Road Trip 1 : หรรษา 阿里山 – อาลีซัน (Alishan)

Road Trip 1 : หรรษา 阿里山 – อาลีซัน (Alishan)

โดย : คุณนายฮวง

Loading

นอกจาก นิยายออนไลน์ สนุกๆ แล้ว อ่านเอา ยังมีคอลัมน์ ‘(เรื่องเล่า) 6,200 วันในไต้หวัน’ โดย คุณนายฮวง สาวไทยสุดไฮเปอร์ที่จับพลัดจับผลูมาอยู่ไทเปได้หลายปีดีดักกับเรื่องเล่าเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในต่างแดนที่เต็มไปด้วยสีสันและมุมมองหลากหลาย เรื่องราวดีๆ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์

แหม….ตั้งชื่อบทความฟังดูราวกับอิฉันไปขับรถตะลุยมารอบเกาะงั้นแหละ ไปแค่สามแห่งเท่านั้นเอง😅 แต่จริงๆ เคยขับรถเที่ยวรอบเกาะมาแล้วนะคะ น่าจะสัก 7-8 ปีก่อนได้มั้ง จำไม่ค่อยจะได้แล้วเหมือนกัน😆 เล่าแค่ทริปนี้ที่เพิ่งกลับมาสดๆ ร้อนๆ ละกันนะ

อยู่เกาะนี้มายี่สิบปี ในที่สุดคุณนายฮวงก็ได้โอกาสขึ้นไปเยือนอาลีซัน (Alishan) ซะที😁 ก็เมื่อประมาณแปดปีก่อนหน้าที่รัฐบาลคุณเจ๊ไช่นี่จะตัดสัมพันธ์ห้ามนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่มาเที่ยว อาลีซันเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่แทบจะตลอดทั้งปี นับช่วงเวลานั้นดูก็ต้องอย่างน้อยแปดปีที่หม่าอิงจิ่วเป็นประธานาธิบดีอยู่ชัวร์ๆ ล่ะ เพราะฮีมีสัมพันธ์อันดีกับจีนแผ่นดินใหญ่ ช่วงนั้นนี่เกาะนี้เต็มไปด้วยกรุ๊ปทัวร์จากจีนแผ่นดินใหญ่แบบล้นหลามมากค่ะ ธุรกิจใหม่ๆ เปิดกันคึกคักเพื่อรับนักท่องเที่ยวจากทางโน้นกันแยะเลย ดังนั้นตอนนู้นเราสองคนก็เลยไม่เที่ยวในประเทศกันเท่าไรนัก เพราะขี้เกียจไปตบตีกับกรุ๊ปทัวร์จากแผ่นดินใหญ่😆

วิวจากที่พักมองลงไปเห็นไร่ชา

อิฉันไม่ได้เว่อร์นะคะ ตอนกรุ๊ปนายเก่าที่การบินไทยมาเที่ยว ฉันได้ไปช่วยทำหน้าที่ไกด์กิตติมศักดิ์ จำได้เลยว่าตอนพาไปเที่ยวเหย่หลิ่ว (Yehliu Geopark) ไปยืนต่อคิวถ่ายรูปกับ Queen’s Head กัน เมื่อคิวต่อไปจะเป็นกลุ่มพวกเรา อาเจ๊ที่คิวก่อนหน้าเราเนี่ย นางให้เพื่อนถ่ายรูปให้ แล้วนางคงนึกว่ากำลังถ่ายแบบรึยังไงไม่ทราบ เปลี่ยนท่าโพสไปประมาณยี่สิบท่าได้แล้ว ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิก จนฉันทนไม่ไหวต้องตะโกนเป็นภาษาจีนขึ้นมาว่า “เฮ้ย ช่วยๆ ดูแถวคนที่ยืนรอถ่ายรูปด้วยนะเว้ย คิวยาวไปถึงประตูทางเข้าแล้ว” นางถึงยอมจบการถ่ายแบบ 🙄 นายเก่าอิฉันต้องบอกให้ใจเย็นๆ แหม มันเย็นไม่ไหวสิคะ พี่ขา แดดร้อนจะชัก หนูกลัวจะมีคนรอจนเป็นลมไปซะก่อน😑

Alishan Museum

ออกนอกเรื่องไปไกลเลย แหะๆ กลับมาอาลีซันดีกว่านะคะ😅 หลังจากหมดนักท่องเที่ยวจากแผ่นดินใหญ่ เราสองคนก็มีธุระปะปังให้ต้องทำกัน หรือไปเที่ยวประเทศอื่นซะทุกหน้าร้อน คือฉันเคยบอกคุณชายว่า ถ้าจะขึ้นอาลีซัน ไอขอขึ้นตอนซัมเมอร์โอนลี่นะจ๊ะ หน้าหนาวไอไม่เอาด้วยนะ ยู ไอกลัวหนาว😆 ก็เลยได้มีโอกาสเพิ่งไปเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมานี้เองค่ะ

