ย่ำกรุงเก่าไต้หวัน

ย่ำกรุงเก่าไต้หวัน

โดย : คุณนายฮวง

Loading

นอกจาก นิยายออนไลน์ สนุกๆ แล้ว อ่านเอา ยังมีคอลัมน์ ‘(เรื่องเล่า) 6,200 วันในไต้หวัน’ โดย คุณนายฮวง สาวไทยสุดไฮเปอร์ที่จับพลัดจับผลูมาอยู่ไทเปได้หลายปีดีดักกับเรื่องเล่าเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในต่างแดนที่เต็มไปด้วยสีสันและมุมมองหลากหลาย เรื่องราวดีๆ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์

***********************************

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

ช่วงนี้เห็นโพสต์เที่ยวทิพย์ในเฟซบุ๊กกันจัง ฉันก็ถือโอกาสนี้เล่าเรื่องเที่ยวต่ออีกสักหน่อยนะ ครั้งแรกที่ไปย่ำกรุงเก่านี่ คืออยู่เกาะนี้มาได้สิบปี ฉันถึงได้มีโอกาสไปเยือน ‘ไถหนัน – 台南’ เมืองที่เก่าแก่ที่สุดของไต้หวัน และเป็นเมืองหลวงของเกาะในสมัยราชวงศ์ชิงด้วย (ค.ศ.1683-1887) จากนั้นก็ไปอีกสองครั้งเพราะยังไม่ได้ไปเที่ยวที่ที่อยากไป ครั้งที่สามนั่นคือพาเพื่อนๆ สมัยมัธยมไป ถ้าสายกินไปเที่ยวไถหนันนี่คงจะถูกใจแน่ เพราะไถหนันมีชื่อเรื่อง ‘小吃 – เสี่ยวชือ’ ถ้าแปลเป็นไทยก็น่าจะประมาณของว่าง อาหารว่างนั่นล่ะค่ะ

ครั้งแรกที่ไป เราขี่จักรยานชมเมืองกัน ไปเจอร้านบะหมี่ที่น่ารัก เป็นตึกเก่าปรับปรุงใหม่ ตกแต่งเป็นแนวเรโทร เห็นคนตรึมทั้งๆ ที่เป็นร้านสองคูหา มีชั้นสองด้วย ดังนั้นตามทฤษฎีของเราสองคน มันคงอร่อยนะ แล้วก็อร่อยจริงๆ ด้วย เราสั่งเป็นเซตสำหรับสองคนกิน มีบะหมี่สองชาม โดยชามหนึ่งคือตั้นไจ่เมี่ยน – 擔仔麵 ที่มีต้นกำเนิดจากไถหนัน กุนเชียงย่าง ปลาซือมู่อวี๋นึ่ง (虱目魚 – Milkfish ไถหนันเป็นแหล่งใหญ่ทำฟาร์มปลาชนิดนี้) ขนมเผือก (คล้ายๆ ขนมผักกาดแต่ใช้เผือกทำ) ขนมปังยัดไส้ซีฟู้ดครีมสลัด เผือกข้าวเหนียวนึ่ง เต้าฮวยถั่วแดง แล้วก็น้ำเฉาก๊วย ทุกอย่างมาเป็นจานเล็กๆ ตามสไตล์เสี่ยวชือ😋 คิดว่าร้านชื่อ 赤崁擔仔麵 – ชื่อคั่นตั้นไจ่เมี่ยนนะคะ ฉันลองเช็กถามอากู๋ดู จากรูปน่าจะใช่ร้านนี้ล่ะค่ะ😅

