครอบครัวตั้งแต่ตอนเป็นเด็กเล็กมากๆ จำอะไรไม่ได้เลย จำได้แค่มีสะพานแขวนให้วิ่งแกว่งไปมาสนุกดี😆 ก็เลยขอแวะที่นี่สักคืนนึง

เราเลือกที่พักใกล้กับร้านอาหารที่มีชื่อเรื่องปลา Sturgeon ที่เอาไข่ของเค้ามาทำ Caviar น่ะค่ะ เช็คอินเรียบร้อยเราก็ยืมจักรยานจากทางรีสอร์ทปั่นไปร้านอาหารเพื่อกินมื้อเย็นเลย ปั่นไปสักห้านาทีได้มั้งคะก็ถึงแล้ว ร้านนี้เค้าเลี้ยงปลาเอง มีทั้งบ่อเลี้ยงปลากะพง และบ่อเลี้ยงปลา Sturgeon เราเลือกสั่งชุดสำหรับสองคนที่ใช้ปลา Sturgeon มาทำอาหารสามอย่างแล้วก็ผัดผักยอดฟักแม้ว เจ้าของร้านบอกว่ากระดูกอ่อน (แปลจากภาษาจีนกลาง 軟骨 – หรวนกู่) ในแกงจืด (ที่คงใช้หัวปลามาต้ม) นั้นกินได้นะ อุดมด้วยคอลลาเจน ฉันกินแล้วก็อืม คอลลาเจนเพียบแน่ๆ รสชาติยึกหยึยแบบนี้😆 ไม่เลวร้ายมากหรอกค่ะ แหม แล้วเถ้าแก่เขาบอกต้องตุ๋นตั้ง 4-5 ชั่วโมงนะถึงจะนุ่มได้ขนาดนี้ ก็ต้องกินซะหน่อยนะจะได้คุ้มกับค่าแก๊สหุงต้ม แถมมีประโยชน์ต่อร่างกายอีก😁 เนื้อปลานี่อร่อยดีนะคะ เป็นปลาเนื้อแข็งแบบปลาเก๋าน่ะค่ะ เอามาทำสเต็กปลากินกับหัวหอมบีบมะนาวนิดนึง แจ่มมากค่ะ

หนึ่งในเมนูจากปลา Sturgeon
กระดูกอ่อนปลาในแกงจืดอุดมด้วยคอลลาเจน

รุ่งขึ้นเช็คเอาท์แล้วเราขับรถมาที่เหล่าเจีย (Old street) เดินชมเมืองเล็กๆ นี้ ตรงด้านหน้าของ visitor center มีปลูกพุ่มผกากรอง ที่วันนั้นมีผีเสื้อตัวเบ้อเริ่มบินว่อนดูดน้ำหวานกันมากมาย จนฉันตั้งข้อสงสัยว่า น้ำหวานของดอกผกากรองอร่อยกว่าดอกไม้ชนิดอื่นที่ปลูกอยู่ใกล้เคียงรึยังไง ใครมีความรู้ช่วยบอกกันหน่อยสิคะ สงสัยจริงๆ นะ

ดอกหอมหมื่นลี้

แล้วเราก็เดินหาสะพานแขวนวัยเด็กของคุณชายจนเจอ อยู่ตรง 谷關飯店 – กู่กวนฟั่นเตี้ยน โรงแรมเก่าแก่ของแหล่งน้ำแร่นี้ เราเดินเข้าจากทาง 桂花巷 – กุ้ยฮวาเซี่ยง ที่สมชื่อตรอกนั่นล่ะค่ะ เพราะมีต้นดอกหอมหมื่นลี้เรียงไปเป็นแถวยาวเลย ถ้าช่วงออกดอกสะพรั่งคงหอมไกลไปหมื่นลี้สมชื่อเค้านะ😍 น่าเสียดายตอนนี้มีออกมานิดหน่อยเอง ถ้าใครสนใจจะมาแช่น้ำแร่ที่กู่กวนนี่ก็ได้นะคะ เดินทางได้สะดวกพอสมควรเพราะมีรสบัสจากสถานีรถไฟความเร็วสูง HSR หรือเกาเถี่ยไถจง แต่อาจจะต้องจองที่พักแถวๆ visitor center เพื่อความสะดวกนิดนึง หรือลองเช็คกับทางโรงแรมที่อยากพักดูก็ได้ว่ามีบริการรับส่งจากสถานีรสบัสตรง visitor center ไหม

อ้อ…น้ำแร่ที่นี่คุณภาพไม่เลวค่ะ อิฉันแช่แล้วผิวเนียนลื่นกลับไทเปเลยจ้า😄

 

Don`t copy text!