Tea and Mist Trail

จองที่พักกันล่วงหน้าเกือบสองเดือน ทนอากาศร้อนอยู่ในไทเป หมายมั่นมากว่าจะได้ไปเริงร่าบนเขาอาลีซันร้องเพลง 高山青 ที่ฟังคุณเตี่ยเปิดให้ฟังมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วร้องตามได้ตรงท่อนต้นๆว่า

“高山青 澗水藍 阿里山的姑娘美如水呀 阿里山的少年壯如山 – เกาซันชิง เจี้ยนสุ่ยหลัน อาลีซันตีกูเหนียงเหม่ยหรูสุ่ยยา อาลีซันตีเส้าเหนียนจ้วงหรูซัน🎤🎼🎵”

แปลความหมายได้ว่า ภูเขาสูงเขียวขจี ลำธารสีฟ้าใส สาวๆ อาลีซันที่สวยเหมือนน้ำ หนุ่มๆ อาลีซันที่แข็งแกร่งราวภูเขา🎶 …ก็ได้ร้องนะ แต่ร้องแบบเปียกมะล่อกมะแล่ก😅

เมื่อตอนต้นเดือนดันเจอไต้ฝุ่นตัวแสบชื่อขนุนมาเฉียดใกล้เกาะ แล้วเจ้าความกดอากาศทั้งหลายมันผลักกันไปมายังไงไม่รู้ ทำให้เกิดฝนตกหนักทางตอนกลางไปจนถึงใต้เกาะ ทั้งๆ ที่ไต้ฝุ่นเลี้ยวขึ้นเหนือไปแล้ว เราเลยผจญกับฝนกันเกือบตลอดทริปนี้ ขับรถขึ้นเขากันแบบเปิดที่ปัดน้ำฝนปัดตลอดเวลา ตั้งสมาธิมองถนนกันสุดๆ อิฉันนี่เหล่าเอี๊ยปอห่อสวดมนต์ไปตลอดทาง😥

จุดชมพระอาทิตย์ตกบน Tea and Mist Trail มีระเบียงชมอยู่ 3-4 แห่ง มองหากันดีนะ หมอกคลุมไปหมด😁

เราเลือกที่พักบริเวณที่เป็นแหล่งปลูกชา ซึ่งห่างจากอุทยานแห่งชาติอาลีซันเป็นระยะทางขับรถประมาณหนึ่งชั่วโมงได้ค่ะ แถวนั้นสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณพันกว่าเมตร แต่อุทยานแห่งชาติอาลีซันอยู่ที่ความสูงระดับสองพันห้าร้อยกว่าเมตร เช็กอินเรียบร้อยก็ไปไฮกิ้งบริเวณที่ชื่อ 茶霧之道 – Tea and Mist Trail ก็ตามชื่อเลยค่ะคือเป็นบริเวณปลูกชาแล้วก็มีหมอกคลุมเต็มไปหมด (หมอกมีผลต่อรสชาติของชานะคะ ถ้าไม่มีหมอกเลย รสชาติชาจะไม่ค่อยดีนัก ข้อมูลนี้ดูจากรายการทีวีนะคะ มิได้มั่วเองนา😄) โดยเจ๊เจ้าของที่พักบอกเราว่า ที่จุดสูงสุดนั้นสามารถชมพระอาทิตย์ตกได้ เห็นอาเจ๊ว่าไต่บันไดประมาณห้าร้อยขั้นเอ๊ง😆

一心二葉 – อิ๊ซินเอ้อร์เย่

สองคนก็เดินชมไร่ชาไปตามแผนที่ มีเดินหลงอยู่บ้างแต่ก็ไปถึงจุดสูงสุดจนได้ ปรากฏว่ามีแต่หมอกปกคลุมจนมองไม่เห็นอะไร พระอาทิตย์ก็เล่นซ่อนแอบอยู่ไม่เยี่ยมหน้ามาทักทายกันบ้างเล้ย🤣 แต่เราสองคนก็ชอบนะคะ ได้บรรยากาศต่างจากไฮก์ในไทเปดี อากาศสดชื่น ได้เห็นยอดอ่อนของต้นชาที่ถือว่าเป็นใบชาคุณภาพและรสชาติดีที่สุด เพราะต้องใช้คนเก็บ ไม่ใช่ใช้เครื่องจักรกลเก็บแบบไถพรืดๆ (ที่คุณชายบอกว่าเอามาแพ็กใส่ขายเป็นแบบพวกชาถุงน่ะค่ะ) ยอดอ่อนของต้นชานี้ภาษาจีนเรียกว่า 一心二葉 – อิ๊ซินเอ้อร์เย่ แปลตรงตัวเป๊ะก็ได้ว่า หนึ่งใจสองใบ แหม ฟังแล้วนึกถึงเป็นหนึ่งเลย…มาตาพาไป😜