บรรยากาศด้านใน

รอบแรกนี่ขี่จักรยานเที่ยวในตัวเมือง ไปชมป้อมเก่า (ที่มีอยู่หลายแห่ง) คุณชายเลือกไปที่อยู่ในรัศมีพอขี่จักรยานไหวชื่อว่า Eternal Golden Fort – 億載金城 – อี้ไจ้จินเฉิง สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1874 โดยขุนนางของราชวงศ์ชิงชื่อเสิ่นเป่าเจิน เพื่อใช้เป็นจุดยุทธศาสตร์ในการต่อสู้ป้องกันการบุกรุกจากญี่ปุ่น ฉันชอบตรงที่รอบๆ ป้อมมีคูน้ำล้อมรอบเหมือนในหนังฝรั่งสมัยโบราณที่เคยดูน่ะค่ะ ดูแล้วขลังดี แต่มาตกม้าตายตรงที่ดันสร้างสะพานคอนกรีตเป็นทางเดินเข้าป้อมไปซะนี่ แหม! ก็ไม่ถึงขนาดว่าต้องเป็นสะพานชักแบบโบราณหรอกนะ เป็นสะพานไม้ซะหน่อยก็ยังให้อารมณ์เป็นป้อมโบราณกว่านะ ฉันว่า😆

Tainan Confucious temple

จากนั้นเราก็ไปชมโรงเรียนแห่งแรกของไต้หวันกัน วัดขงจื้อหรือข่งเมี่ยว – 孔廟 (Tainan Confucius Temple) ที่ก่อตั้งในปี ค.ศ.1665 โดยลูกชายของนายพลเจิ้งเฉิงกงแห่งราชวงศ์หมิง (นายพลคนนี้ได้นำทัพถอยร่นมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ เพื่อหวังกอบกู้ราชวงศ์หมิงคืนจากราชวงศ์ชิงของแมนจู) ชื่อว่า ‘เจิ้งจิง’ เพราะที่ปรึกษาทางทหารของคุณเจิ้งจิงที่ชื่อเฉินหย่งหัวเล็งเห็นว่า ชาติจะมั่นคงได้ต้องมีขุนนางที่มีความรู้การศึกษาดี จึงแนะนำให้คุณเจิ้งจิงก่อตั้งโรงเรียนขึ้น แหม อยากให้บ้านเรามีที่ปรึกษาทางทหารที่มีวิสัยทัศน์ดีๆ แบบนี้บ้างจัง อุ๊บส์ เผลอไปหน่อย😅

ภายนอกสงบร่มรื่น

กลับเข้าเรื่องเที่ยวทิพย์ของเราต่อดีกว่านะคะ😁 เนื่องจากรอบแรกยังเที่ยวไม่ครบสถานที่ที่อยากไป จึงเกิดทริป ‘Return to Tainan – ไถหนันอีกสักครั้ง’ ในเวลาหลายปีต่อมา (เป็นคุณนายฮวงนี่ต้องทำใจหน่อยค่ะ คุณชายไม่ค่อยจะมีเวลาว่างสักเท่าไหร่😜) ครั้งนี้นี่อิฉันสั่งพุ่งตรงไปเป้าหมาย ที่หมายมั่นปั้นมือไว้นานแล้วทันทีนั่นก็คือ… Sicao Green Tunnel หรือ 四草綠色隧道 – ซื่อเฉ่าลวี่เซ่อซุ่ยเต้า ที่ขึ้นชื่อลือชาของเมืองนี้ ที่นี่เคยใช้เป็นคลองขนส่งเกลือจากนาเกลือไปเก็บที่โกดัง มีความยาว 750 เมตร กว้าง 20 เมตร แต่ตอนนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศวิทยา เราสองคนขับรถไปจอดที่ที่จอดรถของวัด 四草大眾廟 – ซื่อเฉ่าต้าจ้งเมี่ยว หรือ Sicao Dazhong Miao แล้วก็ไปลงเรือชมคลอง ซึ่งมีอยู่ 2 เส้นทางคือ Sicao Green Tunnel กับ Taijiang Boat Ride แต่อันที่ขึ้นชื่อที่เห็นรูปกันบ่อยๆ บนอินเทอร์เน็ตคือ Sicao Green Tunnel ค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าเตะลูกกะตาตี่ๆ ของเราสองคนด้วย จ่ายไปคนละ 200 หยวนก็ได้ลงเรือสมใจ😍 อ้อ หางตั๋วเก็บไว้ไปเข้าชมพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ที่อยู่ข้างๆ ได้ฟรีนะคะ ในนั้นมีโครงกระดูกปลาวาฬให้ชมเป็นขวัญตา

อุโมงค์ต้นไม้สวยจริงๆ ค่ะ

วันนั้นโชคดีมากที่ได้นั่งแถวหน้าสุดในเรือ เลยถ่ายรูปได้สบายๆ มีไกด์บรรยายให้ฟังถึงต้นไม้ใบหญ้าที่ขึ้นอยู่ตามทาง ชี้ให้ดูปูทั้งหลายที่ชอบอาศัยอยู่ในบริเวณป่าชายเลนน้ำกร่อย แต่ฉันก็มัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามของวิว แล้วปูพวกนั้นก็ตัวเล็กมาก สายตาระดับป้ามหาภัยอย่างคุณนายฮวงเลยมองไม่เห็น ฮิฮิ คุณชายเธอนั่งอยู่ริมกราบเรือก็พยายามถ่ายรูปเอาไว้มาให้เมียดู เอามาเปิดในคอมพ์ขยายใหญ่จนพิกเซลเกือบแตกนั่นล่ะถึงได้เห็นตัวปู😆😂  อุโมงค์ต้นไม้ที่นี่สวยจริงๆ ค่ะ แต่อย่ามัวแต่ถ่ายรูปเพลินเชียว บางช่วงกิ่งไม้ลงมาต่ำมาก ต้องคอยก้มหัวหลบให้ดี ไม่งั้นมีมึนแน่ ฮิฮิ

ครั้งที่ไปกับเพื่อน เมื่อเรือหยุดขวางคลองให้เซลฟี่รูปหมู่กับอุโมงค์ต้นไม้

อ้อ อธิบายถึงเรือที่ให้บริการสักนิด เป็นเรือท้องแบน แล้วเขาก็เอาเก้าอี้ตัวเตี้ยๆ ไปตั้งเรียงเป็นแถวๆ ให้คนนั่ง ดังนั้น ถ้าคุณอยากได้ที่ถ่ายรูปถนัดๆ ก็ต้องเป็นเก้าอี้แถวแรก หรือแถวสุดท้ายก็ได้ (นี่คือกรณีที่คุณนั่งหันหลังให้กับทิศทางที่เรือแล่นไปข้างหน้านะคะ แล้วคุณก็จะถ่ายรูปได้เหมือนเก้าอี้แถวหน้า) แต่ถ้าสมมติว่าชิงไม่ทันจริงๆ นั่งช่วงกลางระหว่างหัวและท้ายเรือก็ได้ เพราะคนบังคับเรือเขาจะมีหยุดตรงจุดที่เหมาะแก่การถ่ายรูปอุโมงค์ต้นไม้ แล้วก็บังคับเรือให้หันขวางคลอง ให้ถ่ายรูปกันได้ตามสบายแป๊ปนึง ฉันนับว่าโชคดีมาก ที่ทั้งสองรอบคือ ไปกับคุณชายรอบนึง กับอีกรอบพาเพื่อนมัธยมไป ได้ที่นั่งแถวหน้าสุดทั้งสองครั้งเลย😉

รูปภูเขาเกลือที่ฉันเห็นในนิตยสาร
ส่วนนี่ คือของจริงที่ไปเห็นด้วยตาตัวเอง สูงประมาณ 20 เมตร