ตั๋วรถไฟในอุทยานแห่งชาติอาลีซัน

กลับเข้าเรื่องต่อนะคะ คืนนั้นสองคนคุยกันว่า มาเจอฝนแบบนี้จะได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นไหมนะ คุณชายบอกว่า จะตั้งนาฬิกาปลุกตอนตีห้าครึ่ง ถ้าเปิดม่านดูแล้วฝนฟ้าเมฆหมอกอึมครึม เราก็นอนต่อ และแล้วเราก็ได้นอนต่อจริงๆ ค่ะ😆 แหม อุตส่าห์เลือกที่พักที่สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นได้โดยไม่ต้องไฮกิ้งต่อไปแล้วนะนี่ ฝนฟ้าดันมาดับฝันเราซะ มิสชั่นแรกเลยจบเห่กัน😂

ถไฟอาลีซันที่ต้องนั่งซะหน่อย (จริงๆคือเหนื่อยแล้ว สังเกตได้จากหน้าคุณนายฮวง😅)

กินมื้อเช้าเสร็จเราก็ขับรถฝ่าฝนขึ้นเขากันต่อไปประมาณชั่วโมงนึงก็มาถึงอุทยานแห่งชาติอาลีซัน เมื่อขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ถึงเส้นทางที่เราควรเดินสำรวจเท่าที่เวลาจะอำนวยได้เรียบร้อยแล้ว เราก็นั่งรถไฟไปที่ Zhaoping Station – 沼平火車站 มาถึงนี่แล้วก็ต้องนั่งรถไฟอันลือชื่อของอาลีซันกันซะหน่อยนะคะ ในรถไฟมีเปิดเพลงประจำอุทยานให้ฟังด้วยนะ ฟังไปชมวิวไปยังไม่ทันไรก็ถึงซะแล้ว (6 นาที)

Sisters’ Ponds

จากนั้นก็เดินเท้ากันล่ะค่ะ เราเดินไปตามทางที่มีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ ไปจนถึง 姊妹潭 – Sisters’ Ponds คือสระน้ำสองสระที่อยู่ใกล้ๆ กัน โดยสระแรกเล็กกว่าสระที่สองหน่อยนึง ก็เลยเรียกเป็นสระน้อง สระพี่ใหญ่กว่ามีศาลาให้นั่งเล่นได้ด้วย จากนั้นเราก็เดินไปตามทางต่อ ไปชม 巨木群棧道 – Giant Tree Plank Trail 1 กัน ได้เห็น 千歲檜 – Thousand Years Cypress คือต้นสนไซเปรสที่มีอายุประมาณ 800+ ปี อีกต้นคือ 香林神木 – Xianglin Sacred Tree อายุประมาณ 600+ ปี

ป่าสนไซเปรสในอุทยานอาลีซัน

คืออย่างนี้ค่ะ ตั้งแต่โบราณแล้วอาลีซันมีป่าสนไซเปรสอันลือชื่อ แต่ช่วงที่ญี่ปุ่นยึดครองเกาะนี้ ได้ตัดต้นสนไซเปรสไปมากมาย ขนใส่เรือส่งกลับไปสร้างบ้านเรือนที่ญี่ปุ่น (ตอนรู้ข้อมูลนี้ อิฉันงี้โมโหจนควันออกหูเลย ตัดไม้ทำลายป่านี่ ทำร้าย Mother Nature กันชัดๆ) จนกระทั่งเจียงไคเช็คขับไล่ญี่ปุ่นออกไปจากเกาะ แล้วจึงทำการปลูกป่าสนไซเปรสขึ้นใหม่เมื่อปี ค.ศ.1945 อาลีซันถึงได้ยังมีป่าสนไซเปรสให้เราได้เดินสูดกลิ่นสนกัน

เนื่องจากฝนตกเลยทำให้เดินได้ไม่ทั่วอย่างที่ตั้งใจ (การเดินท่ามกลางสายฝนทำให้ฉันเหนื่อยง่ายกว่าปกติน่ะ) แต่เส้นทางเท่าที่เราเลือกเดินก็ทำให้การสำรวจอุทยานแห่งชาตินี้ มีความประทับใจไม่น้อยค่ะ เดินท่ามกลางป่าสนที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ เห็นความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ที่มนุษย์ตัวกระจ้อยไม่อาจเทียบได้ เราสองคนกะกันว่า มีเวลาก็จะมาอีกค่ะ จะต้องเดินให้ครบทุกเส้นทางให้ได้ ฉันชอบการเดินป่าแห่งนี้มาก เดินง่ายมีป้ายบอกทางตลอด แล้วที่สำคัญเดินป่าที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของต้นสนนี่มันฟินสุดๆ จริงๆ ค่ะ🥰

 

Don`t copy text!