หลังจากได้ชม 四草綠色隧道 – ซื่อเฉ่าลวี่เซ่อซุ่ยเต้า สมอารมณ์หมายแล้ว เป้าหมายถัดมาคือ Qigu Salt Mountain หรือ 七股鹽山 – ชีกู่เอี๋ยนซัน ภูเขาเกลือที่ฉันเคยเห็นในนิตยสาร เป็นรูปภูเขาเกลือที่ให้คนเดินขึ้นไปได้ บนยอดมีรูปปั้นครึ่งตัวของคิวปิดตั้งโดดเด่นอยู่ แหม! ปักหมุดทันทีค่ะว่า ต้องไปดูพ่อคิวปิดน้อยที่มีเกลือพอกซะหน้าตาจิ้มลิ้มน่าถ่ายรูปด้วยซะหน่อยซิ แต่ปรากฏว่า ตอนที่ไต้ฝุ่นเข้าเมื่อปี 2016 เจ้าคิวปิดน้อยโดนไต้ฝุ่นถล่มไปซะแล้ว เราก็เลยได้แต่ถ่ายรูปกับเดินไต่ขึ้นภูเขาเกลือหัวโล้นไปแทน ฮ่าๆๆ😁 เกือบลืมบอกไป เราจ่ายค่าเข้าตามอัตรารถยนต์คือคันละ 100 หยวน แล้วก็มีคูปองแถมให้ เป็นส่วนลดสำหรับอาหารเครื่องดื่มในนั้น แถมส่วนลดสินค้าบางอย่างในร้านขายของของไถเอี๋ยน – 台鹽 (บริษัทเกลือของไต้หวัน เข้าใจว่ารัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่นะคะ) อีกด้วย คือคิดว่าทางไถเอี๋ยนคงกะทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วยน่ะ เพราะในบริเวณก็มีประมาณพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับการทำนาเกลือ มีแปลงสาธิตด้วยมั้ง (อันนี้ไม่แน่ใจ เพราะเห็นแต่กองเกลือโดนผ้าใบคลุมอยู่) มีทะเลสาบให้ถีบเรือเล่นได้ แต่ตอนเราไปนี่ แดดเปรี้ยง เลยไม่เห็นมีใครถีบ อิอิ แล้วก็มีรถไฟเล็กๆ แล่นพาชมบริเวณต่างๆ ข้างในนั้นด้วย

ปากทางเข้าถนนคนเดิน เสินหนงเจีย

หลังจากไปเที่ยวเป้าหมายทั้งสองท่ามกลางแดดเปรี้ยงครบถ้วนแล้ว คุณชายบอกขอกลับโรงแรมอาบน้ำนอนพักก่อนนะจ๊ะ หัวค่ำถึงออกไปหาข้าวกิน แล้วไปเดินที่ถนนคนเดินสายเล็กๆ ชื่อ Shennong Street หรือ 神農街 – เสินหนงเจีย ที่แยกจากถนนเส้นใหญ่ชื่อ Art Street หรือ 藝術街 – อี้ซู่เจีย ถนนเสินหนงเจียเส้นนี้เป็นตึกแถวเก่าๆ ที่เอามาทำใหม่ให้เก๋ไก๋ดีไซ้น์ดีไซน์ ของที่ขายก็กิ๊บเก๋น่ารักดีค่ะ แต่เราไปถึงสองทุ่มกว่าเกือบสามทุ่ม ร้านส่วนใหญ่ปิดกันไปบ้างแล้ว ฉันได้ไปเดินช่วงกลางวันอีกทีตอนที่พาเพื่อนๆ ไปเที่ยว ใช้ได้นะคะ เดินได้เพลินดีเหมือนกัน อ้อ ลืมบอกไปว่า ที่ด้านข้างของข่งเมี่ยวมีถนนสายเล็กๆ เป็นถนนคนเดินเช่นกัน มีร้านรวงเก๋ๆ ขายของกิน ของใช้ เดินเพลินเช่นกันค่ะ

เป็นไงบ้างคะ รายการเที่ยวทิพย์ – ย่ำกรุงเก่าไต้หวัน เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องเสี่ยวชือ เฮ้ย เกือบลืมอีกอย่าง พอพูดถึงเรื่องกินถึงนึกได้😅 อาหารเช้าของคนไถหนันที่ฉันเดินไปไหนในตัวเมืองก็พบเห็นได้ทั่วไปคือ 牛肉湯 – หนิวโร่วทัง มันคือชิ้นเนื้อวัวแผ่นบางๆ แล้วราดน้ำซุปต้มกระดูกวัวเดือดๆ ลงไป ถ้าใครชอบกินเนื้อวัว ก็ลองกันดูนะคะ จะได้ไปถึงไถหนันจริงๆ 😉 นี่ดีนะที่อิฉันยังนึกขึ้นได้ ข้อมูลสำคัญซะด้วย เรื่องกินนี่นะ😆

Don`t copy text!